[Fan fiction]หัวขโมยแห่งบารามอส : เรื่องของ นิกส์ พรินส์วิล
"เอ๊ะ คิลนั่นใครนะ" หัวขโมยแห่งป้อมอัศวิน เฟริน เดอเบอโรว์ ถึงกับเอ่ยปากถามคิลมัส ฟิลมัส เพื่อนรักที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นชายผมสวยยาวประมาณบ่าสีน้ำเงิน แต่กลับมี
แผลเป็นปรากฏอยู่บนตัวเดินผ่านไปมาในห้องนั่งเล่นนักเรียนปี 2 ของป้อมอัศวิน
"นายจะบ้าหรือไง !" เสียงตอบที่ไม่ได้รับเชิญดังขึ้น "นั่น นิกส์ พรินส์วิล เพื่อนร่วมชั้นปีของเราไง"
เมื่อหันไปก็พบแองเจลีน่า โรมานอฟ ผู้ตอบคำถามกำลังทำหน้าเซ็งสุดขีด
"ถึงแม้ว่าเขาจะไปเปลี่ยนทรงผมมา แต่คงไม่ถึงขนาดจำเพื่อนร่วมป้อมตัวเองไม่ได้"
"ก็... ปีที่แล้วเพิ่งเป็นจะมาเป็นปีแรก แถมยังมีเรื่องอะไรเยอะแยะอย่างเรื่องมง..."
ยังพูดไม่ทันจบเพื่อนรักข้าง ๆ ก็เหยียบเท้าคนพูดเป็นสัญญานเตือน
"...หมากกระดานเกียรติยศ"
"รวมถึงเรื่องของเจ้าหมาน้อยสีน้ำตาลนั่นด้วยสิ"
แก้ปมเก่ายังไม่ทันคลายก็มีเชือกใหม่เข้ามาพัน เฟรินนึกกัดฟันกรอดกรอดในใจ
"แต่จะว่าไปฉันก็ไม่ค่อยเห็นนิกส์ด้วยสิ" คิลมัสพูดขึ้นมา
"ฉันก็ด้วย"
เจ้าหญิงเรนอน ธีน็อท คนงามเข้าร่วมวงสนทนากันอีกคน
"ถ้าจะเห็นก็เห็นแค่ตอนเรียนกับตอนพักบางช่วงเท่านั้นคะ พอตอนพักยาว ๆ ก็ไม่เห็นเลย"
"พวกชอบสันโดษหรือเปล่า" แองเจลีน่าเสนอความคิด
"ฉันว่าคงไม่ใช่หรอกแองจี้ ลองถามเพื่อนร่วมห้องอย่างคุณโร กับ คุณกัส แล้ว ก็บอกว่าเข้ากันได้อย่างดี"
อีกคนหนึ่งชอบสันโดษ อีกคนหนึ่งก็ชอบหายตัว พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมโร เซวาเรส ถึงชอบมาหาเขา
"แล้วรู้สึกยังบอกด้วยอีกว่าบางครั้งก็เล่นดนตรีให้ฟัง"
"ดนตรี?" คิลถามเสียงสูง เรนอนหันมาหาเขาแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม
"ก็คุณนิกส์เป็นเดอะมิวสิเชี่ยนนิคะ"
"นักดนตรี !?" แองเจลีน่าร้องเสียงสูงอย่างแปลกใจ "ทำไมคนหัวศิลป์อย่างนักดนตรีถึงมาอยู่ที่ป้อมอัศวินได้นี่"
"ถึงคุณนิกส์จะเป็นนักดนตรีก็ตาม แต่ผลสอบก็ทำออกมาได้ดีนะคะ"
เรนอนเอ่ย เพราะเธอต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นปี กับ ปรินซ์คาโล เพื่อที่จะจัดวางหมากได้อย่างเหมาะสม แต่ถึงอย่างนั้นผีมือของนิกส์ก็ยังด้อยกว่าคนอื่นอยู่หน่อย ๆ
แถมยังไม่มีตำแหน่งลงแล้ว เธอจึงจัดเขาให้เป็นเบี้ย
"สงสัยจริง ๆ ว่าหมอนั่นหายไปไหนของเขา" เฟรินเอ่ยอย่างคาใจ พอได้โอกาสแองเจลีน่าหันขวับมาพูดต่อทันที
"แหม... ทีนี้อยากรู้เรื่องของชาวบ้านเขาเสียจริง ๆ เลยนะ" เธอทิ้งทวนให้เจ็บเล่น ๆ ก่อนที่จะเลิกการสนทนาแล้วไปเรียนกันในช่วงเช้า
"หวัดดี เฟริน" โร เซวาเรสนั่นเองที่ทักทายเขาในห้องสมุด ช่างเป็นที่ที่คนทักเหมาะสมที่จะอยู่เสียเหลือเกิน ถ้าหาหมอนี้ไม่เจอในหอพักก็ต้องลองมาหาที่นี้เป็นที่แรก เฟริน
ไม่นึกสงสัยเลยถ้าหากบางครั้งโรจะกินนอนอยู่ที่ห้องสมุดเสียเลยเลย
"ว่าไง" เฟรินทักอย่างอารมณ์ไม่ดีนิด ๆ ตอบกลับให้คนที่อารมณ์ดีอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะต้องทำรายงานวิชาประวัติศาสตร์ที่อาจารย์เจ้าชายชามัล ฟาโรเวลให้มาเป็นกองนี่
อาจจะเป็นแก้แค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดันเอาคทาไปแทงเจ้าตัวเขาก็ได้
"รายงานของนายละ" เฟรินถามตามมารยาทเพราะไม่ถามก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
"เสร็จแล้ว"
เห็นไหมละ...
"ลำบากแย่เลยนะนี่ เปิดภาคเรียนมาไม่นานก็ต้องมาทำรายงานแล้ว"
"คิดซะว่าเป็นการใช้เวรใช้กรรม..." เฟรินบ่นอุบอิบเบา ๆ ก่อนจะลากเจ้าขอทานข้าง ๆ มาช่วยทำรายงาน
ใช่ว่ารายงานชิ้นนี้จะยากอะไรนักหนาเพียงแต่ว่าหากโร เซวาเรสห้องสมุดเคลื่อนที่นี้มาช่วยละก็จะสบายเป็นกอง
"อ้าว พวกนาย" เสียงทักที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น ทั้งคู่เงยหน้าไปมอง
นิกส์ พรินส์วิล นี่เอง แล้วคนข้าง ๆ...
เฟรินหันหน้าไปมองสาวน้อยคนข้าง ๆ เธอสูงน้อยกว่านิกส์ไม่มากนะตัวค่อนข้างจะผอทบางผมสีน้ำตาลแดงยืดตรงลงมา
ในที่สุดก็ถึงบางอ้อหมอนี้หายไปเพราะแอบไปหาสาวนี่เอง
"ว่าไง ชาร์ล็อต ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน" ขอทานข้าง ๆ ทักอย่างสนิทสนม เฟรินยอกศอกไปแล้วกระซิบข้างหู
"ไม่แนะนำกันบ้างเลยนะ" นิสัยเก่ายังไม่หายถึงตอนนี้ความจริงตนเองเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ตามเถอะ
"ชาร์ล็อต นี่คือเฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟออฟบารามอส" นิกส์แนะนำ
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" เด็กสาวเอ่ยอย่างสุภาพ
"ส่วนเฟรินนี่ เพื่อนของฉัน ชาร์ล็อต กัวริน เดอะออเตอร์ออฟกิลดิเรก" เฟรินพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนที่จะถามอะไรบางอย่างที่มันค้างคาใจ
"อืม... นายอยู่ที่เอเธนส์ไม่ใช่เหรอ"
นิกส์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับว่า "เรื่องมันยาวนะ"
ในระหว่างนั้นเองเจ้าชายน้ำแข็งผู้แสนเย็นชาก็ผ่านมาพอดี
"อ๊ะ คาโล" เฟรินเอ่ยทักเบา ๆ เจ้าตัวหันมามองด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากเดิมถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในร่างของผู้ชายแต่ภาพของเฟลิโอน่าก็ยังคงติดตาแลดูเป็นภาพซ้อนทุก
ครั้งที่มองมา
"หวัดดี ปรินซ์คาโล" นิกส์เอ่ยทัก ชาร์ล็อตก้มหัวอย่างสุภาพ คาโลก้มหัวตอบก่อนที่จะทักนิดส์ด้วยชื่อสกุลและฉายาเต็มยศ
เฟรินลุกขึ้นมาแล้วเดินไปพูดข้าง ๆ หูคาโล
"นายนี้ไม่เบานะ จำชื่อกับฉายาของหมอนี่ได้ครบยศ"
"มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จำชื่อของเพื่อนตัวเองไม่ได้"
"นายว่าฉันอย่างนี้อีกแล้วนะ" เด็กไม่รู้จักโตขึ้นเสียง คนในห้องสมุดหันมามอง
"พวกนายก็มาทำรายงานด้วยใช่ไหม มาทำด้วยกันสิ" โร เซวาเรสชักชวน นิกส์กับชาร์ล็อตหันหน้าไปมองเฟรินเหมือนกับเป็นการขออนุญาต
"ก็เอาสิ" เฟรินยักไหล่ แล้วก็ยิ้ม "ด้วยความยินดี"
"เออ.. นี่ ชาร์ล็อตเธอรู้จักกับนิกส์ได้ยังไงนะ อยู่กันคนละเมืองด้วยนิ" เฟรินเริ่มบทสนทนาเกี่ยวกับคนที่กำลังเดินไปเพื่อหาหนังสืออยู่
"ก็..." ชาร์ล็อตทำท่าจะเล่นก่อนที่จะหันไปเหลือบมองนิกส์
"ฟังแล้วอย่าไปบอกคนอื่นแล้วกันนะคะ ก็คือ... นิกส์นะเขาช่วยฉันตอนปีศาจนิมิตที่หลุดออกมาตอนอยู่กันที่บารามอสนะคะ อย่าบอกเขาแล้วกันนะคะว่าฉันเล่าเพราะเขาเป็น
คนงอนง่าย และ ก็ไม่ชอบให้คนอื่นฟังเรื่องนี้..."
"ปีศาจนิมิตเป็นยังไงเหรอ" เฟรินถามขึ้นมาอย่างสงสัย
คนข้าง ๆ 2 คนถอนหายใจพลางส่ายหน้า
"ทำไม" เจ้าหัวขโมยถามอย่างฉุน ๆ
"แม้แต่เด็กอมมือยังรู้จักปีศาจนิมิตเลย" คาโลพูด
"ก็ฉันไม่ใช่เด็กอมมือนี่นา" เฟรินเล่นลิ้น
คาโลถอนใจอย่างเบื่อหน่ายแต่เฟรินกลับยิ้มเหมือนเป็นผู้มีชัย ถ้าหากที่นี้ไม่ใช่ห้องสมุดโร เซวาเรสคงจะขำเสียงดังลั่นไปแล้ว
นิกส์เดินเข้ากลับมาที่โต๊ะพลางวางหนังสือที่หามาไว้บนโต๊ะก่อนที่จะนั่งแล้วเปิดหนังสือสีน้ำตาลสไตล์ยุโรปอีกเล่มที่เอากระดาษคั่นไว้มาเปิดดูต่อ
"นี่นิกส์" เฟรินโผล่งถาม
"ปีศาจนิมิตเป็นยังไงเหรอ"
พอสิ้นสุดคำพูดของเฟริน เดอเบอโรว์ ทันใดนั้นเท้าของโร เซวาเรส และ คาโล วาเนบลีก็พร้อมใจกันเหยียบเท้าของคนพูดกันโดยมิได้นัดหมาย
นิกส์จ้องหน้าเฟรินเขม็งก่อนจะหันขวับไปทางชาร์ล็อตที่กำลังอึ้งสุดขีดถ้าจะทำให้เธอรู้สึกตัวอีกทีคนต้องเอาค้อนทุบนิ้วเธอเท่านั้น ในช่วยขณะนั้นเอง โร เซวาเรสที่ดูเหมือน
จะเกาะติดสถานการณ์ก็มาช่วยแก้ตัว
"เฟริน ฉันก็บอกไปแล้วใน เรื่องที่ฉันเล่า แล้วยังไงละ.."
แต่คำพูดของขอทานก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความคิดของนักดนตรีได้ เขายังคงรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้บางอย่างมันอาจจะดูเล็กน้อยแต่สำหรับบางคนมันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่โตนัก
เซนส์ดีคือพรสวรรค์ของนิกส์
"ก็ได้ ๆ" เฟรินยกมือยอมแพ้
"ชาร์ล็อต กลับเถอะ" ว่าแล้วคนพูดก็เก็บของแล้วลุกพรวดออกจากโต๊ะเดินออกไปก่อนที่ชาร์ล็อตจะรู้สึกตัวแล้วตามออกไปติด ๆ
"โง่" คือคำด่าของคาโลที่มอบให้เฟรินด้วยความเต็มใจ
"ฉันโง่ตรงไหน" คนโง่หันขวับ
"คนที่โง่มักจะไม่รู้ว่าตัวเองโง่แหละนะ" โร อดพูดอย่างขำ ๆ ไม่ได้
"นายต้องไปขอโทษเขาซะ" คิลมัสสรุปหลังจากได้ฟังเรื่องที่เจ้าหัวขโมยไปก่อมาแล้ว
"ทำไม?"
"เพราะนายมันโง่ไง" คาโลเอ่ยอย่างหน่าย ๆ
"หมู่นี้รู้สึกหมู่นี้นายจะโง่ลงนะ เฟริน" คิลเสริมอย่างเห็นด้วย
"อยู่กับคนที่ฉลาดมันก็ต้องย่อมโง่ลงตามธรรมดา..." คาโลอธิบายอย่างเย็นชา
คิลเมื่อได้ยินก็หลุดขำออกมา ส่วนคนโง่ก็หัวเราะอย่างฝืดเคือง
จากคุณ :
Meroko
- [
8 ต.ค. 47 20:44:48
]