เช้าวันจันทร์ของผมก็เริ่มขึ้นเหมือนทุกๆวันที่ผมต้องรีบบึ่งเจ้ามอเตอร์ไซค์คู่ชีพคันเก่า ฝ่าการจราจรที่ติดขัดของถนนลาดพร้าวเพื่อไปให้ทันเข้างาน ในขณะที่ผมกำลังจะกลับรถใต้สะพานเพื่อจะเลี้ยวเข้าถนนเลียบทางด่วน อาจณรงค์-รามอินทรานั่นเอง
ผมก็มองเห็นเธอ..ภาพที่ผมเห็นในวันนั้นคงจะเป็นภาพที่ผมไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
หญิงสาวผมยาวร่างบอบบางในชุดกระโปรงยาวสีดำ อ้อมแขนหอบกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ กำลังรอที่จะข้ามถนน ผมชะลอรถและโบกมือให้เธอข้ามผ่านไป เราสบตากัน ตากลมโตของเธอมีแววเศร้าอยู่เจือจาง เธอก้มศรีษะให้ผมพร้อมกับรอยยิ้มขอบคุณ
ภาพของเธอยังคงติดตามผมมาจนถึงที่ทำงาน ผมแน่ใจว่าตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม ผมเคยเจอคนสวยมามากมาย เคยมีหญิงสาวหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิต...แต่ยังไม่มีใครที่สามารถทำให้ผมนึกถึงได้อย่างเธอ..ผู้ซึ่งผมได้สบตาเพียงแว่บเดียว
วันจันทร์ของผมผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกครั้งที่ว่างเว้นจากการทำงาน แววตาและรอยยิ้มของเธอจะเข้ามารบกวนจิตใจผมอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน ในความฝัน ผมก็ยังเห็นภาพเธอยืนถือกุหลาบสีขาวช่อโตพร้อมส่งยิ้มให้ด้วยดวงตาหม่นเศร้า นี่ผมคงกำลังจะตกหลุมรักเธอเข้าแล้วกระมัง
เช้าวันอังคารผมลืมตาตื่นขึ้นอย่างกระวนกระวาย วันนี้ผมอาจจะได้พบเธออีกครั้ง ความคิดนี้ทำให้ผมกระวีกระวาดอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
ไม่มีวี่แววของสาวน้อยนัยน์ตาเศร้าที่ผมเฝ้าฝันถึง ความผิดหวังอย่างรุนแรงวิ่งเข้ามากระแทกใจจนผม รู้สึกหมดเรี่ยวแรงจะเดินทางต่อไปจึงต้องชะลอรถจอดที่ใต้สะพานทางด่วน เหลือบดูนาฬิกาข้อมือแล้วความหวังก็วาบขึ้นมาในใจ บางทีผมอาจจะมาเช้าเกินไป ผมจึงตัดสินใจที่จะรอให้ถึงเวลาเดียวกับเมื่อวันวาน
ผมลงจากรถและกวาดตาไปรอบๆบริเวณอย่างมีความหวัง แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดอยู่ที่ตู้ชุมสายโทรศัพท์สีเขียวอมเทาขนาดสูงเท่าคนยืนซึ่งถูกล้อมรอบด้วยรั้วตาข่ายโปร่งแข็งแรง ณ ที่นั้น ผมเห็นช่อกุหลาบสีขาวช่อเดียวกับเมื่อวันวานถูกผูกติดอยู่กับรั้วตาข่าย ใจของผมกระตุกวาบ...ทำไมช่อกุหลาบขาวจึงมาอยู่ที่นี่
ผมยืนพิจารณากุหลาบสีขาวซึ่งเริ่มโรยอย่างใช้ความคิด สาวน้อยที่ผมพบเมื่อวาน...คงจะข้ามถนนเพื่อนำดอกไม้มาวางไว้ที่นี่นั่นเอง
สมองของผมทำงานอย่างว่องไวย้อนไปถึงคืนหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน...
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณสี่ทุ่ม ตลอดทั้งวันนั้นเกิดพายุฝนกระหน่ำทั่วกรุงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ผมจำได้ว่าผมออกจากที่ทำงานช้ากว่าปกติถึงสามชั่วโมง เพราะเจ้ามอเตอร์ไซค์คู่ชีพไม่สามารถที่จะนำผมกลับบ้านโดยไม่เปียกได้ เมื่อมาถึงถนนสายเลียบทางด่วน ผมต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดอย่างหนัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ใช้มอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะ ผมจึงลัดเลาะผ่านรถคันแล้วคันเล่าที่ติดยาวเป็นแพไปอย่างง่ายดาย
ถนนลื่นมากจริงๆและผมก็เกือบเสียหลักอยู่หลายครั้ง ในที่สุดผมก็มาถึงต้นเหตุของรถที่ติดยาวเกือบตลอดถนนทั้งสาย...อุบัติเหตุนั่นเอง...มีรถหลายคันชนกัน... ผมรีบจอดรถดูตามประสาไทยมุงมืออาชีพ
นั่นไง..สิงห์มอเตอร์ไซค์รายหนึ่งถูกนำออกมาจากใต้รถบรรทุกปูนซึ่งอัดก๊อปปี้อย่างแรงกับท้ายรถบรรทุกดิน น่าสงสารจริงๆ..ผมคิดในขณะที่มองเจ้าหน้าที่นำร่างของเขาไปที่รถพยาบาล เขาคงยังไม่ตายเพราะผมเห็นทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงอย่างแผ่วเบา
ในความมืดสลัวของยามค่ำคืนผมไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของชายผู้โชคร้ายได้ชัดเจน แต่น่าประหลาดที่รู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างยิ่ง เขาคงจะเป็นผู้ร่วมใช้ถนนเส้นนี้เป็นประจำเช่นเดียวกับผม ขอให้เขารอดตายด้วยเถอะ..ผมได้แต่ส่งความปรารถนาดีไปตามไฟท้ายของรถพยาบาลที่ขับออกไปจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ใจของผมสลดหดหู่จนหมดความอยากรู้อยากเห็น ผมจึงตัดสินใจที่จะเดินทางต่อไป ในขณะที่ออกรถนั้นสายตาเจ้ากรรมก็ยังไม่วายเหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิตอีกสามรายขึ้นรถ หูของผมแว่วเสียงไทยมุงคนหนึ่งกำลังเล่าเรื่องราวอย่างออกรสว่า นั่นคือกลุ่มพนักงานห้างซึ่งเพิ่งเลิกงานและกำลังยืนหลบฝนอยู่ที่ใต้สะพานซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่ผมยืนอยู่ขณะนี้ ทั้งสามคนเสียชีวิตทันที..
ผมขนลุกเกรียวเมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังยืนอยู่ในที่เกิดเหตุคืนนั้น สายลมยามเช้าของต้นฤดูหนาวช่างเยือกเย็นจับใจ ...ผมต้องรีบไปทำงานแล้ว..อดนึกเสียดายไม่ได้ที่วันนี้ไม่ได้พบเธออีก เธอคงเป็นญาติ หรือเพื่อน หรือคนรักของคนที่เสียชีวิตในวันนั้นแน่ๆ มิน่าเล่านัยน์ตาจึงเศร้านัก..การพลัดพรากจาสิ่งที่รักมักจะทำให้คนเราเศร้าเสมอ..ในแว่บหนึ่งของความคิด..ผมอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้...ผมจะปกป้องเธอเอง...พรุ่งนี้ผมจะมาที่นี่อีก..
จากคุณ :
พริมา
- [
16 ต.ค. 47 11:37:55
A:203.118.123.123 X:
]