CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ฝรั่งสองลูก

    12 ตุลาคม 2547
    ฝรั่งสองลูก

    ถ้าลำพังแค่ผลไม้ที่ชื่อว่า “ฝรั่ง” ก็คงจะไม่มีความหมายอะไรมากมาย แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างจนอยากจะระบายออกมาเป็นตัวอักษร

    เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้เมื่อตอนกลางวันไปทำธุระที่ร้านถ่ายเอกสาร กำลังจะเข้าไปในร้านก็บังเอิญให้ชะงักเพราะมีคนมาเสนอขายสินค้าบางอย่างให้ที่หน้าประตูร้าน

    ลักษณะของคนขายไม่บอกยี่ห้อเลยว่าจะเป็นพ่อค้าได้ คะเนจากอายุก็คงจะประมาณวัยใกล้โลง เอ๊ย ไม้ใกล้ฝั่งอยู่รอมร่อ จากการประเมินด้วยสายตาก็น่าจะประมาณสักเจ็ดสิบหรือเจ็ดสิบกว่า ๆ แต่บุคลิกยังยืนหลังตรง ถือไม้เท้าลักษณะเป็นไม้ไผ่ปล้องเล็กยาวเกือบเท่าตัวคนถือ หน้าตาค่อนข้างกลม ผมหรอมแหรม การแต่งกายก็เหมือนชาวไร่ชาวสวนทั่วไปค่อนข้างมอซอและมอมแมม สวมรองเท้าแตะเก่า ๆ ถ้าไปเดินอยู่ในกรุงเทพฯใคร ก็คงคิดเหมือนข้าพเจ้าว่าคุณตาต้องเป็นขอทานแน่นอน

    ตอนแรกข้าพเจ้าก็คิดอย่างนั้นจึงไม่ได้สนใจกำลังจะยื่นเอกสารให้พนักงานในร้านแต่เสียงฟังไม่ได้ศัพท์ของคุณตาทำให้ข้าพเจ้าต้องหันไปมอง ส่วนมือก็ยื่นเอกสารค้างไว้อย่างนั้น พนักงานชายที่มารอรับคำสั่งก็ต้องยืนรอเพราะตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจพนักงานของร้านเลย แต่ตั้งใจฟังคุณตาว่าแกพูดอะไร ต้องตั้งใจฟังจริง ๆ เพราะคุณตาพูดไม่ชัดเนื่องจากฟันลาเหงือกไปเกือบหมดปาก เห็นฟันล่างสีคล้ำ ๆ สามสี่ซี่ประทับอยู่ที่เหงือกล่าง

    พอตั้งใจฟังจึงรู้ว่าแกถามว่าซื้อไหม หวาน กรอบ อร่อยนะ นั่นแหละข้าพเจ้าจึงลดระดับสายตามองมือที่หยาบกร้านของแกซึ่งล้วงลงไปในย่ามเก่า ๆ แล้วหยิบฝรั่งลูกค่อนข้างใหญ่ลูกหนึ่งออกมา ตอนนี้จึงเห็นว่าในย่ามที่ตุงนั้นดูมีน้ำหนักก็เดาว่าในนั้นคงจะมีฝรั่งอีกหลายลูก นั่นแหละข้าพเจ้าจึงร้อง “อ๋อ” ขึ้นมาในใจและประมวลเหตุการณ์ได้ว่าคุณตาคงมาเสนอขายฝรั่งให้คนในร้านถ่ายเอกสาร แต่เพราะความไม่น่าเชื่อถือบวกกับสภาพที่ดูสกปรกและสินค้าก็ไม่ได้มีคุณภาพอะไร จึงทำให้คุณตาไม่ได้รับการต้อนรับหรือสนใจจากลูกค้าของแกก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าจะไปถึง

    ครั้งแรกข้าพเจ้าคิดจะปฏิเสธเพราะรีบไม่มีเวลาหยุดฟังคุณตา เนื่องจากยังมีคนรออยู่ในรถและเขาก็อาจจะหงุดหงิดถ้าข้าพเจ้ายังขืนโอ้เอ้ เพราะเขาเพิ่งจะฟื้นไข้ แต่สภาพความชราของคุณตาทำให้ความแห้งแล้งในใจของข้าพเจ้าเปลี่ยนเป็นคำถามว่า “ขายอะไรคะ?” เท่านั้นแหละแกยิ้มแล้วพยายามพูดเสียงสั่น ๆ ว่า “ขายฝรั่ง ซื้อไหม?” ข้าพเจ้ามองที่ลูกฝรั่งอีกครั้ง ความจริงก็เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าฝรั่งของแกลูกใหญ่ก็จริง แต่ลักษณะไม่น่าซื้อเพราะเปลือกเขียวจัดแถมผิวเปลือกยังเป็นจุดด่างดำเหมือนตกกระ ตอนที่เห็นครั้งแรกก็ตัดสินทันทีว่าเนื้อในคงฝาดและไม่อร่อย หลังจากคิดอย่างนั้นแล้วในใจก็มีอะไรอย่างหนึ่งแวบเข้ามา มันเป็นความรู้สึก...

    ข้าพเจ้ารู้สึกสงสาร เห็นใจ และอยากช่วยเหลือแม้ว่าจะไม่อยากซื้อฝรั่งลูกนั้นก็ตาม จากความแห้งแล้งกลายเป็นน้ำที่รินไหลอยู่ภายใน...

    “ขายยังไงคะ?” ข้าพเจ้าถามคุณตายิ้ม ๆ แกก็ยิ้มอย่างมีความหวังมากขึ้นแล้วบอกว่า

    “แล้วแต่จะให้”

    มาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าอึ้งเล็กน้อย แหม ถ้ามีคนมาเสนอขายของให้เรา พอเราถามราคาแล้วเขาบอกว่าแล้วแต่จะให้นี่มันลำบากใจอย่างไรอยู่นะ แถมยังทำให้ประเมินไปถึงคุณภาพของสินค้าอีกว่าจะต้องไม่ดีแน่นอนเขาถึงไม่กล้าตั้งราคา

    ก็มันอดคิดไม่ได้นี่นา...คุณคิดอย่างข้าพเจ้าไหม?

    ข้าพเจ้าชวนคุยต่อไปว่า

    “เก็บมาจากไหนคะ?”

    คะเนดูแล้วไม่น่าจะซื้อมาจากแหล่งผลิตเพื่อการจำหน่ายอย่างแน่นอน เพราะดูจากลักษณะที่มันเป็นธรรมชาติเสียจนไม่มีอะไรดึงดูดใจให้อยากซื้อเลย

    “บ้าน” คุณตาตอบซื่อ ๆ

    “อ้อ เก็บมาจากสวนหรือคะ?” ข้าพเจ้าพึมพำไปอย่างนั้นเอง ตอนนี้เห็นคุณตาหยิบฝรั่งออกมาจากย่ามอีกลูกหนึ่ง คงไม่ได้ตั้งใจจะยัดเยียดขายแต่คงจะหยิบออกมาเสนอให้ข้าพเจ้าเลือกมากกว่า ซึ่งตอนนี้ท่าทางของข้าพเจ้าก็แสดงออกให้แกรับรู้ว่าจะไม่ทำให้แกผิดหวัง “ถ้างั้นเอาสองลูกก็แล้วกัน เดี๋ยวเอาเงินมาให้นะคะ...เงินอยู่ในรถ” แล้วลูกค้าก็ตกลงรับสินค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ข้าพเจ้าหันไปพูดกับพนักงานที่มารอรับเอกสารซึ่งยังคงยืนรออยู่ตลอดเวลาขณะที่ข้าพเจ้าสนทนากับคุณตา หลังจากแจ้งความประสงค์กับพนักงานของร้านว่าจะถ่ายเอกสารปึกนี้แล้วตอนเย็นจะมารับ แล้วข้าพเจ้าก็หันไปรับฝรั่งสองลูกจากคุณตาถือเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ข้างทางหน้าร้านถ่ายเอกสาร บอกคนในรถว่าหยิบเงินในลิ้นชักให้ยี่สิบบาท เขายังไม่ทันถามข้าพเจ้าก็อธิบายว่าช่วยซื้อฝรั่งของลุง ที่เรียกแกว่า “ลุง” เพราะพูดง่ายดี เท่านั้นเขาก็เข้าใจแล้วหยิบเหรียญสิบสองเหรียญออกมายื่นให้ข้าพเจ้ายี่สิบบาท ในความรู้สึกของเขาคงคิดว่าฝรั่งสองลูกยี่สิบบาทนั้นแพงเกินไป เพราะมันเป็นฝรั่งค่อนข้างขี้เหร่ไม่น่าซื้ออย่างว่า

    แล้วในความรู้สึกของคุณคิดว่าแพงไหม?

    พอข้าพเจ้านำเงินไปให้คุณตาก็เห็นว่าแกเดินตามมาที่รถแต่ยืนอยู่ห่าง ๆ ข้าพเจ้ายังเดินไปไม่ถึงแกก็ถามว่า

    “ให้เท่าไหร่?”

    ข้าพเจ้ายิ้มเพราะรู้ว่าแกคงคิดว่าข้าพเจ้าจะกดราคาเหลือลูกละสองสามบาท ซึ่งในความรู้สึกของข้าพเจ้าแกคงอยากได้ราคาลูกละห้าบาทมากกว่า ครั้นพอข้าพเจ้าบอกว่า “หนูให้ยี่สิบบาท” เท่านั้นเองสีหน้าเป็นกังวลของแกก็ปรากฏรอยยิ้มปีติออกมาอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางแกเหมือนจะผิดคาดไม่เบา ดูแกอึ้งแล้วคล้ายจะพูดอะไรไม่ออก หลังจากมอบเงินค่าฝรั่งสองลูกให้แกแล้วข้าพเจ้าก็จะผละไปที่รถ แต่ชะงักเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงสั่น ๆ ปนรอยยิ้มนั้นแว่วมาว่า “ขอบใจนะ” ข้าพเจ้าพยักหน้ารับคำขอบคุณแล้วรีบเดินไปขึ้นรถประจำที่คนขับ ขับรถกลับไปทำงานต่อ

    ขณะขับรถข้าพเจ้ามัวแต่มองทางจึงไม่เห็นว่าหลังจากรับเงินจากข้าพเจ้าแล้วคุณตาทำอะไรต่อไป แต่คนนั่งข้างเขาเหลียวไปมองแล้วหันมาย้อนถามข้าพเจ้าด้วยสีหน้ายิ้มปนเยาะว่า

    “ทายซิว่าได้เงินแล้วแกทำอะไร?”

    “ทำอะไร?” ข้าพเจ้าย้อนถาม

    “อยู่ที่ร้านข้างทาง” เขาใบ้

    “ร้านเหล้าตองน่ะ?” ข้าพเจ้าถามกึ่งตอบไปในตัว มันรู้สึกได้เองว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น แล้วความรู้สึกหดหู่ก็แวบเข้ามาในใจ คิดว่าเงินยี่สิบบาทเหมือนไม่มีคุณค่าอะไรเลย แทนที่แกจะเก็บไว้ซื้ออาหารหรือของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันแต่แกกลับนำเงินที่ขายฝรั่งสองลูกให้ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ช่วยซื้อไปในราคายี่สิบบาทไปทิ้งลงในเหล้าตอง ซึ่งไม่จำเป็นแกการยังชีพอะไรเลย

    ทว่าเพียงชั่วขณะความรู้สึกนั้นก็เป็นเหมือนลมพัดผ่าน นอกเหนือจากความหดหู่แกมฉุนนิด ๆ ก็มีอีกความคิดหนึ่งแวบเข้ามา...

    “ยี่สิบบาทไปไม่ถึงไหนเลย สงสัยจะหมดอยู่แค่ร้านเหล้าตอง” คนข้าง ๆ พูดเหมือนจะตอกย้ำว่าข้าพเจ้าโง่ที่ถูกคุณตาหลอกขายฝรั่งสองลูกยี่สิบบาท

    ข้าพเจ้าปลงแล้วตอบเขาไปตามความคิดที่แวบเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกที่ยินดีว่า

    “ช่างแกเถอะ ถ้าเงินยี่สิบบาทจะทำให้คนแก่คนหนึ่งมีความสุข ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน ถ้าแกกินเหล้าแล้วแกมีความสุขก็ปล่อยแก บางครั้งคนเราก็ไม่ต้องการอิ่ม แต่ต้องการกินอะไรที่อยากกิน ยิ่งคนแก่ด้วยแล้วบางทีก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากได้ทำตามใจตัวเองแล้วมีความสุข ก็ปล่อยแกเถอะ นึกว่าเงินยี่สิบบาทช่วยให้คนแก่คนหนึ่งที่ไม่มีใครเหลียวแลมีความสุขก็แล้วกัน”

    ข้าพเจ้าคิดได้อย่างนี้ก็สบายใจขึ้นมากและไม่นึกเสียดายเงินยี่สิบบาทเลย กลับรู้สึกอิ่มใจอย่างไรบอกไม่ถูก ข้าพเจ้าไม่ได้สนับสนุนให้คนดื่มสุรา แต่แค่อยากจะบอกว่าบางครั้งคนเราก็มีความอยากไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราคิดว่าดีและมีประโยชน์สำหรับคนอื่น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และสิ่งที่เขาต้องการบางทีอาจจะเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับเรา แต่สำหรับเขามันอาจจะเป็นสิ่งที่ต้องการและจำเป็น

    และข้าพเจ้าก็สบายใจอีกอย่างหนึ่งว่าคนนั่งข้างไม่บ่นอะไรอีก เขาอาจจะคิดได้ตามคำพูดของข้าพเจ้ามั้ง หรือไม่ก็อาจจะนึกสงสารคนแก่ใกล้โลงคนหนึ่งซึ่งควรจะอยู่ในบ้านมีลูกหลานคอยดูแลกลับต้องมาร่อนเร่ขายฝรั่งเหมือนจะหากินไปวัน ๆ

    นี่แหละคือที่มาของฝรั่งสองลูกซึ่งจนบัดนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้ชิมว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร แถมยังลืมทิ้งไว้ที่สำนักงานอีก ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะลองไปชิมดูสักหน่อย



    ร้านเหล้าตอง หมายถึงร้านขายเหล้าข้างทาง ปลูกเป็นเพิงหรือทำเป็นหน้าร้านเล็ก ๆ ขายเหล้ายาดอง หรือเหล้าอื่น ๆ ตวงเป็นก๊งหรือชงขายเป็นแก้ว คำว่าตองอาจหมายถึงลักษณะของใบไม้ชนิดหนึ่งที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่าตองตึงมีลักษณะใบใหญ่หนาขนาดประมาณใบบัวนำมาเย็บเป็นตับติดกับไม้ใช้มุงหลังคาแทนหญ้าคา หรือหญ้าแฝก (เป็นคำอธิบายตามความเข้าใจ ถ้าท่านใดมีข้อมูลมากกว่านี้จะเสริมก็เชิญแนะนำได้ค่ะ)

    นวจันทร์

    จากคุณ : นวจันทร์ - [ 13 ต.ค. 47 01:18:39 A:203.113.50.15 X:203.150.217.111 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป