CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    แด่คุณครู...ด้วยหัวใจ

    นสิทธิ์ รูดไทด์ พร้อมกับถอดสูทตัวนอกออก เหลือเพียงเชิ้ตขาวแขนยาว โยนส่ง ๆ เข้าไปในรถ ก่อนจะเดินเร็ว ๆ แทบจะเป็นวิ่งเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทัน

           “วู้ ๆ พี่สิทธิ์ อย่ารีบนักนะ แก่แล้ว เดี๋ยวหกล้ม สะดุดอีกเทอม”

       เสียงแซวดังมาจากสนามบาส...รุ่นน้อง...ไม่ใช่สินับตามศักดิ์ชั้นปี คงเป็นรุ่นหลานเขาแล้วกระมัง หากเป็นเวลาอื่น คงได้มีการไล่เตะ ด่าเรียงตัวกันบ้างแล้ว แต่ตอนนี้นสิทธิ์ทำได้แค่เพียงชี้หน้าไอ้ตัวแสบทั้งหลายจดบัญชีเอาไว้อย่างแค้น ๆ

       กว่าจะถึงห้องเรียนได้ ก็ถึงกับหอบ สงสัยคงจะแก่อย่างที่ไอ้พวกนั้นมันบอกจริง ๆ ...ก็เขาอยู่มากี่ปีแล้วล่ะ หก...ไม่สิ น่าจะเป็นเจ็ดมากกว่า...เพราะทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งรุ่นน้อง ต่างก็จบกันไปตั้งนานแล้ว คงเหลือแต่นสิทธิ์นี่แหละ ที่ยังเฝ้ามหาวิทยาลัยเป็นปูชนียบุคคลอยู่จนทุกวันนี้

             “หวุดหวิดเลยนะพี่   มาจากที่ทำงานเหรอ”

              “ฮื่อ...”  นสิทธิ์รับสั้น ๆ คนที่นี่ส่วนใหญ่รู้เพียงแค่เขาต้องทำงานควบคู่ไปด้วย จึงเป็นผลทำให้ไม่มีเวลาเรียน เหมือนคนทั่วไป เพราะนอกจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว นสิทธิ์ก็ไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับงานที่ทำ

             “รถติดล่ะสิ วันเปิดเรียนวันแรกก็งี้แหละ พี่สิทธิ์ รู้ยัง วิชานี้มีอาจารย์ใหม่มาสอน ได้ข่าวว่าเพิ่งจบ ออนเนอร์อเมริกามาหมาด ๆ”

            “เฮอะ...เด็กละอ่อนจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ สอนวิชาเอกเนี่ยะนะ ถามคำถามนอกตำรานิดหน่อย คงปากคอสั่น เปิดหนังสือดูหน้าไม่ถูก...อุ๊ย ๆ ขะ ขอ ดูก่อนนะค้า”         นสิทธิ์ทำท่าลนลาน บีบเสียงสั่น ๆ ไม่จริงจังนัก จงใจจะเรียกเสียงฮามากกว่า ยังไม่ทันขาดคำเสียงเล็ก ๆ ก็ดังแทรกขึ้น

            “ก็ลองถามสิคะ แล้วดูสิว่าเด็กละอ่อน จะตอบได้รึเปล่า”

         เสียงเรียบ ๆ  แต่ทำให้ถึงกับวงแตก ชายหนุ่มชะงัก มองสบตาวาว ๆ ของ”เด็ก” เพียงครู่เดียว ก่อนจะเดินเข้าห้อง ให้ผู้มาใหม่เดินตามหลังเป็นคนสุดท้าย

             “สวัสดีค่ะ ชั่วโมงแรกวันนี้ ครูอยากจะให้พวกคุณทุกคนทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับวิชานี้ก่อน หากใครมีข้อสงสัย ทุกคำถาม ครูยินดีตอบเสมอ”   ดวงตาคู่สวย มองกวาดไปทั่วห้อง ผ่านเขาไปเหมือนอากาศธาตุ ก่อนจะเริ่มบรรยายเนื้อหา

       นสิทธิ์หมุนปากกาในมือฟังเพลิน.... อาจารย์ใหม่ แต่สามารถอธิบายทฤษฎี ไม่สั้นหรือยาวเยิ่นเย้ยจนเกินไป แต่กระนั้นก็ดี จากชีวิตการทำงานที่ผ่านมา บอกได้ว่าตัวอย่างที่ยกมาประกอบอ้างอิง ส่วนใหญ่มาจากในตำรามากกว่าประสปการณ์ตรงด้วยตัวเอง  

       ชายหนุ่มอมยิ้มนิด ๆ เมื่อตำราเล่มโต ถูกเจ้าของนำมาวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ตรงหน้า ราวกับจงใจจะให้เขาทำหน้าที่เฝ้าไว้ยังไงยังงั้น

       ดังนั้นเมื่อหมดชั่วโมง และเจ้าของทำท่าจะมาหยิบคืน ชายหนุ่มจึงยกหนังสือ ขึ้นเหนือหัว ด้วยท่วงท่าล้อเลียนเหมือนจะ “ถวาย” ให้เสียมากกว่า

          “ขอขอบคุณท่านอาจารย์ ศิษย์ยืนยันว่า ไม่มีใครเปิดอ่านคัมภีร์ยุทธ์ เลยขอรับ”

       นสิทธิ์พยายามกลั้นหัวเราะ เพื่อทำเสียงจริงจัง จนหน้าขาว ๆ ของท่านอาจารย์ซับสีระเรื่อ ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะกระชากหนังสือกลับไป ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เมื่อร่างเล็ก ๆ เดินห่างไป จึงระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น

    ***********************************************************************************

           “ฝ่ายบุคคล ส่งผู้ช่วยการตลาดมาแล้วค่ะ” เสียงเลขารายงานเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง มือข้างหนึ่งที่ว่างจากเม้าท์ผายไปที่เก้าอี้ตรงหน้า

           “เชิญนั่ง แล้วรอผมสักครู่”  

       นสิทธิ์พูดโดยที่ยังไม่ละสายตาจากจอโน๊ตบุ๊คตรงหน้า ข้อมูลวิเคราะห์ทั้งหมด เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ เพราะสำหรับเขาแล้วอะไร ก็ไม่ยากเท่ากับภาษาต่างด้าวพวกนี้ นี่เอง ถึงเป็นปัญหาให้เขาต้องหาผู้ช่วยที่เก่งภาษาสักคน  ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เบือนหน้ามายังบุคคลที่รอ

           “คุณ...เอ๊ย...อาจารย์”    นสิทธิ์เบิกตากว้างอย่างตกใจ สีหน้าเหวอจัด คงทำให้ดวงหน้าอ่อนใส เปิดรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดเรียบ ๆ ด้วยน้ำเสียงปกติ

           “ที่นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย เวลานี้ไม่ใช่ชั่วโมงเรียน ดิฉันไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นลูกจ้างในบริษัทของคุณ”

           “หา...อะไรนะ คุณพูดใหม่ซิ ผมงงไปหมดแล้ว คุณมาที่นี่ได้ยังไง”      คนเป็นเจ้านายกระพริบตาปริบ ๆ ทำให้ลูกน้องจำเป็นต้องสวมบท “อาจารย์” บรรยายให้ฟังอีกครั้ง

           “งานที่มหาวิทยาลัยเป็นงานพาร์ตไทม์ค่ะ ดิฉันมีสอนเฉพาะช่วงเย็น แล้วก็วันเสาร์ ดังนั้นจึงต้องหางานประจำก็เท่านั้นเอง”

           “อาจารย์.... รู้มาก่อนรึเปล่า ว่าต้องมาเป็นผู้ช่วย...เอ๊ย...ร่วมงานกับผม”     ศิษย์โข่งยังกังขา...

       เมื่อหญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ ทำเอานสิทธิ์กุมขมับ...ให้ตาย...แล้วอย่างนี้จะนับญาติโก โหติกา กันยังไงล่ะเนี่ย...

           “คงเป็นความผิดผมใช่ไหม ที่ไม่ยอมสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ปล่อยให้ฝ่ายบุคคลจัดการ เลยเกิดจุดไต้ตำตอขึ้นมาอย่างนี้”

           “หากคุณไม่พอใจ...ดิฉันยินดียกเลิกสัญญาว่าจ้าง”

           “ไม่ใช่ ๆ ผมเพียงแต่ยังงง ๆ เท่านั้น”  เจ้านายโบกไม้โบกมือ รีบท้วง ก่อนจะย้อนถาม   “แล้วจะให้ผมเรียกอาจารย์ เหมือนในห้องเรียนรึเปล่าล่ะ”

           “ดิฉันชื่อรินลดาค่ะ ส่วนจะเรียกยังไงก็ได้แล้วแต่คุณ”

           “จริงหรือ”    นสิทธิ์หรี่ตา มองหน้าใส ๆ หากเย็นชาปานน้ำแข็ง จนเขานึกอยากรู้ว่า จะมีทางทำให้น้ำแข็งก้อนนี้ละลายได้ไหม

           “ดูแล้ว คุณน่าจะอายุน้อยกว่าผมหลายปี.... งั้นผมเรียกว่า หนูรินแล้วกัน”

       ตากลมโตวาววับ ขึ้นชั่วครู่ ริมฝีปากเม้มแน่น เพียงครู่เดียว ก็สงบดังเดิม อย่างคนที่รู้จักควบคุมอารมณ์ได้ดี ทำให้นสิทธิ์นึกขำอยู่ในใจ ....

           “คุณไม่พอใจรึ”

           “คำถามนี้ ไม่เกี่ยวกับงาน แล้วก็ไม่ใช่คำสั่ง ดิฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”       รินรลาสวนทันควัน ทำให้คนฟังเปิดยิ้มกว้าง   เลื่อนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้หญิงสาวมองเห็นถนัดขึ้น

           “ดี...ถ้างั้น เรามาเริ่มงานกันได้เลย เมื่อวานผมฟังคุณเลคเชอร์ วันนี้ถึงตาคุณมาฟังผมบ้างแล้วล่ะ”

    จากคุณ : wp- - [ 15 ต.ค. 47 15:10:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป