CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    . . . พ่อเฒ่ากับเจ้าหนู . . . ๗

    มันหาใช่สิ่งที่เขาคาดไว้

    ปลายโซ่ด้านหนึ่งล่ามไว้กับลำต้นเกาลัดป่าอีกปลายมัดกับแร้ว

    เขางุนงง ว่าเจ้างั่งคนใดหนอถึงทำเช่นนี้

    ด้วยความเจ็บปวดคลุ้มคลั่งทุรนทุรายเช่นนี้

    สัตว์ตัวโตคงปราศจากน้ำตา ปล่อยเท้าตัวติดอยู่ในกับนั้นโซ่เส้นนั้นควรจะล่ามผูกไว้กับท่อนซุงหนัก ๆ อะไรก็ได้ ที่ไม่ ติดตาย กรงเหล็กคล้ายคลองเลื่อยงับที่ขาหลังข้างขวาของเจ้าหมีตัวนั้น หว่างกลางอุ้งตี นกับข้อพับ มันรู้ดีว่าคมนั้นจมลึกไปใกล้กึ่งกลางเอ็นเนื้อเหนียวแน่นตลอดกลางกระดูก

    ผ่านไปชั่วครู่เขามองเจ้าสัตว์ร้ายตัวใหญ่ ส่งเสียงคำราม น้ำลายฟูมเปรอะขนระหว่างดิ้นรน

    เขาทราบว่าในสมองน้อยนิดของมันคงไม่รู้สึกเจ็บปวดในตอนนี้ จะมีเพียงแต่ความหวาดกลัวและรอย ปูดโปนจากสิ่งที่มันไม่รู้จัก

    มันเสือ กไสครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งโซ่นั้นก็ยิ่งยึดแน่นเข้า ๆ จนกินมาถึงหัวเข่า ครั้นแล้วมันขยับ กายมาสนใจกับบาดแผล เลียแทะทั้งเหล็กทั้งเนื้อที่ฉีกขาดนั้น เขาจินตนาการไปว่าเห็นถึงอารมณ์หด หู่ระคนสิ้นหวังสับสนในประกายตายิบหยีเหมือนหมูคู่นั้น เขาคว่ำมือขวาวางลงบนลำต้นไม้ยมหอมข้างหลัง สัมผัสเปลือกเยิ้มชื้นที่เย็น นิ้วเขาแยงไปในร่องเล็ก ๆ ขุ้ยแคะมอสและไลเค่นที่เกาะอยู่

    เขาคงอยู่ตรงนั้นลางทีอาจนานอีกนาทีหนึ่ง จ้องมองเจ้าหมีตัวมโหฬาร รู้ว่าบัดนี้เขาจะต้องไปสังหารมัน เขาจำต้องสังหารมันหรือมิฉะนั้นก็แขวนคอล้างอาย ภุสติที่เขาอาศัยอยู่างไปหกไมล์ เขารู้ว่าอาจ กลับไปได้ในสี่สิบนาที และร้องไห้ร้องห่มขอความช่วยเหลือได้ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเจ้าหมีตัวนั้นคง หลุดไปเป็นอิสระเหลือขาทิ้งไว้ข้างหนึ่งให้เขาอับอายไปชั่วชีวิต แต่หากเขาสังหารเจ้าหมีตัวนั้น ตามกฏ เขาก็จะมีเกียรติที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยครึ่งหนึ่งของมัน เขาทราบว่าไขมันมีค่า ใช้ต่างยาได้ เขาเคลื่อนกายจากหลังต้นไม้ ตรงไปยังเจ้าหมีนั้นด้วยเสียงดัง สัตว์ตัวนั้นเห็นเขา

    เขายืนไม่ไหวติงไปชั่ว พักหนึ่ง ครั้นแล้วมันก็เหจาก ตั้งใจแค่จะหนี โซ่รั้งไว้ และโซ่ดังกิ๊กเมื่อขืนขึ้นทันใด

    เจ้าหมีนั่นหันกลับไป ใส่ใจหัวเข่ามันอีกครา มันหันขวับ ดวงตายิบหยีจ้องเขม็งยังชายที่มุ่งเข้ามา ครั้นแล้วมันคำรามอย่างโกรธ เกรี้ยว หันมาเผชิญชายหนุ่ม ยันกายขึ้นด้วยขาหลังอย่างรวดเร็วไม่พูดพล่ามทำเพลง

    เขาหยุดกึกในวงล้อมของดงไม้ที่รายรอบ เขาไม่เคยเห็นหมีในระยะประชิดเช่นนี้มาก่อน ไม่มีแม้ตัวเดียว ที่ยังมีชีวิต และยืนเยี่ยงมนุษย์ เลือดและน้ำลายเกรอะจงอยจมูก

    "เฮ้ย บาลู" เขาตะโกนลั่น

    เจ้าหมีคำรามลั่นอก ย่างเท้าไปข้างหน้า เอื้อมแขนหนาหนักออกมาคว้า ประหนึ่งหญิงสาวไขว่คว้าหาชู้รัก ชายหนุ่มนึก เขาเห็นกรงเล็บยาวดำโผล่ปลายมาจากแขนที่ไขว่คว้าอยู่ และเห็นตัววีสีขาวประดับอยู่บนหน้าอกอันทรงอำนาจนั้น เขาเกิดกลัวมาขึ้นในขณะนั้น มิใช่ห่วงตัวเอง มากมายสำหรับบาดแผลใด ๆ ที่อาจได้รับ หากแต่กลัวสำหรับสิ่งที่ที่เขาจำต้องกระทำ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะทำฉันใดจริง ๆ

    เขาเริ่มตระหนักถึงน้ำหนักขวานบนไหล่ เขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์ เขาไม่มีวันที่จะหยิบยื่นความตายในหนึ่ง ครั้งแก่แขวนที่กวัดไกวคู่นั้น ก่อนที่มันจะคว้าถึงตัวแล้วทึ้งเครื่องในจากท้อง กุกรีที่ซ่อนอนไว้ตรงเอว แม้มีใบมีดยาวถึงถึงสิบสามนิ้ว คมกว่าขาน ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน เขานึกถึงคันธนูที่ไหล่ขวาและลูกธนูหัว เหล็กหกดอก ในซองธนูหนังที่สพายขวางลำตัวข้างหลังเขา ความหนักใจของเขาได้ผ่อนไปเล็กน้อย แต่เมื่อได้คิด เขาเริ่มคลางแคลงถึงความเป็นไปได้ถึงสิ่ที่เพ่งบังเกิด วินาทีก่อนหน้าก็ได้คำตอบเขาไม่ได้คิดว่าลูกธนูดอกเพรียวจะทะลุหนังมังสาไปถูกจุดสำคัญ เขาไม่ชอบ ความคิดนั้นเลย เขาไม่ชอบความคิดที่ใกล้เป็นสัตว์ป่าเถื่อนยิ่งกว่า เขาวางขวานลงหยิบลูกศรจากซองที่หลังและเล็งธนูเขาเงยมองหมีตัวนั้น แล้วใจไม่ดี เขาจะเล็งธนูไปที่ ตำแหน่งใดบนร่างเจ้าจอมพลังสีดำนั่นดี ตาทั้งคู่หรือ?

    แม้นเขาจะแม่นธนูแต่ก็เป็นการยิงที่เป็นไปไม่ได้ หัวหนาหนักนั่นมิได้อยู่นิ่ง มันเสยไสไปมาขณะทีแววตาลุกโชนคู่นั้นติดตามทุกอากัปกิริยาของเขา หัวใจรึ?

    เขาไม่คิดว่าตัวเขาหรือลูกธนูจะมีอำนาจทะลุทะลวงได้ลึกขนาดนั้น เขาไม่เห็นหนทางอื่นใด แต่เขาก็ลองดู คงมิใช่จากด้านหน้า จากด้านข้างคงเป็นความหวังเดียวของเขา เขาเริ่มวนรอบ ๆ ตัวหมี รักษาระยะหว่างรัศมีก้าว แต่เจ้าสัตว์นั่นก็เคลื่อนไหวไปตามเขา ราวกับมันจะเดาใจ เขาถูก มันก้าวไปข้าง ๆ อย่างเชื่องชา วนตามชายหนุ่มตามระยะช่วงโซ่ อวดแผงอกมีรูปตัววีเป็นเป้า เขาถอยออกมา เขารู้สึกว่มหยาดเหงื่อเกาะตามใบหน้ามันเย็น และเขาก็รู้ว่ามันเป็นหยาดน้ำแห่งความกลัว เขาไม่อยากนึกเลย เขหยิบกอนหินก้อนเท่ากำปั้นแล้วขว้างใส่เจ้าหมีตัวนั้น เขาปาถูก หินกระทบจมูกเจ้าสัตว์นั้น


    เจ้าหมีนั้นร้องโหยหวนและกระโจนเข้าใส่เขา เขาผงะกลิ้งไปข้างหลัง ตื่นตระหนกกับความบ้าคลั่งดุร้ายที่เขาได้ ปลดปล่อยออกมา เสียงคำรามคำรณจนโลกดำมืดลงกับสีขนและความเกลียดของมันด้วยสัญชาติญานเขายกแขน ขึ้นป้องกันตัว ลืมเรื่องโซ่ไปเสียสิ้น ขณะมองไปที่เหงือกแดงมีฟันเหลือง เขาคิดว่าคงไม่ได้กลับบ้านแน่

    หมีสะดุดล้มลงเมื่อโซ่ตึงฉุดน้ำหนักทั้งหมดมากองข้างใต้ ในขณะนั้นชายหนุ่มเริ่มฟื้นตัว เขขาไปตั้งหลักง้าวธนู จนสุด เล็งแล้วยิงธนู มักปักเบา และไปไกลสิบห้านิ้ว เขาทราบว่าคงไม่ก่อให้เกิดอะไรเสียหายอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะมันเลยหัวไหล่ขวาไปเขามิได้กังวลเรื่องลูกธนูเสียเปล่า เขาเริ่มใจมา การต่อสู้เพิ่งจะเริ่ม ตอนนี้ไม่มีเวลา มาเสียหัวแก่ความกลัว ตอนนี้ล่ะ บาลู แกต้องตาย เขาคิด

    เขาขึ้นลูกธนูอีกดอก ปล่อยพุ่งตรงไปยังหน้าอก ค่อนไปทางขวาของตัววี เจ้าหมีตัวนั้นยืน นิ่ง ตะลึงไปชั่ววินาที แขนหนากางอ้าออกราวกับจะอ้อนวอนขอความกรุณา ครั้นแล้วมัน ก็ออกอาการบันดาลโทสะ อุ้งเท้ามโหฬารคว้าข้ามอกแล้วตะครุบลูกธนู มันคำรามเกรี้ยว กราดดุดันใส่เด็กหนุ่ม โซ่รั้งมันล้มลง แต่แทนที่จะตะเกียกตะกายลุขึ้นยืนมากเหมือนครั้งก่อนหน้านั้น มันกลับ นอนหงายผึ่งตรงที่ล้มลงลง อกอันมโหฬารกำลังหายใจอย่างหนัก ลูกธนูเข้าไปถึงหัวใจ

    เขาคิดอย่างปลาบปลื้ม เขาทิ้งธนู แล่นไปหาขวาน หยิบขึ้นมา ถ่มน้ำลายใส่ฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วกุมด้ามแน่น เขาปราดเข้าใส่เจ้าหมี หยุดอยู่ห่างจากมันสองหลา เขาพิจารณาดูมันอยู่ชั่วขณะ ไตร่ตรอง ว่าจะใช้ขวานฟันตรงไหนดี ตรงนั้นไง เขาบอกตนเอง ตาเขาหมายตำแหน่งข้างหลังกะโหลกหัวสัตว์ตัวนั้น เขาย่างเท้าอย่างว่องไว กวัดแกว่งขวานเหนือศีรษะ กล้ามเนื้อทั่วสรรพางค์กายเกร็งเพื่อ ให้สัมฤทธิ์ผล อุ้งเท้าตะปปเขาเลยเหนือข้อเท้าไปแปดนิ้ว กล้ามเนื้อฉีก กระดูกร้าว แรงเหวี่ยงเขาออก ข้างทางไปไกล ห่างจากเงื้อมมือเจ้าหมีคลุ้มคลั่งตัวนั้น ขาเขาไม่รู้สึกปวดแต่ก็รู้ว่ามีสิ่งผิดปรกติ เขานอนซบหน้ากับพื้นเฉอะแฉะ รู้สึกถึงความอุ่น ชื้นกำซาบสู่ผิวหนังที่ถลอก

    เขานอนอยู่ตรงนั้น จ้องมอง เจ้าหมีตะเกียกตะกาย และแข็งขืน ขณะมันยืดกายและเกลือกกลิ้ง พยายามเอื้อมอุ้งเท้าให้ถึงเขา เขาไม่รู้สึกอันใดเมื่อรเล็บหนา ตะปปตะกุยดินห่างสีข้างเขาหลายนิ้ว เขามัวแต่ตะลึงงันกับสิ่งเกิดขึ้นฉับพลันเกินกว่าจะคิด สิ่งใด เขาอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานก่อนจะเคลื่อนกาย ความเจ็บปวดเริ่มมาสู่ขาทีละน้อย เขายอมรับ มันโดยดุษฎีเพราะมันปลุกเขาตื่นจากภวังค์ เขาหาได้สู้รบกับมันในใจ เขายอมแพ้ ปล่อยให้ มันทำร้ายเขา ตระหนักว่ามันจะทำให้เขาเคลื่อนไหวและทำการ เขาพลิกตัวออกและลุกขึ้นนั่ง เขาเจ็บปวดจนต้องขบฟัน เขาชอบ เขารู้แน่ชัดในบัดนั้นว่า กำลังจะฆ่าเจ้าหมีตัวนั้น เขายังไม่รู้ว่าจะจัดการมันอย่างไร แต่แน่ใจว่าเมื่อเขาจากไปมันคง ตายไปแล้ว เขาฉีกเศษผ้าจากชายเสื้อที่ขาดรุ่งริ่ง เขาบิดมันครั้งแล้วครั้งเล่าจนแข็งเหมือนเชือกเส้นยาว

    เขาดึงกุกรี(=มีดเล่มน้อย?)มาตัดกิ่งไม้จากพุ่มใกล้ ๆ

    เขาขลิบจนสั้นเหลือสามนิ้วแล้ววางมีด ลงบนพื้นดินเขาชักเท้าขวาขึ้นมาแล้วพันเชือกห้ามเลือดเหนือเข่าใช้กิ่งไม้ขันเชนาะให้แน่นเข้า เมื่อเสร็จกิจเขาหันมาจ้องเจ้าหมี มันหมอบไปแล้ว จากระยะไกลมันดึงเท้าข้างที่ติดกับกึ่ง ร้องกึ่งคำรามทุกครั้งที่ถูกโซ่จับดึงรั้งไว้

    แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 47 00:43:59

    จากคุณ : ส.ค.ศ. ๔๙๑๔ - [ 28 ก.ย. 47 00:37:38 ]