CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    มนต์ดารา (ตอนที่33)...จบบริบูรณ์

    33…

    “คุณจะกลับไปอยู่ที่นครปฐมจริง ๆ น่ะหรือคะ?”

    รอยดาวเอ่ยถามแข่งกับเสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มเมื่อมาส่งเขมยังท่ารถแห่งหนึ่งตามที่ชายหนุ่มบอกพร้อมด้วยมนต์กร

    “ใช่...” เขาตอบเสียงเรียบในใจนึกถึงการสนทนาของวันถัดมาหลังจากเหตุการณ์แห่งความเป็นความตายนั้นได้ผ่านพ้นไปขึ้นมาอีกครั้ง

    “นายจะเอาชีวิตรอยดาวจริง ๆ น่ะรึ?...”

    ทุกคนต่างเอ่ยขึ้นอย่างกังวลแต่ในใจเขมแล้วเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถที่จะเอาชีวิตรอยดาวได้ และนั่นจะเป็นเพราะสาเหตุใดมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้คำตอบดีซึ่งชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะชี้แจงให้เด็กสาวได้รับรู้แม้แต่น้อย

    “ฉันคงจะฆ่ารอยดาวไม่ได้เหมือนอย่างที่มนต์กรเคยบอกเอาไว้นั่นแหล่ะ...”

    คำพูดของเขาทำให้ทุกคนต่างงงงันเป็นไก่ตาแตกแต่เขาก็เอ่ยขึ้นมาเพียงว่า

    “เอาเป็นว่าฉันไม่คิดแค้นรอยดาวอีกแล้วก็แล้วกัน...”

    และทุกคนต่างก็โล่งใจไปตาม ๆ กันกับคำตอบนั้นของชายหนุ่มแม้ในใจต่างก็นึกสงสัยอยู่ครามครันว่าเขมวางมือจากการแก้แค้นรอยดาวเพราะเหตุผลกลใดกันแน่... แต่เมื่อนึกได้ว่าทุกอย่างสามารถคลี่คลาย และจบลงได้ด้วยดีก็น่าจะพอใจแล้วจึงทำให้ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบเสียจากความสงสัยนี้นั่นเอง

    เขมเหลือบมองไปยังจุดที่มนต์กรยืนรออยู่นิดหนึ่ง และเอ่ยกับรอยดาวว่า

    “ถ้าฉันรู้จักเธอก่อนเขาหรือก่อนที่เธอจะรู้จักกับธนดลก็คงจะดีหรอก”

    คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจในถ้อยคำนั้นขณะที่ปากก็เอ่ยถามออกมาเบา ๆ ว่า

    “คะ?...”

    อีกฝ่ายเพียงยิ้มอย่างเอ็นดู และว่า

    “เปล่าไม่มีอะไรหรอก... ว่าแต่ว่าฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่าเธอน่ะคู่ควรแล้วที่ธนดลจะรัก”

    ใบหน้าอ่อนเยาว์มีสีเข้มขึ้นมาเล็กน้อยอย่างขัดเขินก่อนจะรีบเอ่ยออกมาอย่างกระดากนิด ๆ ว่า

    “ไม่ได้รักฉันค่ะแต่เป็นราชินีพิมพ์ดาราต่างหากล่ะ...”

    หากเขมกลับยิ้มชอบกลส่งคืนมาให้ และว่า

    “ก็คงจะเป็นยังงั้นล่ะนะ...”

    ชายหนุ่มมองไปยังผู้ที่รอท่าอยู่ไม่ห่างออกไปนักนั้นอีกครั้งพร้อมกับพูดกับเด็กสาวตรงหน้าว่า

    “แล้วเธอล่ะ?...”

    คิ้วโก่งพันกันยุ่งอย่างไม่เข้าใจในคำถามของคนตรงหน้าอีกคำรบหนึ่งแต่แล้วภาพที่มนต์กรดูดจิตวิญญาณของตนคืนมาจากร่างของราชินีพิมพ์ดาราก็ผุดขึ้นมาสร้างความสับสนระคนปั่นป่วนใจให้กับหล่อนทันที และตามมาด้วยภาพการกลับมาจากปราสาทแห่งเมืองแม่มดของมนต์กรพร้อมด้วยดวงจิตของหล่อนท่ามกลางสายตานับสิบที่รอคอยการมาของเขาอยู่อย่างมีความหวัง...

    “มนต์กรกลับมาแล้ว!!...” ธามร้องขึ้นอย่างดีใจ และตื่นเต้นเมื่อมองเห็นการมาของมนต์กรเป็นคนแรก

    ร่างสูงก้าวเข้าสู่วงล้อมของเหล่าพ่อมดแม่มดตรงไปยังร่างน้อยที่นอนสลบไสลในอ้อมแขนของพีรดาช้า ๆ มนต์กรชูดวงจิตในมือของตนให้พีรดาดูก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า

    “แล้วทำยังไงต่อไปล่ะ?...”

    “รีบนำมันกลับสู่ร่างของรอยดาวเร็วเข้า!!...”

    คิ้วเข้มได้รูปบนใบหน้าคมสันยกขึ้นสูงคล้ายจะถามว่า แล้วมันทำยังไงล่ะ...

    สีหน้าของพีรดาเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างกระดากก่อนจะกระแอมกระไอออกมา และว่า

    “เอ่อ... เธอเอามันออกมาได้ยังไงก็เอามันกลับเข้าไปแบบเดียวกันนั่นแหล่ะ...”

    คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างสูงแทบสำลักลมหายใจตัวเองขณะมองดูรอบกายอย่างกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ตอนเอามันออกมาก็พอทำเนาอยู่หรอกเพราะมีเพียงเขา และรอยดาวเท่านั้น แต่นี่... ชายหนุ่มคิดอย่างอึดอัดใจเป็นกำลัง

    “แย่แล้วค่ะแม่!!... ดูนั่นสิค่ะ!”

    เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของแพรวรุ้งเรียกให้ชาวมนตราทั้งหลายต่างหันไปมองตามปลายนิ้วเรียวงามของหล่อนซึ่งชี้ตรงไปยังตัวตึกสูงตระหง่านฟ้าแต่ละหลังในมหานครซึ่งบัดนี้เถาไม้เลื้อยอาถรรพณ์ที่มนต์กรเคยรับมือมาแล้วนั้นกำลังเลื้อยพันเกี่ยวกระหวัดไปทั่วทุกตัวตึกแล้วขณะนี้...!!!

    ครืนนน...!

    “ต้องรีบแล้วล่ะมนต์กร!!...” พีรดาหันมาเร่งอย่างร้อนรนกระวนกระวายใจ

    ชายหนุ่มตัดสินใจยกดวงจิตในมือขึ้นมาอมไว้แล้วทรุดนั่งลงข้างกายรอยดาวก่อนจะประทับริมฝีปากกระด้างของตนลงบนกลีบปากนุ่มของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา และดูดดื่มนิ่งนานจนลืมไปในทันใดว่าตนไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

    ร่างกายที่เคยเย็นชืดของรอยดาวค่อย ๆ อุ่นขึ้นมาทีละนิด ๆ ขณะที่ยังอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของ มนต์กรจนกระทั่งนิ้วทั้งห้าของเด็กสาวเริ่มขยับน้อย ๆ และแล้วเปลือกตาทั้งสองของหล่อนก็เปิดขึ้นมาในที่สุดพร้อม ๆ กับการหดหายไปทีละน้อย ๆ ของมิติซึ่งถูกเปิดนั้นก่อนที่มันจะกลับคืนมาสู่ปกติอีกครั้งพร้อมด้วยการกลับคืนมาของผู้คนที่หายไปคนแล้วคนเล่า...

    มนต์กรคว้าแผ่นจารึกทั้งแปดที่ทิ้งอยู่ข้างกายรอยดาวขึ้นมาดูก่อนจะตัดสินใจขว้างมันไปไกลจนกระทั่งหายลับเข้าไปในประตูมิติที่กำลังจะปิดอยู่แล้วนั้นอย่างแม่นยำท่ามกลางสายตาของชาวพ่อมดแม่มดทุกคนซึ่งต่างเห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้ของเขา...

    “ฉันจะไปล่ะนะ...”

    เสียงของเขมดังขึ้นขัดจังหวะทำให้ความคิดของรอยดาวต้องชะงักลงเพียงแค่นั้น...

    ชายหนุ่มก้าวขึ้นรถปรับอากาศที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐมพลางหันมาโบกไม้โบกมือลาเด็กสาว และชายหนุ่มอีกคนนั้นอย่างอาลัยนิด ๆ

    บรืนนน...

    รอยดาวมองตามรถคันดังกล่าวไปจนกระทั่งมันลับไปจากสายตาเลยทีเดียว

    มนต์กรจึงถามขึ้นมาว่า

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม?”

    “ค่ะ...” ตอบโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่ายในใจก็นึกถึงคนอื่น ๆ ขึ้นมาเงียบ ๆ

    หลังจากเหตุการณ์สะเทือนโลกวันนั้นผ่านมาเหล่าพ่อมด และแม่มดต่างก็ต้องทำงานอย่างหนักคือ... ต้องช่วยกันลบความทรงจำในวันนั้นออกจากสมองของเหล่ามนุษย์รวมทั้งสาริศ และนำพรด้วยเพราะไม่ต้องการให้ความลับเรื่องพ่อมดแม่มดแพร่งพรายออกไปนั่นเอง

    ส่วนปรัตถ์ และนิทราต่างก็กลับไปยังที่ ๆ พวกตนจากมา และใช้ชีวิตตามเดิมของแต่ละคนอย่างสงบสุข ถิรดานั้นกลายเป็นบุคคลซึ่งหายสาบสูญเพราะหลังจากที่พ่อแม่ของหล่อนกลับมาจากต่างประเทศแล้วไม่พบตัวคนเป็นลูกจึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่พบเบาะแสแต่อย่างใด เขมให้เหตุผลถึงการที่พวกตนไม่ควรแจ้งข่าวการตายของถิรดาให้พ่อ และแม่ของหล่อนทราบด้วยเหตุผลที่ว่า... การรู้ข่าวการตายอาจเลวร้ายเสียยิ่งกว่าข่าวการหายตัวไปก็เป็นได้และนั่นเองทำให้ทุกคนตัดสินใจไม่แจ้งข่าวร้ายนี้ให้กับพ่อแม่ของถิรดาทราบ...

    แพรวรุ้ง และธามต่างก็กลับไปทำงานของตนอีกครั้งหลังจากหลบมาผจญภัยอยู่นานส่วนลายสือก็ยังคงไม่ยอมละความพยายามในการที่จะพิชิตหัวใจของแพรวรุ้งอยู่นั่นเองแม้ทั้งธาม และแพรวรุ้งจะยังคงรักใคร่กันดีอยู่ก็ตาม แต่สิ่งที่ทุกคนต่างไม่รู้ และไม่อยากจะถามหานักก็คือ... การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของไอริณซึ่งจากศึกครั้งนั้นไม่มีใครได้พบเห็นหล่อนอีกเลย...

    “ทำไมรมย์ไม่ใช้ร่างของฉันในการฟื้นคืนชีพของราชินีพิมพ์ดาราล่ะคะ?... เพราะยังไงเสียฉันก็ยังอายุน้อยต้องอยู่ไปได้อีกนานแน่ ๆ “ จู่ ๆ รอยดาวก็ถามขึ้นในขณะที่ทั้งสองกำลังจะก้าวไปยังรถเก๋งของมนต์กรซึ่งจอดรอท่าอยู่ไม่ไกลออกไปนักนั้น

    ร่างสูงที่ก้าวไปพร้อม ๆ กับอีกฝ่ายหยุดฝีเท้าลงพลางแย้มยิ้มกับคำถามนั้นของอีกฝ่าย

    “หากใช้ร่างของเธอนานวันเข้าจิตวิญญาณเดิมซึ่งเป็นของราชินีพิมพ์ดาราก็จะถูกกลืนหายไปโดยจิตวิญญาณของร่างใหม่แล้วความทรงจำของราชินีพิมพ์ดาราที่มีต่อรมย์ก็จะหายไปด้วยดังนั้นเขาจึงใช้ร่างเดิมของราชินีพิมพ์ดาราแทนที่จะใช้ร่างของเธอยังไงล่ะ”

    “อ๋อ... ฉันก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันค่ะที่ว่า มีเด็กบางคนเกิดมาระลึกชาติได้เขาบอกว่านั่นเป็นเพราะจิตวิญญาณเดิมยังอยู่แต่เมื่อเติบโตขึ้นจิตวิญญาณเดิมนี้ก็จะหายไปเองซึ่งก็คือเขาจะลืมอดีตชาติของตนไปนั่นเอง”

    ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจที่อีกฝ่ายเข้าใจอะไรได้ง่าย และเสริมขึ้นอีกว่า

    “และแต่ละคนก็ใช้ระยะเวลาในการลืมเลือนอดีตชาติช้าเร็วต่างกันไปด้วย บางคนก็เร็วมากตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ก็ลืมแล้วซึ่งข้อนี้รู้สึกคนส่วนใหญ่จะเป็นกันน่ะนะ”

    มนต์กรหยุดพูด และก้าวไปเปิดประตูรถให้เด็กสาวก้าวขึ้นไปบนรถเก๋งสีบลอนด์ทองราคาแพงของเขาอย่างรู้หน้าที่

    “ทำไม... “ หยุดไปคล้ายอึดอัดใจ แต่ท้ายที่สุดก็เอ่ยออกมาว่า

    ”แม่ของคุณถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ?...”

    คำถามจากปากเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มชะงักมือค้างอยู่ประตูรถนั้นนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาไม่ตรงคำถามว่า

    “เธอ... โกรธฉันรึเปล่า?”

    “ฉันเคยบอกคุณแล้วไงคะว่าถ้าคุณไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนฉันก็จะไม่โกรธคุณ ส่วนที่ฉันถามเรื่องของแม่คุณก็เพราะอยากรู้เท่านั้นเอง” ตอบโดยไม่ยอมบอกออกไปว่าที่อยากรู้ก็เพราะต้องการที่จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของเขานั่นเอง

    มนต์กรถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาอีกว่า

    “แม่ฉันตายไปด้วยอุบัติเหตุลึกลับบางอย่างหลังจากที่รมย์เข้ามาในบริษัทได้ไม่นานนักจากนั้นเรื่องราวต่อไปก็เป็นอย่างที่เธอรู้นั่นแหล่ะ...”

    เอ่ยออกไปแล้วก็อดนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับคนเป็นแม่ขึ้นไม่ได้ กฤติยาตายไปแล้วโดยที่เขาเองก็ไม่รู้สาเหตุแน่ชัดของอุบัติที่ว่านั้นแต่ที่เขารู้ก็คือ... เขาคิดว่าจะไม่มีวันได้พบกับอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้วนั่นเอง และทั้ง ๆ ที่ร่างของแม่เขาก็ถูกเผาตามพิธีกรรมทางศาสนาเรียบร้อยแล้วแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะจิตวิญญาณของกฤติยากลับถูกรมย์นำมาใช้ในแผนการของเขาเสียนี่...

    “กลับเลยใช่ไหม?...”

    หันมาถามราวกับต้องการจะเปลี่ยนเรื่องคุยหลังจากที่เปิดประตู และก้าวขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว
    รอยดาวจึงเอ่ยไปอีกเรื่องว่า

    “หมู่นี้คุณดูยิ้มบ่อยจังไม่เห็นทำหน้าดุเหมือนเมื่อก่อน…”

    “พักนี้เธอก็ดูไม่เห็นจะกลัวฉันเหมือนตอนแรกเลยนี่นะ…”

    คำพูดของชายหนุ่มทำให้รอยดาวรีบหุบปากฉับลงทันทีก่อนจะเสมองออกไปนอกรถที่กำลังขับเคลื่อนออกไปนั้นอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้ว่าที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริงนั่นเอง...

    จากคุณ : ลิขิตมา - [ 15 ต.ค. 47 07:37:15 A:203.113.61.69 X:203.150.217.111 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป