CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    คนข้าง(ใน)ใจ

    เรื่อง คนข้าง(ใน)ใจ

    ก๊อกๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูห้องอพาร์ตเม้นท์ดัง

    ระรัวเป็นระยะๆไม่ขาดสาย สร้างความรำคาญอกรำคาญใจ

    แก่หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่มีดวงตาใสแจ๋วแว๋วกำลังเบิก

    ตากว้างมองขวางๆไปทางต้นเสียงด้วยความหงุดหงิด ริม

    ฝีปากที่บางเฉียบสีชมพูซีดกัดฟันดังกรอด นามว่า”นิชา” ที่

    อายุอานามย่างเข้าวัยเบญจเพสอย่างมากๆๆๆๆ


    “อะไรเนี่ย!!! “ นิชาแผดเสียงตะโกนใส่ลั่น

    ห้อง พร้อมกับดันตัวลุกขึ้นจากที่นอนทั้งที่ยังไม่ตื่นดีนัก

    เสียงเคาะประตูยังคงดังต่อเนื่องได้อย่างคง

    เส้นคงวา เป็นการเคาะรัวๆแบบไร้มารยาท ในกรณีนี้สาเหตุ

    เพียงอย่างเดียวคือ…ไฟไหม้ หรือไม่เป็นเช่นนั้นก็คงเป็น...

    ควายตายแม่ยายออกลูก ถึงได้มาเคาะปลุกชาวบ้านชาว

    ช่องเขาแบบนี้ หล่อนคิดเข็นเขี้ยวอยู่ในใจ


    หญิงสาวเดินงัวเงียไปที่ประตูทั้งที่สภาพตัวเอง

    ไม่เหมาะที่จะรับแขกในกรณีใดๆทั้งสิ้น หน้าตาโหลเห

    ลสะลึมสะลือ ผมซอยสั้นฟูฟ่องยุ่งเยิงไม่เข้ารูป แง้มประตู

    ออกเล็กน้อยไปโดยไม่ดึงโซ่คล้องประตูด้านในออกเผื่อ

    เป็นคนไม่หวังดีประสงค์ร้ายจะได้ระวังได้ทัน

    “นี่คุณ! เคาะประตูชาวบ้านชาวช่องอยู่ได้ ที่

    บ้านไม่เคยสั่งสอนเรื่องมารยาททางสังคมบ้างเลยหรือ

    ไง? “ พอเปิดประตูเสร็จนิชาก็ตะแบงเสียงถามรัวแว้ดใส่

    บุคคลตรงหน้าทันทีทั้งที่ตายังไม่สว่างดีนัก


    “ไอ้นี่ของคุณหรือเปล่าครับ” แทนที่จะกล่าว

    คำขอโทษขอโพย ชายหนุ่มแปลกหน้ากลับถามมาทาง

    หล่อน พร้อมกับชูสิ่งของเจ้าปัญหาขึ้นมาตรงหน้า หล่อนจึง

    ถอดโซ่คล้องประตูออก ก้าวเดินออกจากห้องมาอยู่ตรง

    หน้าของเขา


    นิชาพยายามเบิกตาให้กว้างขึ้นพยายามเพ่ง

    มองสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าให้แจ่มชัด


    ชุดชั้นในลายลูกไม้สีดำยี่ห้อนี้…sizeนี้… เอ๋?

    ของใครหว่าคุ้นๆ


    หล่อนจึงหยิบสิ่งของสิ่งนั้นเข้ามาดูใกล้ๆชัดๆ แต่แล้วก็ต้อง

    อ้าปากค้างตาสว่างตื่นจากความง่วงนอนไปในทันที


    “นาย…” นิชามองหน้าชายหนุ่มดวงตาร้อนผ่าว

    ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เปล่งเสียงได้ออกมาได้แค่นั้น

    ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าพูดเสริมแทรกเข้ามาทันที


    “นึกแล้วว่าต้องเป็นของคุณ…นี่คุณ!!เป็นสาว

    เป็นนางหัดรักนวลสงวนตัวหน่อยสิคร้าบ” เขาลากเสียงยาว

    ก็จะพูดต่อว่า… “ที่หน้าที่หลัง เวลาตากผ้าติดไม้หนีบผ้าให้

    มันแน่นๆหน่อยสิคุณ อย่าให้มันปลิวหล่นมาที่ระเบียงผม

    อีก แต่เอ…หรือว่าคุณคิดจะยั่วผมกันแน่!!”


    ชายหนุ่มปริศนาแต่ท่าทางจะปากหมาว่าหล่อนรัวๆ นิชาได้

    แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลาย

    เป็นส่งรอยยิ้มหวานๆหยาดเยิ้มหยดย้อยชนิดที่ไม่เคยมีใคร

    ได้เห็นนอกจากนายนั่น แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆอะไรหลุดออก

    มาจากปากของหล่อนนอกเสียจาก…

    นิ้วสวยเรียวยาวประดับอยู่บนมือที่ขาวสะอาดฟาดลงไปที่

    ซีกแก้มด้านซ้ายของเขาอย่างเต็มแรงจนถึงกับร้องโอ๊ย!!

    นิชายืนแสยะยิ้มอันเยือกเย็นอยู่ชั่วครู่ด้วยความสะใจที่ได้

    เห็นสีหน้าแหยเกของชายแปลกหน้า ก่อนจะตามเสียงปิด
    ประตูใส่หน้าเขาดัง โครม!!

    หญิงสาวยืนพิงประตูร่างกายสั่นเทิมด้วยความโกรธ ในมือ

    กำชุดชั้นในแน่น นึกแช่งชักหักกระดูกชายหนุ่มเมื่อครู่อยู่

    ในใจ


    หน็อย…แค่ชุดชั้นในมันบังเอิญปลิวหล่นไปอยู่ที่ระเบียง

    นายนั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจแค่นี่ ทำยังกับว่าหล่อนเป็นผู้หญิง

    อย่างว่างั้นแหละ ไอ้งั่งตาถั่วเอ๊ย…


    หลังจากยืนพิงประตูห้องบ่นถึงชายแปลกหน้าอย่างสะใจ

    แล้ว นิชาก็เดินลงส้นเท้ากระแทกกับพื้นดังตึงๆเข้าห้องน้ำ

    เพื่อล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ ตัดสินใจไม่นงไม่นอนต่อแล้ว

    ทั้งที่เวลาเพิ่งเจ็ดโมงเช้าเองก็ตาม….


    พีรนาทหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องของหญิงสาวที่เพิ่งตบหน้า

    เขาเมื่อครู่อย่างุนงง มือทั้งสองข้างยกขึ้นลูบใบหน้าของตัว

    เองอย่างทะนุถนอม


    โถ่เว้ย…ผู้หญิงอะไรฟ่ะ ตบหนักชะมัดเลย ยัยโหด…





    หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวเล็กขนาดพอดีตัวใส่คู่กับ

    กางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่าสุดเซอร์ สะพายย่ามที่ทำมาจาก

    ไหมพรมสีน้ำเงินเข้มเดินทางสะพานลอยเพื่อไปยังฝั่งตรง

    ข้างที่เป็นร้านขายภาพเขียนและสอนวาดรูปไปในตัว


    ร้านฟ้าใส…ที่หล่อนและรุ่นพี่สาม-สี่คนจากสถาบันเดียวกัน

    ร่วมกันจัดตั้งขึ้น หล่อนวาดฝันมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วว่าโตขึ้น

    หล่อนจะต้องเป็นครูสอนศิลปะ ถึงแม้จะมีใครต่อใครพูดคำ

    ต่างๆนานาเพื่อบั่นทอนกำลังใจของหล่อนว่าเป็น”นักเขียน

    (ภาพ)ไส้แห้ง”ที่ได้เงินเดือนเพียงน้อยนิดก็เถอะ แต่นั่นก็

    ไม่ได้ทำให้หล่อนหยุดที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรักตนเองชอบ

    น้อยลงเลย

    “ไอ้ชา…มาตั้งแต่เช้าเลยนะเอ็ง”

    ‘พี่เก่ง’ เป็นรุ่นพี่หล่อนสี่ปีที่คบค้าสมาคมกันตั้งแต่สมัย


    เรียน เดินเข้ามาทักทายพร้อมกับตบที่บ่าของหล่อนเบาๆ

    ขณะที่นิชานั่งพิงเก้าอี้ไม้หน้าร้าน


    “ก็เมื่อเช้าสิพี่!!! มีคนโรคจิตมาปลุกแต่เช้า เนี่ย! ยังนอนไม่

    เต็มอิ่มเลย” นิชาพูดไปพร้อมกับหาววอดๆไปด้วย


    “ไปๆเข้าไปนั่งในร้าน…” พี่เก่งพูดหลังจากไขประตูกุญแจ

    ร้านเสร็จ เปิดประตูเหล็กกว้างเชื้อเชิญหล่อนให้เข้ามาก่อน

    จะพูดต่อว่า


    “ไปๆเดี๋ยวข้าชงกาแฟให้กิน เห็นสภาพเอ็งแล้ว….สยอง

    ว่ะ” วางระเบิดจบก็ทำหน้าทะเล้นล้อเลียนคนข้างๆพลาง

    เอื้อมมือไปโยนหัวของนิชาเบาๆ แต่ทว่าหญิงสาวทำเสียงจิ๊

    จ๊ะในปากก่อนจะยกมือขึ้นปัดออกอย่างรำคาญ มองคนพูด

    ขวางๆด้วยท่าทางที่พร้อมจะลุกเตะคนได้ทุกเมื่อ คนพูด

    แขวะจึงชะงักชักมือกลับทันทีพร้อมกับรีบเดินถอยห่างเข้า

    ร้านไป เพราะรู้ดีว่าหากระเบิดลงสวนกลับอาจจะถึงเลือดถึง

    หนองกันได้ทั้งคู่





    วันนี้แตกต่างจากวันอื่นๆเพราะเด็กๆแต่ละคนไม่เรื่องมาก

    หล่อนก็แค่สอนการวาดลายเส้นที่เป็นพื้นฐานของการวาด

    รูปให้เด็กๆที่มาเข้าเรียนไปพลางๆก่อน จึงมีเวลางีบหลับ

    เล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้เผลองีบหลับยาวซะทีเดียวหรอกนะ

    เพราะเด็กพวกนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ เผลอทีไรเป็นต้องทะเลาะ

    กันทุกทีให้ตายเถอะ!!!


    เวลาหกโมงเย็นนิชาก็เดินขึ้นรถเมล์เพื่อกลับ

    อพาร์ตเม้นท์ของหล่อน วันนี้หล่อนดูอ่อนเพลียไม่ค่อยมี

    กระจิตกระใจทำอะไรสักเท่าไหร่ จึงไม่แวะไปกินกาแฟ

    หรือเที่ยวเตร่ตามร้านหนังสือเก่าที่ไหน


    “คุณนิชาค่ะ มีคนมาขอพบคุณน่ะค่ะ ทีแรกเขา

    มาขอกุญแจบอกว่าเป็นแฟนคุณแต่ดิฉันไม่ได้ให้ไปนะค่ะ

    เขาเลยขอขึ้นไปรอหน้าห้องน่ะค่ะ เมื่อตะกี้นี้เองค่ะ” หญิง

    สาวทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์และโอเปอเรเตอร์ไปในตัว

    บอกรายงานตามหน้าที่ทันทีอย่างละเอียดโดยไม่ต้องรอให้

    ถาม


    “ค่ะ ขอบคุณนะค่ะ” นิชากล่าวขอบคุณยิ้มใส่

    พนักงานสาวนิดๆก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟต์


    ไม่บอกก็รู้ว่า..ศานต์…แฟนของเธอมาด้วยเหตุผลอะไร

    ความรักของหล่อนและเขาที่เปรียบเสมือนแก้วน้ำที่ใส่น้ำ

    จนเต็มล้นปริ่ม จะใส่เพิ่มก็จะล้นออกมาหมด แต่ถ้าไม่ใส่

    เลยก็ปล่อยให้น้ำในแก้วค่อยๆละเห็ดละเหยไปในอากาศ

    และค่อยๆหมดลงไปช้าๆ


    ทุกสิ่งทุกอย่าง…ต่างคนต่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    กับความรักของเราสองคน หล่อนไม่รู้ว่าจะทนกันไปดี

    ไหม? หรือว่าจะยอมปล่อยให้ไปตามทางใครทางมัน ใน

    เมื่อมันก็มาถึงจุดที่อิ่มตัวแล้วไม่อยากให้มันมากกว่านี้หรือ

    น้อยลงกว่านี้ ความรักของหล่อนที่ยื้อยืดมาถึงทุกวันนี้ไม่

    ได้เต็มได้ด้วยคำว่า…วันวารยังหวานอยู่เหมือนที่ใครๆได้

    ประสพพบเจอ….เขาและหล่อนจะยอมไหม? ที่จะแยกทาง

    กัน…ที่จะจากกันด้วยดี…


    “ศานต์…” นิชาร้องเรียกชื่อของชายหนุ่มที่

    กำลังนั่งชัดเข่าอยู่ที่หน้าประตูห้องของหล่อน


    “ชา..เพิ่งกลับจากทำงานเหรอ? ” ชายหนุ่มเงย

    หน้าขึ้นถาม พลางขยับตัวลุกขึ้นยืน


    “วันนี้เป็นอะไรเหรอ? ถึงได้มาหาชาถึงที่นี่” นิ

    ชาปรายสายตามองใบหน้าของเขาเล็กน้อย อดพูดแกม

    ประชดประชันไม่ได้ โทษที่เขาหายหน้าหายตาไปนาน

    ร้อยวันพันปีจะโผล่มาหาสักครั้ง

    “มีเรื่องอยากคุย” ศานต์ตอบสั้นๆ ยืนอยู่ข้าง

    หล่อนที่จะกำลังไขกุญแจประตูเข้าห้อง

    นิชาพยักหน้ารับ เดินนำเข้าไปในห้องโยนประ

    เป๋ายามลงบนโซฟา หันไปมองชายหนุ่มที่กำลังผลักประตู

    ปิดแวบนึง ก่อนจะหันมาที่เดิม เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเทใส่

    แก้วอย่างใจเย็น เดินนำมายื่นให้ตรงหน้าของชายหนุ่ม

    “กินน้ำก่อนสิ”

    นิชาบอกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา มองหน้า

    ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆพร้อมกับถอนหายใจแผ่วเบาด้วยความเหนื่อยล้า

    “มีอะไรจะคุยกับชาเหรอ? “


    ศานต์วางแก้วน้ำที่เพิ่งจิบไปเมื่อครู่ลงบนโต๊ะ

    ขยับตัวหันมามองใบหน้าของนิชาตรงๆ


    “กี่เดือนแล้วนะที่เราคบกัน…” เขาเอ่ยถาม

    เสียงเบา ราวกับว่าสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้เป็นอะไรที่หนักอก

    หนักใจสำหรับเขาเหลือเกิน

    “เจ็ดเดือน” นิชาตอบขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่

    ราบเรียบ


    “ใช่เจ็ดเดือน…คุณว่าความรักของเราเป็นยังไง

    บ้าง? ” เขายังคงพยายามถามแบบอ้อมค้อมต่อไป ทั้งที่ไม่

    จำเป็นต้องพูดแบบนี้กับหล่อนเลยก็ได้ ในเมื่อเขาก็รู้ๆอยู่ว่า

    หล่อนไม่ชอบอะไรที่อ้อมค้อม…ยืดเยื้อ


    “ควรจะ หยุด….ได้แล้ว” นิชาตอบอย่างเย็นชา

    ไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น ยังคงความเรียบเฉยราวกับ

    ตุ๊กตาที่ถามคำตอบคำ


    ศานต์ที่นั่งอยู่ข้างๆหล่อนถึงกับชะงักงัน ไม่

    ต้องพูดอะไรอีกแล้ว นิชาคงเข้าใจความรู้สึกและความต้อง

    การของเขาดี

    “ถ้ามันเป็นความต้องการของคุณ…” ศานต์

    พยายามจะอธิบายต่อ


    “ไม่ๆๆ ” นิชาว่าพลางโบกมือโบกไม้ในอากาศ

    ไปมา “มันไม่ใช่ความต้องการของชา แต่มันเป็นความต้อง

    การของคุณตั้งหาก ชารู้ว่าคุณมาที่นี่ต้องการอะไร? ไม่จำ

    เป็นต้องพูดจาอ้อมค้อมหรอก บอกมาตรงๆเข้าใจง่ายกว่า

    เยอะ ”


    ศานต์ยังมิวายทำถ้าจะอธิบายต่อ แต่นิชารู้ทัน

    จึงชิงดักไว้ก่อน


    “อ๊ะๆๆ ไม่ต้องเลย ชาเข้าใจคุณ ชาไม่เจ็บปวด

    อะไรหรอก….คุณมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม? งั้นเชิญกลับไป

    ได้แล้ว ชาเหนื่อยอยากพักผ่อน” นิชายอมเสีย

    มารยาทออกปากไล่เขา


    ศานต์เองก็เข้าใจอะไรๆดีจึงยอมลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

    อย่างง่ายดาย ไม่พูดไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรทั้งสิ้น จบแล้ว

    เรื่องของเขากับหล่อน จากกันด้วยดี…ใช่จากกันด้วยดี!!


    สิ้นเสียงประตูห้องปิดลง นิชาก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟา

    เช่นกัน ซุกหน้าลงกับหมอนใบเล็กที่พิงอยู่บนโซฟา น้ำตา

    ไหลยาวเป็นทางทั้งสองข้างอย่างมิอาจกลั้นได้ มันเหนื่อย

    ล้า ท้อแท้ สิ้นหวัง เหน็ดเหนื่อย และอะไรอีกหลายสิ่ง

    หลายอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจของหล่อน


    ทำไม…ทำไมคนที่เข้มแข็งอย่างหล่อนถึงต้องเสียน้ำตาให้

    กับความรักที่ล้มเหลวแบบนี้ด้วย ทำไม!!


    นิชาคิดพลางกำมือข้างหนึ่งทุบหมอนเพื่อระบายอารมณ์

    ขยับพลิกตัวนอนตะแคงอยู่บนโซฟา เหม่อมองผ่านม่าน

    น้ำตาอย่างเลื่อนลอย


    เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงที่นิชานอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

    ก่อนจะพยายามดันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟา ปาดน้ำตาที่ไหล

    ค้างอยู่พวงแก้ม ยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ เดินเข้าห้องน้ำเพื่อ

    อาบน้ำชำระล้างให้สะอาดทั้งร่ายกายและหัวใจไปพร้อมๆ

    กัน

    จากคุณ : DaisY - [ 8 ต.ค. 47 19:22:40 A:203.113.39.6 X:203.150.217.114 ]