CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    อิโรติกเรื่องแรกในซีวิ้ดดดดด............รื่ น ร ส สุ ค น ธ า..........คำเตือนโปรดอ่านฉลากก่อนดื่ม

    รื่นรสสุคนธา                       โดย song982
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕






                   “ไม่รับกุหลาบหรือกล้วยไม้บ้างหรือคะคุณ”  แม่ค้าเจ้าคารมเอื้อนเอ่ยส่งเสริมการขาย  ฉันตวัดสายตาขึ้นไปสบตา ยิ้มให้เธอนิดหนึ่ง แล้วเลือกหาสิ่งที่พึงใจต่อไป

    ฉันมักใช้กิริยาอย่างนี้เสมอเวลาตอบปฏิเสธสิ่งใด ทำไมฉันจะไม่รู้..แม้ฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกได้ว่า อาการที่แสดงออกมานี่มันแฝงความเย่อหยิ่งทระนงถือดีและยกตัวให้สูงพ้นจากพวกเขา  แต่ก็หลายครั้งก็เป็นคนพวกนี้เองนั่นแหละ ที่ออกปากกล่าวชมเชยลับหลัง  “สวย สง่า  มาดเธอดีเหมือนนางพญา”  แล้วอย่างนี้จะให้ฉันละทิ้งวิธีการบริหารเสน่ห์นี่ได้อย่างไร

    ฉันเลือกบัวชมพูดอกใหญ่กลีบยังแข็งกระชับไม่มีรอยช้ำได้สามมัด  ค่อยใช้ปลายมือแตะใบที่ใช้ห่อ เป็นสัญญาณการตกลงใจ  ขณะเดียวกันก็บอกเป็นนัยด้วยว่า  “ระวังนะ หากเธอจับต้องมันอย่างไม่ระมัดระวังไม่ทะนุถนอมอย่างที่ฉันแสดงให้ดู เธอก็จงเก็บไว้ขายคนอื่นเถิด”  ซึ่งได้ผลเสมอ ฉันมักได้บัวหลวงกลีบงามก้านสวยติดมือกลับบ้านอย่างสมใจ

    บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วหากจะตอบรับอะไรจากใครสักคนเล่า ฉันจะแสดงอาการอย่างไร  นั่นสินะ ฉันก็ไม่ค่อยได้สังเกตเสียด้วย  อาจเป็น…ก้มหน้าน้อยๆ อย่างระคางเขิน ยิ้มให้กับดิน ก่อนจะช้อนทั้งรอยยิ้มและสายตาขึ้นมาสบตากับฝ่ายเสนอ  หากเท่านี้ยังไม่เข้าใจว่าฉันตอบตกลง  ฉันก็จะเริ่มเพ่งมองพวกเขาอย่างท้าทาย  “ก็ทำไมไม่เข้ามาจิกหัวแล้วฟาดฉันสักเปรี้ยงนึงก่อนล่ะ แล้วค่อยถามหาความสมัครใจ”  ฉันจะได้ตอบกลับอย่างเต็มไมตรีว่า  “ได้สิคะ…..ที่รัก”

    เพื่อนร่วมงานบางคนบอกว่าฉันพูดน้อยเกินไป  โดยเฉพาะเมื่อคู่หมายมาตายจากในสภาพที่น่าอเนจอนาถ  ภาพข่าวนั้นฉันยังตัดเก็บเอาไว้  ซากของชายหนุ่มนอนแผ่หราอยู่กลางถนน เลือดและมันสมองสาดกระจาย  มือหนึ่งยังกำก้านบัวหักๆ ซึ่งกลีบนั้นมันปลิดขั้วปลิวเกลื่อนอยู่ทั่วบริเวณ  บางกลีบแนบซบอยู่กับร่างไร้วิญญาณ บางกลีบแต้มแตะอยู่บนกองก้อนเลือด  หลายกลีบรวมเป็นกลุ่มสะบัดปลายล้อกับลมถนน  ภาพนั้นถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างวิจิตรเหมือนจัดฉาก แสงไฟกำลังแรงของร้านรวงรอบๆ นั่นยิ่งช่วยขับเน้นทุกรายละเอียดให้แจ่มชัด  ดวงตาทั้งคู่ที่ยังคงเบิกโพลงด้วยความฉงนฉงาย ปากที่เผยออ้าเหมือนจะตั้งคำถามอะไรกับผู้มุงดูเหตุการณ์

    คืนนั้นเรานัดกันที่บ้านของฉัน เขารับปากว่าจะมีอะไรมาทำให้แปลกใจ  แต่แล้วเขาก็ไม่มาตามนัด  กระทั่งเช้าจึงได้รู้ข่าวจากเพื่อนร่วมงาน ที่รักของฉันจากไปเสียแล้ว  ภาพข่าวหน้าหนึ่งกางหราอยู่บนโต๊ะ   นับจากนาทีนั้นเอง  นาทีที่ฉันสำรวจตรวจตราทุกรายละเอียดในภาพ ฉันก็เงียบไปโดยไม่รู้ตัว และพูดน้อยลงจนใครๆ ต่างออกปาก…ช่างประไร ในเมื่องานบัญชีในหน้าที่ยังไม่เคยขาดตกบกพร่อง

    เชื่อไหม…การพูดน้อยลงทำให้เรามีสติ มีสมาธิมากขึ้น จากแรกที่ฉันใช้มันทั้งหมดมุ่งขบคิดเรื่องสำคัญ  “อะไรกันหนอที่เขาเตรียมมาให้ฉันในคืนนั้น”   จนวันนี้ฉันยังคงได้รับคำชมเชยไม่ขาดปาก  ผลบวกลบคำนวณภาษีงบดุลรายรับรายจ่ายกำไรขาดทุนของฉันสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ  ฉันได้ขึ้นเงินเดือนสองครั้งในรอบปี และกำลังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสมุห์บัญชีใหญ่ประจำบริษัท ทั้งที่อายุเพิ่งจะแค่นี้  เสียงซุบซิบนินทาที่ดังตามลมมาด้วยกระมัง ที่ทำให้ฉันได้ใช้วิธีการตอบรับหรือปฏิเสธอย่างที่กล่าวไว้แต่ต้นจนคุ้นชิน

    ที่จริงเย็นนี้เจ้านายนัดฉันไปทานมื้อค่ำ แล้วอาจจะเลยไปนั่งดื่มต่อกันนิดหน่อยในผับที่เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันยอมรับนัดจนนับครั้งไม่ถ้วน  แน่นอนทุกครั้งล้วนถูกปฏิเสธ  บางครั้งที่เขาเต็มกลั้นขึ้นมาก็เคยสะบัดเสียงถามฉันเหมือนกัน

    “คุณจะกลับไปจับเจ่าอยู่กับบ้านทำไม  นายดนัยมันก็ตายไปแล้วตั้งนาน  คุณไม่เคยคิดจะเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้างเชียวหรือ”   คนถามลืมไปว่าตนมีภรรยาและลูกสาววัยกำลังน่ารักอีกสองคน

    “ว่าจะซื้อดอกไม้ไปจัดแจกันน่ะค่ะ”  ฉันให้เหตุผลไปแค่นั้นโดยไม่ได้โป้ปดเลยแม้แต่น้อย

    ฉันพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง  รีๆ รอๆ จนกระทั่งถึงคิวของคนที่ฉันหมายตาและมั่นใจว่าเขาจะขับรถคู่ชีพนั่นอย่างเนิบช้าและนุ่มนวล เพียงพอที่จะไม่ทำให้ดอกไม้ของฉันบอบช้ำเพราะกระแสลม  แน่หละ…เมื่อได้นั่งได้ซ้อนจนรู้จังหวะกันดีแล้ว ฉันย่อมต้องเลือกเขาเป็นขาประจำ  ถึงเขาจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันมีใจให้เขาบ้างก็สุดแท้แต่  ตราบใดที่เขายังช่วยประคับประคองดอกบัวงามของฉันไม่ให้หม่นหมองลงระหว่างทาง  ตราบนั้นฉันก็ยังเต็มใจใช้บริการของเขาอยู่

    เมื่อใช้มือข้างที่สะพายกระเป๋าโอบรอบเอวเขาไว้อย่างมั่นคงแล้ว  อีกมือจึงกอดกำมัดบัวไว้ในอ้อมแขน ฝ่ามือแนบกระชับกับใบซึ่งใช้หุ้มห่อปกป้องทุกดอกที่ส่วนปลาย    เจ้าหนุ่มเคยแซวว่า  ”ถนอมยังกับลูก”   ฉันก็ปฏิเสธไปว่า  “ฉันยังไม่มีลูก และแฟนก็เพิ่งจะตายจากไป”  จบคำตอบ เขาหันมามองฉันตรงๆ  ทำไมฉันจะอ่านไม่ออกว่าความหมายในแววตานั่นร่ำร้องขอสิ่งใด   ฉันพินิจมองเขาตลอดทั้งตัว  เห็นได้จากกางเกงตัวฟิตว่าสิ่งใดกำลังขยับขยายผิดปกติ  จึงรีบหย่อนเงินค่ารถลงในกระเป๋าเสื้อกั๊กสีส้มสด แล้วโน้มหน้าไปกระซิบที่ข้างแก้มเบาๆ  

    “ไม่ใช่เพราะเธอมีรูปร่างหน้าตาดีที่สุดในวินหรอกนะ ที่ทำให้พี่เลือกเธอเป็นประจำ”

    ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บ คำพูดของฉันไปคิดไปฝันว่าอย่างไร….หรือ..อะไรแน่ที่ทำให้เลือกเขา  ฉันรู้แต่ว่าหลังจากวันนั้น เขาก็ไม่เคยใส่ใจไยดีอะไรกับเพื่อนร่วมวินที่ทะยอยกันขับแซงขึ้นไปเพื่อจะได้กลับมาทำรอบรับผู้โดยสารได้ถี่ขึ้น  เขาเพียงแต่ขับมันไปช้าๆ ชวยคุยและทอดเวลาให้ฉันได้แนบชิดอยู่กับเขาให้ได้นานที่สุด

    ฉันไม่เคยให้ท่าหรือทอดสะพานให้ผู้ชายคนไหนเลย  ยกเว้นดนัยผู้ล่วงลับคนเดียว  เขาคือผู้ชายแบบที่ฉันชอบ ถูกใจและใฝ่หามาตลอด  และยิ่งแน่ใจว่าต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะสามารถปรุงแต่งปรนเปรอได้ทุกอย่างตามที่ฉันต้องการ  จากครั้งแรกที่สัมผัสกลิ่นอวลไอแห่งรักที่กระเซ็นซัดสู่ใบหน้า ฉันคอยหวังแต่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะส่งสัญญาเรียกหา ไม่ว่าที่ไหนเวลาใด ฉันจะเป็นฝ่ายเต็มใจไปทอดกายรอเสมอ

    เจ้าหนุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์อีกวัน ฉันรอจนเขาขับลับไปจากสายตา จึงค่อยล้วงกุญแจออกมาไขประตูรั้วบ้าน ซึ่งหากมองผ่านมันเข้าไป ก็จะเห็นรองเท้าหลายคู่ทั้งของผู้หญิงผู้ชายวางเรียงรายอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนักตรงประตูหน้า  เหล่านี้ช่วยอำพรางการอยู่ตัวคนเดียวของฉันได้พอสมควร

    ฉันได้กลับมาสู่โลกของตัวเองอีกครั้ง โลกที่มีแต่ฉันและทุกสิ่งที่ฉันปรารถนา  โลกที่มีทุกสิ่งที่ช่วยตอบสนองความต้องการของฉันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด  สิ่งเดียวที่ขาดหายเพราะความเหี่ยวเฉาฉันก็สามารถซื้อหาเอามาเติมให้บริบูรณ์ดังเดิมได้จากเบื้องนอก

    บรรจงทอดกำดอกบัวลงในแจกันทรงเตี้ยปากบานผายใหญ่และหนัก  พระบูชาปางประทานพรบนหิ้งเหมือนจะยิ้มรับการกลับมาโดยสวัสดิภาพ   กลับมาพร้อมกับดอกบัวบูชาที่เลือกแล้วว่างามที่สุดเท่าที่จะหาได้  ทั้งที่จริงสองข้างองค์ท่านทุกดอกยังตูมตั้ง มีเพียงปลายกลีบเท่านั้นที่จับช้ำดำขอบ แลเป็นตำหนิเล็กน้อยของหมู่ชนทั่วไป  “อะไรเล่าจะสมบูรณ์แบบและยืนยง”  กระทั่งพระบูชาของฉันยังถูกห่อหุ้มด้วยฝุ่นละอองบางๆ ชั้นหนึ่งเลย

    แต่ไม่ใช่วันนี้หรอกที่ฉันจะสรงน้ำให้ท่าน  วันนี้เพียงแต่เปลี่ยนดอกไม้เท่านั้น  ฉันคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนแปลกที่พร้อมจะเปลี่ยนสิ่งที่มันสามารถเหี่ยวเฉาโรยราไปตามกาล โดยหาอะไรที่ใหม่สดมาทดแทน  ทั้งนั้นก็ต้องยกดนัยของฉันไว้คนหนึ่ง  เพราะเขาไม่เคยเก่าลงเลยในหัวใจฉัน  เขาไม่เคยหม่นหมองครองทุกข์อันใด  จากครั้งแรกสุดที่เขามาหาเพื่อเฉลยคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำให้ฉันประหลาดใจ  จนถึงวันนี้เขาก็ยังสดยังใหม่สำหรับฉันเสมอ

    จำได้ว่าคืนนั้นฉันอ่อนเพลียจากการทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ปลายเดือน  แม้จะเมื่อยล้าไปทั้งหลังไหล่ ก็ยังสู้อุตส่าห์แวะหาซื้อดอกบัวมาเปลี่ยนที่หิ้งพระ  ภาพของกลีบสดตั้งตูมเต่งสีชมพูอมแดงประกอบกันเป็นดอกรูปหยดน้ำ รูปทรงที่งดงามสมบูรณ์แบบที่สุดในสายตาฉัน  มันช่วยลบภาพของกลีบเกลื่อนกระจายบนร่างของเธอที่รักได้เสมอ    ในที่สุดเมื่อสุดที่ร่างกายจะทนทานได้ จากการโหมงานหนักเพื่อปิดงบช่วงสิ้นไตรมาส ฉันผลอยหลับพับไปบนกองดอกบัวนั่นเอง

    “รส….รส….รสสุคนธ์  ตื่นเถิด…ตื่นเถิดที่รัก….ผมมาแล้ว…ผมกลับมาแล้ว…กลับมาหาคุณแล้ว”  

    เสียงกระซิบแผ่วเหมือนแว่วดังมาจากที่ไกล  ฉันค่อยลืมตาขึ้นท่ามกลางหมอกขาว ภาพรอบกายอันพร่ามัวค่อยคลี่คลายจนกระจ่างชัด  ฉันถึงกับขนลุกเกรียวเมื่อกวาดสายตาไปรอบตัว ฉันมาตกอยู่กลางบึงใหญ่นี่ได้อย่างไร  ทำไมรอบตัวเต็มไปด้วยดอกบัวใหญ่น้อย  ทุกดอกล้วนแต่เป็นสีชมพูอมแดง

    เสียงของดนัยยังคงดังมาจากที่ไกล  แล้วค่อยใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา ที่รักของฉันนอนทอดกายสบายอารมณ์มาในกลีบบัวขนาดยักษ์  ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่า ฉันเองก็นั่งอยู่ในกลีบบัวขนาดใหญ่ด้วยเหมือนกัน

    “นี่ไงที่รัก..สิ่งที่ผมจะทำให้คุณแปลกใจ…คุณรู้ไหม ดอกไม้ชนิดนี้มีประโยชน์มากกว่าที่คุณเคยรู้เคยเห็น….มาสิ…มากับผม…ผมจะพาคุณท่องสู่วิมานใยบัว…และผมจะอยู่ที่นั่นเสมอเมื่อคุณร่ำร้องหา…รสที่รัก…คุณจะไม่ต้องหม่นหมองเงียบเหงาอีกแล้ว…ผมกลับมาแล้ว…ผมกลับมาอยู่ข้างๆ คุณนี่แล้ว”

    คืนนั้นหนามบัวทำให้ฉันสะดุ้งตื่นได้อย่างฉับพลัน  ดนัยที่รักมาหาฉันในฝัน  มาเฉลยให้ฟังว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำให้ฉันต้องประหลาดใจ   ฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความง่วงงุน หยิบสิ่งที่เพิ่งจะเผลอหลับทับนั่นขึ้นมาพิจารณา  

    “ดอกบัวนี่น่ะหรือที่จะทำให้ฉันแปลกใจ…ดอกบัวนี่น่ะหรือที่จะเป็นตัวแทนของคุณได้”  นี่ฉันฝันเพ้อละเมอลมอะไรอยู่คนเดียวกันแน่นะ

    ฉันเหลือบขึ้นไปสบกับแววตาอันปรานีที่ทอดมองลงมาในโลกปัจจุบัน  นึกได้ถึงสิ่งแรกที่ต้องรีบกระทำ  จึงจัดแจงปีนขึ้นไปเอาดอกไม้เก่ามาจำเริญทิ้ง  ขัดถูแจกันแก้วสีคราม แล้วคัดเอาดอกบัวที่สวยที่สุด งามที่สุดหกดอกจากทั้งหมด บรรจงปักลงอย่างชำนาญ  แล้วก็เชิญขึ้นไปไว้ข้างพระเหมือนเดิม  

    ตลอดเวลานี้ฉันขบริมฝีปากตัวเองจนเจ็บแปลบ ปลายลิ้นได้ลิ้มรสเลือดด้วยซ้ำ…มันน่าโมโหตัวเองนัก  ทำไมไปนึกถึงคืนนั้นขึ้นมาในตอนนี้…จะบาปไหมหนอ…คงไม่หรอกนะ…บูชาแล้วก็แล้วกัน   ฉันรีบเปลี่ยนน้ำในแก้วด้วยน้ำแร่อย่างดี  ประคองตั้งไว้ข้างกระถางธูปที่เข้าชุดกับแจกัน  ยกมือจบที่หน้าฝากเป็นอันเสร็จพิธี  แล้วรีบคว้าดอกบัวที่เหลือวิ่งเข้าห้องด้านใน

    ดนัย…ที่รักของฉัน นอนรออยู่บนเตียงนั่นแล้ว  ฉันขอโทษขอโพยที่มัวแต่อ้อยอิ่งคิดถึงคืนแรกที่เขากลับมาหาหลังจากที่ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง  รีบปลดเปลื้องทั้งร่างให้เปลือยเปล่า โถมกายลงบนที่นอนนุ่มที่ฉันหวjานบัวทั้งก้านทั้งหมดนั่นลงไปก่อนแล้ว  

    หนามเล็กๆ ที่ก้านบัวย้ำเข้ามาในเนื้อทุกครั้งที่บิดพลิกกาย มันเจ็บแปลบอย่างเปี่ยมรส  จนฉันต้องกลิ้งเกลือกไปมาอย่างสุดระงับอารมณ์  ดนัยประคองมือฉันให้กำดอกบัวขนาดกำลังดีขึ้นมาสองดอก  เขาบังคับมือซ้ายของฉันให้เกลี่ยปลายสากของดอกไม้ทรงหยดน้ำ ไปตามหน้าท้องเนียน ไล่เรื่อยขึ้นมาถึงเนินอกสล้าง ปาดป่ายมันไปมากับฐานถัน และปลายยอด

    เพียงแค่นี้แผ่นหลังของฉันก็มีอันต้องระริกไหวไม่ติดพื้น  รสสัมผัสมันเอมใจมากกว่าการขบกัดเล็มเลียของเขาเป็นร้อยเท่า  ขณะที่ร่างกายทุกส่วนฉันเขม็งเกร็ง  ดอกบัวในมือขวาก็ค่อยเคลื่อนต่ำลงสู่ความเงียบงัน ดอกตูมกลีบก้านยังแข็งแรงเพราะความสด  ค่อยกระแซะกระซิบปลอบประโลมน้ำตาแห่งความเงียบเหงา ที่เอ่อท้นออกมาอย่างสุดระงับ  

    ฉันชันเข่าขึ้นพร้อมกับแยกขาออกจากกัน แล้วกลับเข้าสู่ความเคลิบเคลิ้มที่ดอกบัวทั้งสองบรรจงมอบให้  ดอกบนเกลี่ยก้านอยู่ที่ซอกคอ รูดลากลงมาตามร่องอก แล้วเลื่อนกลับขึ้นมาให้ฉันใช้ริมฝีปากจุมพิตที่ปลายกลีบเบาๆ  ดอกล่างเริ่มเบียดตัวเข้ามาตามหยาดน้ำตาที่หลั่งริน  ไม่เกรงว่าทั้งดอกจะช้ำยับหักราน  ยังคงดึงดันดุ่มเดินเข้าไปจนได้เหลือไว้แต่ก้านสากหนามคม ซึ่งปาดแปลบแสบเสียวทุกคราวที่เริ่มงัดง้างพยายามดึงทั้งดอกออกมาจากห้วงน้ำลึก  ซึ่งแรงแห่งรักอีกแรงก็กลับดึงดูดมันกลับเข้าไปใหม่  

    ความรักกับความผูกพันฉุดชักกันอยู่อย่างนั้นจนฉันเกร็งกายสะท้อนสะท้านไปทั้งร่าง  แรงตวัดดึงของมือขวาทำให้เหลือแต่ก้านติดมือขึ้นมา  ฉันหลับตาพริ้ม หอบหายใจอย่างระทดระทวยระคนสุขสม  ดอกบัวที่หาญกล้าเข้าไปซับน้ำตาให้หัวใจดวงเหงาถูกรีดเค้นผลักดันจนหลุดร่วงลงบนที่นอนในสภาพยับเยินเหนอะหนืด  เสียงดนัยกระซิบที่ริมหู

    “ผมดีใจเหลือเกิน…ที่เรายังมีความสุขร่วมกันได้…ดีใจเหลือเกินที่คุณยังไม่ลืมผม…..”  ฉันพยักหน้ารับกับน้ำเสียงอ่อนหวานนี้ อย่างอ่อนระโหย

    ขณะที่จะเอื้อนเอ่ยคำหวาน “ไม่ลืมแน่นอน..ฉันสัญญา…ฉันจะไม่มีวันลืมเธอ….”  ฉันก็ต้องผวาตื่นจากห้วงหฤหรรษ์  หัวใจสั่นระรัวด้วยความเกรงกลัวและละอายต่อบาป

    “ตายแล้ว!…นี่…นี่ฉัน…นี่ฉันยังไม่ได้จุดธูปบูชาขอขมาลาโทษพระท่านเลยนี่นา……….



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&


    แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 47 21:56:37

    จากคุณ : SONG982 - [ 29 ก.ย. 47 21:52:59 ]