ใช่ฉันมันโง่จริงๆ
ที่ไม่รีบขอพรวิเศษณ์
จากตะเกียงแก้วใบนั้น...
ฉันร้องไห้เพราะขอพรจากฟ้าแล้วไม่ได้ดั่งใจ
ฉันโกรธนางฟ้าที่ไม่เชื่อว่าฉันเป็นคนฉลาด
ฉลาดที่จะสามารถใช้พรของท่านให้เป็นประโยชน์ได้
ฉันพร่ำขอพรร่ำไปจนวันหนึ่งนางฟ้าองค์หนึ่ง
ติดปีกสีฟ้าใส เปร่งประกายความดี
และเพียบพร้อมด้วยจริยวัตร
เข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน
ขณะที่ฉันกำลังคุกเข่าอ้อนวอนต่อเบื้องบน
ว่าช่วยให้พรข้าสักที และแล้วเสียงอันไพเราะจับใจ
ได้กล่าวคำที่ทำให้ฉันต้องผละจากภารกิจอันสำคัญ
ของทุกค่ำคืน
แน่ใจแล้วหรือว่าเจ้าเป็นคนฉลาด
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป
ได้เพียงแต่พยักหน้าและอ้าปากค้าง
นางฟ้าใช้ไม้คทาช้อนคางฉันขึ้น
และหัวเราะด้วยความเวทนา
ฮึ ฮึ แล้วเราก็จะเห็น
ว่าเจ้าไม่ฉลาดหรอก
สำเร็จแล้วคำอ้อนวอนที่เป็นจริง
นางฟ้าได้มอบตะเกียงแก้วไว้ให้ฉัน
และบอกว่าให้ใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างฉลาด
เหมือนกับที่ฉันได้เคยพร่ำขอพร
นับวันเป็นเดือนเปลี่ยนมาเป็นปี
ฉันตกปากรับคำอย่างดี
ว่าไม่ต้องกลัวฉันเป็นคนฉลาดแน่นอน
และแล้วก็มาถึงวันสำคัญแห่งชีวิต
กับพรในตะเกียงแก้ว
และด้วยเห็นว่ายังงั้ยยังไงฉันก็เป็นคนฉลาด
ก็แบ่งๆพรวิเศษณ์กันให้ทั่วหน้าแล้วกัน
แสดงเป็นคนมีน้ำใจแบบผู้ที่ยิ่งใหญ่กับเขาดูบ้าง
ภายในสิบวันฉันต้องขอพรให้หมดจากตะเกียงแก้ว
ซึ่งจากคนฉลาดอย่างฉันก็คำนวณแล้วว่า
ก่อนเที่ยงคืนของวันที่สิบพรข้อสุดท้ายจะเป็นของฉัน
วันที่หนึ่ง ฉันหยิบตะเกียงแก้วขึ้นมา
แล้วยกขึ้นทูนหัวแล้วกล่าวคำว่า
เอบราบรีโยแล้วอธิษฐานว่า
ไม่ว่าวันไหนก็ขอให้ฉันเป็นคนดีและฉลาด
นับจากนั้นฉันได้เป็นคนดีและคนฉลาด
คอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ
วันที่สอง ฉันได้ขอพรให้คนสามคน
คนแรก ฉันไม่มีขา
ขอความกรุณาขอพรให้ฉันมีขา
สามารถเดินและวิ่งอย่างคล่องแคล่ว
ได้โปรดเถิด
เอบราบรีโย
ข้าขอขาทั้งสองให้กับสาวผู้นี้ด้วยเถิด
ฉันมีความสุขที่เห็นเขาเดินและวิ่งได้
คนที่สอง ตาฉันบอด ช่วยหน่อยเถิด
เอบราบรีโย ขอดวงตาสุขสว่าง
กับหญิงสาวนี้ด้วยเถิด
ฉันมีความสุขที่ได้สบตาแห่งความสุขคู่นั้น
คนที่สาม ขอมันสมองให้กับข้าเถิด
ข้าอยากที่จะฉลาดอย่างเจ้า
เอบราบรีโย โปรดประทานสมอง
อันเปรื่องปราชญ์ให้กับคนผู้นี้เถิด
ฉันมีความสุขที่เห็นทั้งสามคนสมหวัง
และร่าเริงกับวันที่สดใสแห่งชีวิต
จากคุณ :
เจ้าน้อย
- [
21 ต.ค. 47 04:19:26
A:203.107.159.37 X:
]