ในวันนั้นฉันเดินอยู่บนบาทวิถี ใจกลางเมืองใหญ่ที่มีผู้คนนับล้าน ท่ามกลางแสงของหลอดไฟ ที่เจิดจ้าจรัสแสงอยู่เกือบทุกหนแห่งในเมืองแห่งนี้ ท่ามกลางแสงไฟเหล่านั้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ฉันเห็นมุมมืดของท้องฟ้า ที่มีดวงดาวลอยอยู่นับหมื่น นับแสน นับล้าน ฉันรู้แล้วว่าเวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำ ซึ่งผู้คนควรที่จะกลับบ้าน แต่ทว่าฉันสังเกตเห็นความวุ่นวายของหลากหลายชีวิตท่ามกลางเมืองใหญ่แห่งนี้ พวกเขาเหล่านั้นกำลังทำอะไรกัน ฉันพยายามที่จะคิดเพื่อพบกับสาเหตุของความวุ่นวายนั้น ค่ำคืนนี้ไม่เงียบ ไม่เหงา เหมือนคืนก่อนๆ มา
ฉันยังไม่เข้าใจเช่นกันว่าภายใต้แสงของดวงดาว และหลอดไฟใจกลางเมืองใหญ่เช่นนี้ ผู้คนมากมายนับพัน นับหมื่น นับแสน มาทำอะไรกันที่นี่ ทำไมพวกเขายังไม่กลับไปยังเคหะสถานที่สมควรของตน พวกเขาออกมาเดินขวักไขว่กันเหมือนมดที่กำลังเดินออกจากรัง ต่างแต่เพียงว่ามดมีระเบียบกว่าพวกเขา สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนแลดูมีความสุข แต่ละคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม และเครื่องประดับที่จรัสแสง พวกเขาดื่ม กิน และเต้นรำ กันอย่างมีความสุข เหมือนดั่งภาพเขียนสี Rehearsal on stage ของ Edgar Degas ไม่มีผิด
ค่ำคืนนี้ ช่างดูแปลกประหลาดกว่าค่ำคืนอื่นมาก ค่ำคืนนี้ พวกเขา ยิ้มแย้ม หัวเราะ สนุกสนาน ผิดกับค่ำคืนที่ผ่านๆมา พวกเขาต่างมีสีหน้าที่เคร่งตึง บ่งบอกถึงความทุกข์มากมายที่แฝงอยู่ภายใต้จิตใจที่เหนื่อยล้าของพวกเขา ทำไมค่ำคืนของวันนี้จึงแปลกและแตกต่างจากค่ำคืนอื่น ฉันคิด
เท้าทั้งสองของฉันยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สายตาของฉันยังคงสาดส่องมองสิ่งที่ผ่านมาและผ่านไปอย่างช้าๆ สายตาของฉันสอดส่องเข้าไปยังซอกตึกมืดทึบแห่งหนึ่ง ที่เหม็นชื้น และไม่น่าอภิรมย์เท่าไร แต่สายตาของฉันก็ยังคงมองเข้าไปภายใต้ความมืดที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้าของเมืองใหญ่
ฉันเห็นลังไม้ใบใหญ่สีออกน้ำตาล มีตะไคร่น้ำหรือเชื้อรา ติดอยู่บ้างบางส่วนของลัง สายตาของฉันพยายามที่จะมองเข้าไปยังลังไม้นั้น ทันใดนั้นสายตาของฉันก็ไปกระทบกับภาพของเด็กชายคู่หนึ่ง ซึ่งกำลังนอนหลับสนิท เด็กทั้งสองคนดูสกปรกมอมแมม เด็กทั้งสองไร้ซึ่งผ้าห่ม และเครื่องนอนอย่างที่คนสามัญจะมีกัน สีหน้าของเด็กทั้งสองบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า ผิวหน้าที่เต็มไปด้วยความมัน และคราบของบางสิ่งติดอยู่ พวกเขาดูนอนหลับกันอย่างมีความสุข เด็กสองคนนี้ไปทำอะไรกันมา และทำไมทั้งสองจึงได้มานอนในลังไม้ใบนี้ ในซอกตึกซึ่งไม่มีใครสนใจ ซอกตึกที่มืดทึบ เหม็นชื้น ท่ามกลางแสงสว่างและความวุ่นวายของเมืองใหญ่
ฉันเดินจากซอกตึกและเด็กทั้งสองนั้นมา ปล่อยให้พวกเขาได้พักผ่อนและฝันถึงความงามอันบริสุทธิ์ เท้าทั้งสองของฉันค่อยๆ พาฉันไปตามถนนที่ดูกว้างใหญ่ แต่แน่นขนัดไปด้วยรถยนต์มากมาย หลากหลายสี หลากหลายยี่ห้อ แต่สิ่งที่เหมือนกันของบรรดารถเหล่านั้นคือ รถเหล่านั้นกำลังปล่อยควันที่มีสร้างมลพิษออกมาจากปล่องที่อยู่ด้านหลังของรถ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของทรัพยากรที่ทรงคุณค่าที่สุดในโลกในขณะนี้ ค่ำคืนนี้รถเหล่านี้ถูกเจ้านายของพวกมันพาขับออกมากันทำไม ภายใต้ค่ำคืนที่ดูวุ่นวาย ความวุ่นวายดูจะไม่ใช่มีแค่ลานเต้นรำ ความวุ่นวายยังคงแผ่เข้าไปยังท้องถนน รถเหล่านี้สร้างความวุ่นวายให้กับเมืองใหญ่แห่งนี้ได้ไม่น้อยเลยที่เดียว
ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ฉันเดินไป สายตาของฉันก็ยังคงมองภาพต่างๆที่ผ่านเข้ามาอย่างพินิจ ภาพต่างๆที่ผ่านเข้ามาก็ยังคงดูวุ่นวายและสับสนเช่นเดิม ฉันเดินย้อนกลับทางเดิมที่ฉันได้เดินมาเมื่อตอนหัวค่ำ พวกเขายังคงเต้นรำ และดื่ม กิน ไม่เลิก ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาสมทบทำให้ดูมากกว่าเดิมหลายเท่านัก ถึงแม้จะแออัด แต่พวกเขายังคงเต้นรำกันต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฉันต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่จะเดินแหวกผ่านฝูงชนมหาศาลเหล่านั้น บนสะพานลอย ผู้คนดูน้อยอย่างมากเมื่อเทียบกับลานเต้นรำ เท้าทั้งสองของฉันค่อยๆ ก้าวขึ้นบันได อย่างช้าๆ ที่ละก้าว ตอนนี้ฉันยืนอยู่บนสะพานลอยที่สูงพอที่จะเห็นฝูงชนนับหมื่นที่เต้นรำกันอยู่เบื้องล่างได้ถนัด พวกเขายังดูมีความสุขไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงสนุกสนาน ฉันละสายตาจากฝูงชนมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ท้องฟ้ายังดูเงียบเหงา ดวงดาวยังคงจ้องมองอย่างเงียบสงบ พวกเขาจะรู้ตัวไหมหนอ ว่าบนฟากฟ้าอันแสนไกล ดวงดาวนับล้านยังคงทอดสายตาจากที่ห่างไกลมายังพวกเขา พวกเขาจะรู้ตัวไหมว่าพวกเขาเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ความคิดของฉันหลุดลอยไปไกลโพ้น ท่ามกลางความสับสน วุ่นวายของฝูงชนข้างล่าง และความเงียบเหงาของท้องฟ้าเบื้องบน แต่ความคิดของฉันก็ต้องกลับมาสู่ที่เดิมของมัน เมื่อมีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น พร้อมเสียงเพลง Clarinet Concerto อันยิ่งใหญ่ของ Mozart เสียงระเบิดนั่นคือเสียงพลุที่จุดขึ้นไปบนท้องฟ้า บดบังแสงของดวงดาวนับล้านตรงหน้าฉัน เสียงเพลงทำให้ฝูงคนเบื้องล่างดูมีความสุข ยิ่งกว่าเดิมนัก สายตาของฉันเริ่มทำงานและเหลือบไปเห็นคำว่า HAPPY NEW YEAR ที่ดูโดดเด่นท่ามกลางแสงไฟหลากสีที่สาดส่องไป วันนี้คือวันปีใหม่ ฉันนึกขึ้นได้ แต่ความคิดของฉันก็ดึงฉันหวนกลับไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่นอนอยู่ในลังไม้ในซอกตึกนั้น
จากคุณ :
Mr.ปู
- [
28 ก.ย. 47 07:54:28
]