ตามรอยตัวเอง
ขอบคุณครับ ขับรถดี ๆ นะพี่รถกระบะสีฟ้าคันเก่า ๆ ที่พาผมมายืนอยู่ตรงนี้ค่อย ๆ แล่นหายไปจนสุดขอบสายตา แต่สิ่งที่ไม่หายไปคือ น้ำใจของพี่ตัวใหญ่เจ้าของรถที่ให้ผมอาศัยมา การโบกรถ คือ หนึ่งในวิธีการเดินทางชั้นประหยัดของนักเดินทางซำเหมาอย่างผม บางครั้งโชคดีก็ได้รถคันแรกที่โบกเลย
บางครั้งโชคร้ายก็แทบจะไม่มีรถคันไหนจะจอดให้ การเดินทางของผมครั้งนี้ไม่มีจุดหมาย ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหน แต่ขออย่างเดียวไม่อยากอยู่ที่เดิม
ผมจำเป็น จำใจ และจำยอม ที่จะต้องโกหกเธอแม่ ผู้หญิงที่ผมรักและเป็นห่วงผมตลอดเวลา
ผมบอกแม่ของผมว่า ผมจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนสัก 2-3 วันไม่ต้องเป็นห่วง ผมหยิบเป้ใบที่สนิทกันมากที่สุดจากพื้นให้มาอยู่ที่กลางหลัง พร้อมกับตั้งคำถามให้ตัวเองว่า
จะไปไหนเนี่ย
เฮ้อ!แต่ยังไม่โชคร้ายนักถ้าจะคิดแบบเข้าข้างตัวเอง ห่างจากนี่ไปไม่ไกลก็จะถึงทะเลแล้วและพี่คนที่ผมถามทางก็ใจดีให้ผมติดรถไปด้วย เพราะ แกจะขับรถผ่านไปทางนั้นพอดี ผมจึงได้หย่อนตูดด้านๆ ของผมลงบนเบาะรถนิ่ม ๆ ของแก และพักสองขาที่เมื่อยล้าเอาไว้เตรียมสู้ต่อ
รถคันเล็ก ๆ ของพี่ตัวใหญ่ พาผมมุ่งตรงไปยังข้างหน้า
น้อง จะไปไหนเนี่ย เป็นคำถามจากพี่ชายใจดีที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้
ยังไม่รู้เลยพี่ แต่ผมไม่อยากอยู่กับที่
ฟังดูง่าย แต่ ตลกดีนะ น้องจะลงตรงไหนก็บอกแล้วกัน
ครับ
รถแล่นมาเรื่อย ๆ จนผมตัดสินใจว่าตรงนี้แหล่ะที่จะพาผมไปที่ ๆ ผมอยากไปได้
พี่ ๆ ๆ จอดครับจอด ผมขอลงตรงนี้ล่ะ
แล้วผมก็กล่าวคำขอบคุณกับคนไทยที่น้ำใจงามอีกคนหนึ่งที่ยังคงมีตัวตนอยู่ในประเทศไทย หลังรถแล่นผ่านหน้าผมไป ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าเป็นหมู่บ้านชาวประมง เล็กๆไม่กี่หลังคาเรือน
อย่างน้อยคืนนี้คงมีที่ซุกหัวนอนแล้วผมคิดแบบเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง
ในขณะที่พระอาทิตย์ดวงโตๆ ดวงเดียวกับที่กรุงเทพฯ เริ่มอ่อนแรงและคล้อยตัวตกลงมา ผมได้สัมผัสความงามแบบไม่ห่างไกลความรู้สึกเดิมๆกันสักเท่าไร เป็นเรื่องโชคดีมากๆสำหรับคนอย่างผมที่ปกติไม่ค่อยมีโชคมากมายนัก เว้นก็แต่ตอนเดินทางนี่แหล่ะ หรือว่าบางทีผมอาจจะเกิดมาเพื่อเดินทาง ท้ายที่สุดแล้วผมก็ได้อาศัยบ้านของ ลุงมี กับ ป้านา สองตายายชาวประมงที่ใจดีมากๆในการอาศัยบ้านแกเป็นที่ซุกหัวนอนในตอนนี้
ตามสบายนะพ่อหนุ่ม คิดว่าเป็นบ้านเองก็แล้วกัน
เป็นคำพูดของลุงมี ผู้เมตตาต่อนักเดินทางตัวจ้อยอย่างผม ทำให้ผมได้ผ่อนคลายภาระทางความรู้สึกของผมได้เป็นกอง
ครับลุง ผมตอบแกไปอย่างไม่เสแสร้ง
ผมวางเป้และรื้อเอาเพื่อนตาเดียวของผมออกมา เพื่อจะพาเพื่อนผมไปกระพริบตาที่ไหน
สักที่หนึ่ง เพื่อเก็บความทรงจำที่ดีไว้เป็นภาพถ่ายให้คนอื่นได้อิจฉา
ลมหนาวพัดมาอีกครั้งและพากันพร้อมใจร่วมแรงพัดน้ำทะเลหอบมาเป็นเกลียวคลื่น เคลื่อนมาดูดเท้าของผม ในขณะที่ผมกำลังจะถอดเสื้อลงไปเล่นน้ำ เสียงของป้านาก็ลอยมากับสายลม
ไอ้หนุ่มๆ มากินข้าวเร็ว
ความรู้สึกที่สัมผัสได้ แกเอ็นดูผมเหมือนลูกเหมือนหลาน ทั้งทีความจริงเพิ่งจะได้รู้จักกันก็วันนี้เอง
ตอนที่นั่งล้อมวงกินข้าวกัน ผมได้คุยกับแก2คน จนผมมีความรู้สึกว่า ชาติที่แล้ว เราคงเคยรู้จักกันมาก่อน
ไอ้หนุ่ม นี่เองจะไปไหนว่ะ!
ยังไม่รู้เลยครับลุง แต่มันรู้สึกไม่อยากอยู่กับที่ ผมตอบไปตามความรู้สึก
ลุงมีหัวเราะออกมา แล้วพูดกับผมว่า
ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ดี ๆ เมื่อก่อนข้าก็เป็นแบบเองนี่แหล่ะ ใช้ให้คุ้มนะโว้ย !
อะไรครับลุง
ชีวิตไง
สิ้นเสียงคำพูด เหนือรอยยิ้มของลุงมีขึ้นไป ผมสังเกตุเห็นร่องรอยของแววตาที่ยังกระหายการเดินทางของแกอยู่
จันทร์เจ้ากลับมาแล้ว ผมปลีกตัวออกมาหาความสงบให้ตัวเอง แหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ดาวคืนนี้สวยจนรูปปั้นวีนัสแอบแหงนมอง ถ้าจะนับปรชากรดาวเผลอ ๆ ถึงเช้าก็คงนับไม่หมด
ตอนนี้ วันนี้ คืนนี้ เวลานี้ ผมนอนอยู่บนเรือประมงลำเล็ก ๆ ที่มีเพียงเชือกผูกไว้เป็นเส้นพันธนาการความเป็นเจ้าของ ผมนอนดูดาวจนเคลิ้มหลับไป สะดุ้งตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ฝันว่า เรือที่ผมนอน ลอยอยู่กลางทะเลที่ว่างเปล่า ไม่มีจุดจบจนพาลไปถึงจุดเริ่มต้นที่ ไม่มีจุดหมาย
ในฝันผมพยายามพายเรือเข้าฝั่ง แต่พายเท่าไรก็ไม่ถึงฝั่งสักที ตะโกนให้ใครช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน แล้วจู่ ๆ ก็มีคลื่นยักษ์ซัดมาโดนเรือผมคว่ำตัวผมจมลงในน้ำ แล้วผมก็สะดุ้งตื่น ผมนึกขอบคุณคลื่นยักษ์ลูกนั้นที่ทำให้ผมหลุดออกมาจากความฝันบ้า ๆ นั้นได้
ลุงมีเดินออกมาตามหาผม แกบอกว่าเห็นผมเดินออกมานานแล้วเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นอะไรไป
พรุ่งนี้มีเรือของเพื่อนข้าจะไปเกาะแถว ๆ นี้ เองสนใจไหมล่ะ
เหมือนได้ยินเสียงมาจากสวรรค์นำทางผมไป ยังไม่ทันที่สมองก้อนเล็ก ๆ เท่าเม็ดถั่วเหลืองของผม จะคิดอะไรได้ อวัยวะที่เพื่อนผมช่วยกันยืนยันว่าดีที่สุดในตัวผม ก็ตอบไปแล้วว่า
สนครับลุง
โดยที่ยังไม่รู้แม้แต่รายละเอียดของที่ ๆ จะไป ตอนเช้าผมถึงได้มานั่งอยู่บนเรือเพื่อนของลุงมี ก่อนเรือจะออกผมหยิบเพื่อนตาเดียวของผมออกมากระพริบตาดูภาพของลุงมีกับป้านาไว้ในความทรงจำอีกครั้ง นึก ๆ แล้วก็อิจฉาแก 2 คน ที่มีวิถีชีวิตเรียบง่ายโลกนี้ต่อให้หนักหนาเพียงใดหากมีคนมี่เรารักและรักเราอยู่ข้างกายก็คงไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
เรือค่อย ๆ แล่นออกจากฝั่ง ภาพหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่เมื่อวาน ค่อย ๆ เล็กลงๆ ผมเดินเข้าไปคุยกับเจ้าของเรือ ถามแกว่าเรือลำนี้จะไปไหนไปเกาะอะไร
อ้าว! นี่เองไม่รู้เหรอว่า เองกำลังจะไปไหน
ครับ
เจ้าของเรือมองผมด้วยสีหน้างง ๆ ก่อนบอกผมว่า
ไปเกาะเต่า แต่ว่าช้าหน่อยนะ เองรีบหรือเปล่าล่ะ
เปล่าครับ
ถึงผมจะรีบยังไงก็คงไปไหนไม่ได้ มีอยู่ทางเดียวคือต้องว่ายน้ำไป ผมว่าเรือลำนี้คงไปถึงก่อนศพของผมจะลอยไปถึงก็ได้ ผมจึงฆ่าเวลาด้วยการนั่งมองทะเล ลมเย็นม้วนมาตีหน้า หอบเอากลิ่นทะเลมาฝากป่านนี้แม่จะเป็นยังไงบ้าง
อาจจะเป็นเพราะแรงโยกของท้องทะเลที่โยกกล่อมเรือลำนี้ก็เป็นได้ผมจึงนั่งคิดถึงแกจนผมเผลอหลับไปพลางรู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่ในเปลแล้วมีเสียงของแม่มากล่อม ผมรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนดึกแล้ว
ทะเล ถึงผมจะรู้จักเขาดีแต่ผมก็ไม่เคยคุยกับเค้าตอนกลางคืน
มองออกไปเห็นทะเลยามค่ำคืน ความรู้สึกกลัวก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับความลึกลับ ที่เดินมาห่างๆ ผมนั่งฟังเสียงคลื่น ถ้าหูผมไม่เพี้ยน นอกจากเสียงคลื่นแล้ว อีกเสียงที่แอบแทรกมาคือ ท่วงทำนองของเม้าท์ออแกน
ผมชอบเครื่องดนตรีชิ้นนี้ เสียงนั้นดึงผมไปเหมือนชาวนาจูงเพื่อนควายไปจนเจอที่มาจากผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหัวเรือ อายุเค้าคงไม่มากไม่น้อยกว่าผมสักเท่าไร เผลอ ๆอายุเค้าอาจจะเท่าผมก็ได้
นี่คุณ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก ผมเตือนเค้าด้วยความหวังดี
ไม่หรอก ถ้าเรามั่นใจ และเชื่อในสิ่งที่เราทำ
นอนไม่หลับหรือครับ ผมถามเค้าตามมารยาท
ครับ สิ้นคำตอบแล้วชายคนนั้นก็หาได้สนใจผมไม่ สิ่งเดียวที่เค้าสนใจ คือ เม้าท์ออแกนที่อยู่ในปากของเค้า เสียงเม้าท์ออแกนของเค้ายังบรรเลงท่วงทำนองต่อไป แต่ว่ามันต่างจากเสียงที่ผมเคยได้ยิน มันฟังดูแล้วเศร้าๆคล้ายต้องการบอกอะไรบางอย่างแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ
ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมบอกกับเขาไปเพื่อสานสัมพันธ์ต่อ แล้วเสียงเม้าท์ออแกนก็สงบลง ทว่าหาได้มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากชายคนนั้น เค้ายังคงเป่าเมาท์ออแกนต่อ
สายตาของเค้าที่มองไปข้างหน้าบ่งบอกว่ามันไม่มีจุดหมายที่ชัดเจน ความว่างเปล่าอาศัยอยู่ในดวงตาเค้าเต็มไปหมด
เค้าถามผมว่า เหนื่อยมากไหม
ไม่หรอกชินแล้ว คืออีกคำพูดติดปากของผมที่มักจะมีให้กับคำถามอย่างนี้เสมอ และแอ่งน้ำในดวงตาผมเริ่มก่อตัว
ออกมาเดินทางทำไมทิ้งคนข้างหลังไว้ทำไม
ร้องไห้ทำไม
เปล่านี่ หัวเราะต่างหาก ผมเสแสร้งที่จะตอบ
แต่ผมว่าคุณร้องไห้นะ
ผมจะร้องไห้ทำไม นี่ไงผมกำลังหัวเราะอยู่นี่ไง
แต่ผมไม่เคยเห็นใครหัวเราะได้เศร้าเท่าคุณเลยนะ
ผมถามเค้าว่า คุณกำลังจะไปไหน
ไปที่ชอบ ที่ชอบ น้ำเสียงกับสีหน้าที่แสดงออกมาแสดงให้เห็นว่าคำพูดของเขามันไม่ได้เป็นคำพูดที่กวนประสาทผมเพียงสักนิดเลย
แล้วที่ชอบ ที่ชอบของคุณอยู่ไหนล่ะ ผมถามเขาอีกครั้ง
ที่ ๆ ผมกล้าที่จะจำอดีตได้ บางครั้งคนเราก็หลีกหนีอดีต
ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง ม้วนตัวลอยมากระทบหน้าผม ยิ่งทำให้บรรยากาศของผมกับเค้า
เย็นยะเยือกเข้าไปอีก เค้าขยับปากถามผมว่า แล้วคุณล่ะจะไปไหน
ก็คงคล้ายคุณ แต่จะต่างกันตรงสถานที่
ที่อะไร
ที่ ๆ ผมไปมันเป็นที่ๆผมต้องกลับนะสิ ผมตอบ
ที่ ๆ ต้องกลับนะเหรอ งั้นคุณคงมีอดีตใช่ไหม
ภายในระบบความคิดของผม ประมวลภาพผู้หญิงคนหนึ่ง ยังไม่ทันที่ระบบความคิดจะได้ทำหน้าที่ของมันต่อ คำถามของชายแปลกหน้าก็ทำลายระบบความคิดของผม
คุณจมอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งใช่ไหม
คุณรู้ได้ยังไง ผมถามเข้าบ้าง
ความลับไงล่ะ
ความลับ?
ใช่ มันไม่มีในโลก
ไม่มีในโลก?
ใช่ พอออกนอกโลก อยากจะรู้อะไรก็รู้หมด มนุษย์เราชอบสร้างโลกของตัวเองขึ้นมา ชอบคิดโน่น คิดนี่ จะทำอะไรก็ได้ ต้องการอะไรก็ได้ แต่เค้าไม่รู้หรอกว่า โลกเค้าแคบแค่ไหน
บอกรักเค้าหรือยัง หนุมแปลกหน้าถามพร้อมกับมีร่องรอยการอมยิ้มบนใบหน้า
บอกแล้ว แต่
..
แต่เค้าบอกเป็นเพื่อนกันดีกว่า ใช่ไหมล่ะ โครต.... คลาสสิคเลยประโยคนี้เนี่ย ใครๆเค้าก็นิยมพูดกัน
อย่าคิดมากอย่างน้อยเราก็ได้บอกความในใจเค้าก่อนตาย
ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วอึดใจ ก่อนบทสนทนาจะเริ่มอีกครั้งจากปากของเขา
นี่คุณ
อะไรครับ
ถ้ามนุษย์เราไม่รู้จักความรักจะเป็นยังไง
ก็คงเหมือนคนไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ร่างกายคงขาดความอบอุ่น
แต่ถ้าโลกนี้เป็นกระดาษล่ะ
หมายความว่าไง?
ก็แค่อยากรู้ว่าคุณจะทำยังไงกับมัน
ทำยังไงกับมัน?
ผมหมายถึงคนที่คุณรัก ผู้หญิงที่คุณลืมไม่ได้ยังไงล่ะ
ไม่รู้สิ
แต่ถ้าเป็นผมนะผมจะพับโลกใบนี้ให้เป็นจรวดแล้วก็ปล่อยมันเดินทางไปตามกระแสลม
ไอ้หนุ่มๆเช้าแล้วถึงเกาะเต่าแล้ว
เดี๋ยวเอ็งเดินลุยน้ำไปอีกหน่อยละกันเรือมันเข้าไปไม่ได้
โธ่!ที่แท้ผมก็ฝันไปผมหยิบเป้ใบที่สนิทกันมากที่สุดจากพื้นให้มาอยู่ที่กลางหลัง
การเดินทางของผมเพิ่งจะเริ่มต้น
คำพูดของชายแปลกหน้าในคืนนั้น ยังคงวิ่งวนอยู่ในสมองที่เท่าเม็ดถั่วเหลืองของผมอยู่ทุกวันนี้
ผมกับเพื่อนตาเดียวที่ทำให้ผมเข้าใจโลกใบนี้มากที่สุด ยังคงไม่รู้จักคำว่าสิ้นสุดกับการเดินทางผมไม่รู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นอยู่ที่ไหนเค้าอาจจะอยู่แค่ในความฝันหรือชีวิตจริง หรือไม่ แต่ตอนนี้ ผมพร้อมแล้วที่จะพับโลกใบนี้ของผมให้เป็นจรวดแล้วปล่อยให้มันเดินทางไปตามกระแสลม.....
*****
จากคุณ :
ลิงน้อย
- [
9 ต.ค. 47 22:41:30
A:202.80.225.72 X:
]