CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    แด่คุณครู...ด้วยหัวใจ ตอนที่ 2

    หลังเวลาเลิกงาน ผู้คนรอบกายต่างแยกย้ายกลับไปหมด รินรดาชะลอมือ ที่เก็บข้าวของให้เคลื่อนไหวช้าลง อดไม่ได้ที่จะเหลือบประตูห้องที่ยังปิดสนิท หญิงสาวกัดริมฝีปากเบา ๆ อย่างลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเปิดเข้าไป

         ร่างสูงยังคงนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้เธอไม่กล้ารบกวน ยามทำงานคนตรงหน้า ดูเอาจริงเอาจังเป็นยิ่งนัก มีการวางแผนรัดกุม และการตัดสินใจที่เฉียบขาด หลักแหลมอย่างผู้บริหารที่ดี ซึ่งแม้แต่เธอยังยอมรับอยู่ในใจว่า แท้จริงแล้วเป็นตัวเองต่างหาก ที่ต้องเป็นฝ่ายศึกษา เรียนรู้เพิ่มเติมจากเขา

            “คุณมีอะไรรึเปล่า หนูริน”  เขาถามเบา ๆ แต่รินรดาถึงกับสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ความคิด ก่อนจะรวบรวมสติให้กลับเป็นตัวเองอีกครั้ง

            “ดิฉันเพียงแต่จะถามว่า เย็นนี้คุณมีธุระอะไรรึเปล่า”

    คำถามนั้นทำให้ดวงหน้าคมสัน ระบายรอยยิ้มกว้าง ตาคมพราวระยับ จนคนรับหน้าแดง รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะไปนิดหนึ่ง  หญิงสาวขึงตา รีบชี้แจงต่อทันที

            “ในฐานะครู ดิฉันมาตามลูกศิษย์ค่ะ คุณขาดเรียนหลายครั้ง แล้วชั่วโมงหน้าก็จะสอบกลางภาคแล้ว”

            “โธ่...อาจารย์คร้าบ...”  ลูกศิษย์ทำหน้าม่อย... โอดครวญ    “คุณก็เห็นนี่ งานบนโต๊ะเนี่ยะ กองจะท่วมหัวผมอยู่แล้ว”

            “ค่ะ...เป็นอันว่า วันนี้คุณไม่ไป เท่านี้แหละค่ะ”   พูดจบก็หันหลังกลับ แต่เสียงออด ๆ ยังดังจากข้างหลัง

            “คุณจะไม่เห็นใจเด็กตาดำ ๆ เหรอครับ คุณครูหนูริน”

        รินรดาหันกลับไปมอง เด็กตาดำ ๆ ตัวโตที่กำลังทำหน้าประจบ ราวกับจะลดอายุไปซักสิบปี  แล้วรอยยิ้มก็แตะแต้มที่ดวงตา และริมฝีปากโดยที่เธอไม่รู้ตัว  แต่ทำให้คนเห็นลุกขึ้นจากเก้าอี้ มายืนพิงขอบโต๊ะอยู่ใกล้ ๆ

            “น่า...นะ ช่วยหน่อยสิ”

           “ช่วยอะไรล่ะคะ”   น้ำเสียงอ้อน ๆ นั้นทำให้เธอลืมตัว ค้อนขวับอย่างหมั่นไส้ รินรดาชี้ไปที่โต๊ะ

            “งานบนโต๊ะนั่น หรือไงคะ”

            “ไม่ต้องหรอกครับ แค่มาช่วยติว ก่อนสอบอย่าให้ผมตกเป็นพอ”

        ศิษย์โข่งยิ้มแป้นแร้น ทำให้รินรดานึกขวาง ปนขันอยู่ในใจ...ดูเอาเถอะ โชคชะตาช่างเล่นตลก ให้เธอและเขาต้องสลับหน้าที่กันอยู่อย่างนี้แทบทุกวัน

            “ไม่ได้ค่ะ” แม่พิมพ์ของชาติตอบเสียงแข็ง ด้วยจรรยาบรรณที่ยึดมั่น ใบหน้าเล็ก ๆ เชิดตรง
            “หมดธุระแล้ว ดิฉันขอตัว”  

        โดยไม่รอคำตอบ หญิงสาวหมุนตัวเดินออกมาทันที แต่เมื่อพ้นจากห้อง เจ้าตัวกลับผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง ยืนมองตัวเลขลิฟท์ที่วิ่งผ่านไปช้า ๆ

        หญิงสาวถอนหายใจอย่างสับสน ไม่เข้าใจ ในการกระทำของตัวเองนัก ว่าทำไมวันนี้เธอจึงต้องเดินเข้าไปพบเขา และเหตุใดในตอนนี้จึงเกิดความเหงา ว้าเหว่ ขึ้นจับหัวใจ ได้มากมายขนาดนี้  

         แต่แล้วใครคนหนึ่งกลับก้าวตามมาขณะที่ประตูกำลังจะปิด ด้วยความตกใจ ทำให้หญิงสาวรีบดึงร่างนั้นเข้ามา รูปร่างที่สูงใหญ่กว่าทำให้เกิดแรงปะทะจนเธอถึงกับเซ ลำแขนแกร่งจึงรั้งรอบเอวเอาไว้ก่อนที่จะล้มลงไป

            “เกือบไปแล้วสิ...” เขาพึมพำ ก้มลงมองคนตัวเล็ก เอ่ยถามอย่างห่วงใย “หนูริน เป็นอะไรรึเปล่า”

            “ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ”

        รินรดาตอบเสียงสั่น ไออุ่นจากอ้อมอกกว้าง และแววตาของคนตรงหน้า ให้ความรู้สึกประหลาด จนเธอเองไม่กล้าค้นหา หญิงสาวขยับตัวเบา ๆ นสิทธิ์จึงคลายวงแขน แต่ยังรั้งเอาไว้

            “แน่ใจนะ”    เขาถามย้ำ จนเธอพยักหน้านั่นแหละ จึงปล่อยให้เป็นอิสระ น่าแปลก...ความเหงาเมื่อครู่มลายหายไปแทบจะในทันที

            “คุณจะไปไหนคะ ดูรีบร้อนจัง”

            “ไปโรงเรียนครับ...” เขาตอบเสียงใส ทำให้คนถามเงยหน้าขึ้นทันควัน ชายหนุ่มยิ้มพรายใส่ตา

            “วันนี้คุณครูของผมใจดีอุตส่าห์มาตามไปเรียน แถมยังเอาข้อสอบมาขู่อีก ขืนไม่ไป ผมกลัวคุณครูโกรธ แกล้งให้สอบตก ผมก็แย่สิ...จริงมั๊ยครับ หนูริน”

        ไม่มีคำตอบ นอกจากดวงตากลมโต วาววับ ริมฝีปากเม้มแน่น หลังไหล่บอบบางเชิดตรง อันเป็นกิริยาคุ้นตายิ่งนัก เพียงแต่ครั้งนี้ นสิทธิ์ยังเห็นรอยระเรื่อของเลือดฝาด บนแก้มใส ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้หัวใจเขาสัมผัสถึงความเบาบาง ปลอดโปร่ง หากแฝงไว้ด้วยความเอื้อเอ็นดู อยู่ในขณะนี้ก็ได้
    **************************************************************************

          รินรดาหลับตา คลึงขมับเบา ๆ เมื่อนักศึกษาคนสุดท้ายเดินลุกออกไปจากโต๊ะ หลังจากตอบชี้แจงคำถาม และรับฟังข้อรำพึงรำพัน ถึงสารพัดปัญหาทั้งปัญหาครอบครัว หรือสุขภาพส่วนตัว ที่เกิดขึ้นในช่วงสอบพอดิบพอดี  แต่วันสอบ หรือหลังจากนั้น ไม่มีสักคนมาบอกให้เธอฟัง จนกระทั่งผลสอบออกมาแล้วนั่นแหละ ผลกระทบปัญหาทั้งหลายจึงเกิดขึ้น

        ใครบางคนมาหยุดอยู่ตรงหน้า หญิงสาวลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างเหนื่อยล้า พบใบหน้าเคยคุ้น ทำให้เผลอตัวยิ้มออกไป แต่แล้วอีกฝ่ายกลับยื่นข้อสอบมาตรงหน้า โวยวายลั่น

            “คุณนะคุณ...คนกันเองแท้ ๆ ทำไมทำงี้ล่ะ”

        รอยยิ้มเมื่อครู่เลือนหาย เมื่อศิษย์โข่งทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม ทำหน้าหงิก ไม่ต่างอะไรกับคนก่อน ๆ ที่เพิ่งเดินออกไป แต่พอหญิงสาวมองตาเขียว เสียงโวยวาย เลยเหลือแค่บ่น

            “คุณครูใจร้าย คนสวยใจดำ”

            “นี่...คุณนสิทธิ์”   ครูใจร้ายเริ่มเหลืออด แหวเอาบ้าง    
            “จะมาโทษกันได้ยังไง เวลาเรียนคุณก็เข้ามั่ง ไม่เข้ามั่ง ข้อสอบดิฉันก็เอามาจากบทเรียนทั้งนั้น ถึงเวลาสอบคุณตอบคนละเรื่องกับคำถามแล้วจะให้คะแนนได้ยังไง”

            “ก็ผมทำงานไม่มีเวลานี่นา คุณก็เห็น”  นสิทธิ์เริ่มเสียงอ่อย อาจารย์เลยค้อนขวับอย่างหมั่นไส้เหลือทน

            “แล้วไงคะ จะให้ดิฉันเพิ่มคะแนนสงสารให้คุณรึไง”

            “เปล่าซะหน่อย... ผมแค่มาคุยด้วยเฉย ๆ แค่นั้นแหละ...หนูริน อย่าดุนักสิครับ ผมกลัวจะแย่แล้ว”

         คนพูดทำตัวหงอ ๆ ประกอบ รินรดากัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้ม สีหน้าจึงออกมากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มกว้าง สะกิดเบา ๆ

            “อยากยิ้มก็ยิ้มเถอะ ข้อสอบโหดออกยังงี้ เก็บซ่อนเขี้ยวคุณไว้ไม่มิดหรอก”

        รินรดาแทบจะร้องกรี๊ด...แต่ติดที่ว่าตอนนี้เธอเป็นอาจารย์ อีกทั้งคนที่ยั่วโมโหเธอแม้ตอนนี้จะเป็นลูกศิษย์ แต่ตามบรรดาศักดิ์ก็เป็นเจ้านาย ดังนั้นสิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ระงับโทสะ หยิบกระเป๋า และตำราเรียน เพื่อลุกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด

            “จะไปไหน...หนูริน”

            “เกี่ยวอะไรกับคุณ หมดเวลาสอนแล้ว” เธอตอบเสียงห้วน โดยไม่มองหน้าคนถาม

            “ผมไปด้วยคนสิ”

            “ไม่ได้... ”  หญิงสาวเผลอตัวตวาด แต่อีกฝ่ายหากลัวไม่ เพราะยังคงเซ้าซี้ต่อ

            “น่า...หนูรินคนดี...วันนี้ผมไม่ได้เอารถมา ติดอาศัยไปด้วยไม่ได้รึไง”

            “ต่างคนต่างมาทุกที ก็หาทางกลับเองสิ แท๊กซี่ออกเต็มถนน...ไม่งั้นก็โทรเรียกคนขับรถ”

            “โธ่...” นสิทธิ์ทำเสียงจิ๊กจั๊ก บ่นกระปอดกระแปด “น้ำมันแพง ไม่ช่วยชาติประหยัดพลังงานเล้ย”

         หญิงสาวปรายตามองท่าทางงอน ๆ อย่างนึกขัน...ก่อนจะยอมแพ้ ไม่ใช่ลูกตื้อ แต่เป็นใจตัวเองมากกว่า  ยินยอมพยักหน้าเบา ๆ เหมือนเสียไม่ได้...คนขอเลยยิ้มหน้าบาน

            “น่าน...ผมนึกอยู่แล้ว ว่าคนสวย น้ำใจงามอย่างนี้ทุกคนแหละ”

         รินรดาทำหน้าเฉย ออกเดินนำหน้า...แม้จะทำเหมือนเบื่อหน่าย รำคาญคนข้าง ๆ ที่คอยเย้าแหย่อยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็ตั้งใจฟังทุกคำพูดของเขาอย่างไม่ตกหล่น...

        ...เฮ้อ...หวังว่าเขาคงไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอยินดี และเต็มใจตั้งแต่คำแรกที่เขาเอ่ยปากแล้ว... อีกทั้งเป็นครั้งแรก ที่ไม่นึกรำคาญการจราจรที่เชื่องช้าในกรุงเทพฯ เลยแม้แต่น้อย

    จากคุณ : wp- - [ 21 ต.ค. 47 10:46:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป