CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    คนข้าง(ใน)ใจ ตอนที่2 ค่ะ

    ค่ำคืนนี้แม้จะมีหมู่ดวงดาวน้อยใหญ่มากมายเปล่งประชันอวดแสงสว่างของตนเองให้มนุษย์บนโลกได้เห็นกันอย่างมากมาย แต่มันไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่แสนจะขุ่นมัวได้กลับมามีชีวิตชีวาสดใสขึ้นมาเลย

    นิชายืนกอดอกแนบแน่นเหม่อมองออกไปนอกระเบียง มองแสงไฟจากตึกราบ้านช่องสลับกับแสงจากดวงดาวอย่างเงียบเหงา น้ำตาแห่งความผิดหวังล้นเอ่ออยู่ริมขอบตาราวจะไหลออกมาซะให้ได้ หล่อนเม้มปากที่จะกำลังสั่นเครือแน่น กลั้นความรู้สึกอ่อนไหวในจิตใจของตนเองอย่างยากเย็น…

    อยู่ๆก็มีเสียงกีตาร์ที่ดีดเบาๆดังแว่วมากับสายลม เป็นเหตุให้หญิงสาวพยายามกวาดตามองรอบๆตัวเพื่อหาต้นเสียง และก็ไม่ผิดหวังเสียงกีตาร์ดังมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกล มันดังมาจากระเบียงห้องข้างๆหล่อนนี่เอง

    นิชาใช้มือขอบระเบียงคั่นระหว่างห้องที่สูงประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆชะโงกดูคนห้องข้างๆ ที่กำลังดีดกีตาร์พร้อมกับร้องคลอเป็นเพลงเบาๆ แต่ดูเหมือนสัญชาติญาณของชายหนุ่มที่เล่นกีตาร์คงจะบอกเขาว่ามีคนพยายามมองมาทางเขาอยู่ จึงละสายตาจากกีตาร์มองมาทางบุคคลปริศนาที่กำลังชะโงกชะเง้อตามองมาทางระเบียงห้องข้างๆ

    “ไงคุณ เพลงผมเพราะถึงขนาดจนต้องชะโงกมองเลยเหรอ? “
    พีรนาทหยุดเล่นกีตาร์เงยหน้าขึ้นถามหญิงสาวจากระเบียงข้างๆใบหน้ายิ้มแย้ม ลืมไปเลยว่าหล่อนเคยทำอะไรกับเขาไว้เมื่อเช้านี่

    “นี่นายเองเหรอ? “ นิชาเพิ่งถึงบางอ้อ ที่ไหนได้…หล่อนลืมไปเลยจริงๆว่าตาบ้าที่มาโวยแตกเมื่อเช้านี่อยู่ห้องข้างๆหล่อนเอง

    “ยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะครับ” พีรนาทย้อนถาม

    “เปล่านะ…ฉันก็แค่หาคนที่เล่นกีตาร์ฝีมือไม่ได้เรื่องอยู่ตั้งหาก เป็นนายนี่เอง” นิชาสลัดความเศร้าทิ้งไปชั่วขณะ เพราะมีภารกิจอันใหญ่หลวงที่หล่อนต้องทำก่อนก็คือ…การแขวะตอบชายหนุ่มจากระเบียงข้างๆอย่างไม่ลดละ

    “นี่คุณเรามาคุยกันดีๆได้ไหม? ผมขอโทษเรื่องเมื่อเช้าที่ผมว่าคุณ “ ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าจริงจัง แต่มันก็ยังดูไม่จริงใจสำหรับนิชาอยู่ดี

    เอ๊ะ?…จะมาไม้ไหนกันเนี่ย!!

    “ไม่ได้..ฉันไม่รับคำขอโทษ” นิชาตอบอย่างรวดเร็ว

    “โถ่ๆๆคุณครับ อย่าทำเป็นใจจืดใจดำหน่อยเลย เราเองอยู่ห้องข้างๆกันแท้ๆผูกมิตรกันไว้จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันไงครับ” เขาบอกพลางยักคิ้วแผล็บทั้งสองข้าง

    นิชาเห็นดังนั้นจึงเบ้ปาก อาการคล้ายคนอยากอ้วก หมั่นไส้คนที่อยู่ห้องข้างๆจับใจ

    “ผมนายพีรนาท หรือจะเรียกว่าพีสั้นๆก็ได้นะครับ” พีรนาทบอกด้วยท่าทางยิ้มแย้มด้วยความต้องการอยากผูกสัมพันธ์กับหญิงสาวห้องข้างๆนี่แล้วสิ คนอะไรไม่รู้…ถึงจะปากร้ายไปหน่อย…แต่ก็น่ารักดีแหะ

    “ฉันไม่ได้ถาม” นิชาย้อนบอกเสียงเย็น ทำเอาชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้ากี้เกือบตกหัวคะมำเพราะความไม่ลดราวาศอกของหล่อนเลย

    “ผมทราบดีครับว่าคุณไม่ได้ถาม ว่าแต่คุณเถอะชื่อน้องลิ้นจี่ก็ไม่ยอมบอก ไม่เห็นต้องอายเลยนี่ครับ”
    พีรนาทยังกวนประสาทหล่อนไม่เลิกพลางตั้งชื่อหล่อนให้ใหม่เป็น “ น้องลิ้นจี่ “ คิดได้ยังไงเนี่ย…

    “จะบ้าเหรอ ฉันชื่อนิชาตั้งหาก แหวะ” นิชาบอกชื่อของตัวเองไปด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนชายหนุ่มที่พยายามจะผูกมิตรถึงกับหัวเราะลั่นยังกับผู้ชนะที่แข่งกีฬาโอลิมปิกได้เหรียญทองสำเร็จ

    ชอบจริงๆเลยผู้หญิงคนนี้…ช่างต่อปากต่อคำถูกใจนักแล…

    “ครับคุณนิชา ในที่สุดผมก็รู้ชื่อคุณ แหม..มุขนี้ใช้เมื่อไรได้ผลทุกทีเลยนะครับ” พีรนาทเฉลยกลเมล็ดเคล็ดลับของเขาในที่สุด ทำเอานิชาถึงกับอ้าปากค้างด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด

    “นาย…นาย…นายพินาศ” หล่อนเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียใหม่ ไม่รู้จะต่อว่ายังไงดีได้แต่ยืนโกรธชายหนุ่มที่นั่งอยู่ระเบียงข้างๆอย่างเดือดดาล

    “ว่าไงครับ น้องน้ำชา”
    ชายหนุ่มก็ตั้งชื่อใหม่ให้กับหล่อนเช่นกัน ลอยหน้าลอยตาถามนิชาอย่างกวนประสาท

    หญิงสาวที่ยืนสั่นเทาด้วยความโกรธจึงยอมสงบศึกทางอ้อมโดยการพาตัวเองเข้าห้องเลื่อนประตูกระจกที่เคลือบฟิลม์สีดำปิดและล็อคทันที

    บ้า…คนบ้าอะไรเถียงได้ทุกวรรคทุกคำ ให้ตายเถอะ…หล่อนเกลียดคนประเภทนี้จริงๆ

    นิชานึกบ่นอยู่ในใจ ก่อนจะล้มตัวนอนบนเตียงด้วยเหน็ดเหนื่อย ดวงตาเหม่อลอยมองเพดานห้องที่เคว้งคว้าง อารมณ์ของหล่อนผสมปะปนกันมั่วไปหมด เหนื่อยจริงๆ และความเหนื่อยนี้เองกระมังที่ในไม่กี่นาทีต่อมานิชาก็นอนหลับลงได้อย่างง่ายดาย…

    แม้ความร้อนของแสงแดดจะพาตัวเองผ่านมาในห้องของนิชาไม่ได้ แต่แสงสว่างจากพระอาทิตย์ที่แผดแสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาในห้องนั่นก็คงเพียงพอให้หล่อนลุกขึ้นตื่นจากที่นอนได้

    วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกๆวัน เว้นเสียแต่วันนี้เป็นวันเสาร์จึงไม่ต้องไปเป็นแม่ย่านางเฝ้าร้าน(แทนเฝ้าเรือ) เหมือนทุกๆวัน นอนตื่นสายเสียจนนาฬิกาแสดงเวลาว่าสิบโมงเช้าแล้วถึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง เข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน และอาบน้ำอย่างเช่นๆทุกๆวัน

    กว่าจะทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเวลาปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงเช้าพอดิบพอดี นิชาในชุดลำลองสบายๆเดินมาที่โซฟาคว้านหากระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในย่ามเพื่อลงไปซื้ออาหาร ได้กระเป๋าสตางค์มาแล้วก็หยิบกุญแจห้องพัก ออกจากห้องมาโดยไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้างๆก้มหน้าก้มตาพยายามล็อคประตู ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปทางลิฟต์ เห็นคนกำลังยืนรอลิฟต์อยู่เหมือนกันจึงไม่จำเป็นที่ต้องไปกดปุ่มคำสั่งบนตัวลิฟต์เพื่อต้องการลงซ้ำอีกครั้ง

    แค่เพียงอึดใจเดียวประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้นตรงหน้า ภายในตัวลิฟต์ไม่มีใครเลย บุคคลที่ยืนหันหลังให้หล่อนเดินเข้าไปในลิฟต์ก่อน หล่อนจึงค่อยๆเดินตามเข้าไปเช่นกัน
    เขากดลิฟต์ไปยังชั้นหนึ่งพร้อมกันกับหล่อน จนนิ้วชี้ของคนสองคนสัมผัสกัน

    “ขอโทษค่ะ” นิชาบอกอุบอิบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาบุคคลแปลกหน้าที่อยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกับหล่อน แต่แล้วก็ต้องชะงัก

    “นายพินาศ!” นิชาหลุดปากเรียกพี่เขาแบบใหม่โดยมิได้ตั้งใจ จึงทำให้ชายหนุ่มคิ้วขมวดกันเล็กน้อย

    “อ้าว…น้องน้ำชานี่เอง”

    “ใครเป็นน้องเธอ? อ้อ…ฉันไม่ได้ชื่อน้ำชาด้วย” นิชาตวัดเสียงย้อนถาม

    “อ้าว ทีคุณยังเรียกผมนายพินาศได้เลย ผมชื่อพีรนาทนะครับ” พีรนาทว่ายิ้มๆ ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรน้า..เจอกันต้องทะเลาะกันทุกทีเลย แต่ก็นะ…มันรู้สึกแปลกยังๆไม่รู้เมื่อได้เจอเธอคนนี้

    “ก็ได้ๆ พีรนาท พอใจยัง”

    “ก็ได้เหมือนกันครับ นิชา” เขายอมสงบศึกเช่นเดียวกันกับหล่อน

    เห้อ…ดีเหมือนกัน…หล่อนยิ่งไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใคร ก็หล่อนเพิ่งเลิกลากับแฟนไปนี่นา ไม่มีอารมณ์ไปทะเลาะเบาะแว้งกับใครหรอก เปลื้องพลังงานเปล่าๆ

    พีรนาททำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่ลิฟต์ดันเคลื่อนตัวมาถึงชั้นหนึ่งเสียก่อน พอประตูเปิดก็มีคนเข้ามาแทรกแทนจึงไม่มีโอกาสได้พูดอะไร ปล่อยให้หญิงสาวข้างห้องเดินจากไปโดยไม่ได้เหนี่ยวรั้งอะไรทั้งสิ้น

    จากคุณ : DaisY - [ 9 ต.ค. 47 18:33:15 A:203.113.38.9 X:203.150.217.113 ]