แสงแดดอ่อนยามเช้า ทอดผ่านกิ่งก้านของแมกไม้
ริ้วลายของงานศิลป์แห่งธรรมชาติทอดร่างลงกับผืนดิน
หยาดน้ำค้างเกาะพราวอยู่บนยอดหญ้าเขียวขจี
ประกายสีสุกใสหยอกล้อกับแสงของวันใหม่
ดุจอัญมณีเม็ดงามประดับอยู่ ณ ปลายสุดของใบหญ้า
กลิ่นอายของความเปียกชื้นจากผิวดินแทรกตัวขึ้นมาระหว่างกลิ่นหอมของดอกไม้
เปลี่ยนความรู้สึกให้เริงร่าอีกครั้ง
บทเริ่มต้นของธรรมชาติมักงดงามเสมอ...
ฉันอยู่กับความเงียบท่ามกลางเสียงอึกทึกของสังคมเมือง
งานเลี้ยงสังสรรค์ การพบปะพูดคุย
ทุกครั้งที่มองเห็นรอยยิ้มหวานบนหน้า
ฉันกลับมองเห็นคมมีดซุกซ่อนอยู่...
วันแล้ววันเล่าผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ดูเหมือนครึ่งหนึ่งของฉันจะหยุดรับรู้กับสิ่งรอบข้าง
คล้ายคนที่กำลังค่อย ๆ ตายลงอย่างช้า ๆ ...
นานมาแล้ว ที่ลมหายใจของฉันเหมือนมีไว้เพื่อใครคนหนึ่ง
ใครคนนั้นที่ฉันเคยฝากความหวังทั้งชีวิตของตัวเองเอาไว้...
ทุกลมหายใจเข้า-ออกของฉัน ไม่เคยที่จะไม่มีชื่อของเขาคนนั้น...
ดอกไม้ เสียงเพลง ของขวัญ และคำหวาน..
ทุกสิ่งเริ่มต้นอย่างงดงาม ตราตรึงจนฉันหลงเคลิ้มไปกับภาพลวงตา
กว่าจะรู้สึกตัว ภาพสวยงามในฝันก็เหลือแค่เพียงความว่างเปล่าไปเสียแล้ว
ความเหน็บหนาว ทำให้สองมือของฉันโอบคลุมรอบตัวแน่นขึ้น
กำแพงไร้รูปร่างที่ฉันก่อขึ้น
ค่อย ๆ กันให้ฉันห่างจากโลกภายนอกทีละน้อย
โดยที่ฉันเองก็เต็มใจให้เป็นเช่นนั้น
แต่แล้ววันหนึ่ง เขาคนนั้นก็ก้าวเข้ามาในคืนวันอันเปล่าว่างของฉัน
เจ้าของรอยยิ้มอบอุ่น ใบหน้าคมสันกับดวงตาซุกซน
ทำให้ฉันลืมโลกอันเงียบเหงาของตัวเอง...
ฉันจัดตัวเองว่าเป็นคนที่นิยมการดื่มชามากคนหนึ่ง
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะร้านชาเจ้าประจำของตัวเอง
เอาไว้แวะเวียนไปนั่งพักผ่อน
ในวันที่ต้องการออกไปสัมผัสความวุ่นวายของโลกภายนอกเพียงลำพัง
กลิ่นหอมกรุ่นกับความร้อนของน้ำชา
ทำให้ฉันยังรู้สึกถึงความมีตัวเอง
แต่นั่นคงไม่เท่ากับความรู้สึกที่บอกว่า หัวใจ ของฉันยังคงเต้นอยู่...
ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
อาจเป็นตอนที่ฉันเห็นคนร่างสูงกำลังเอื้อมมือผลักประตูเข้ามาในร้าน
หรืออาจเป็นใบหน้าด้านข้างกับนัยน์ตาคมคู่นั้น
ขณะกำลังมองออกไปนอกร้าน
หรืออาจเป็นมาดสุขุมดูนิ่ง ๆ ของเขาที่เร้าความสนใจของฉัน
หรืออาจเป็น...
อาจเป็นทุกสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นเขาคนนั้น...
เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ อีกสิบนาทีจะบ่ายสองโมง
แต่เงาร่างของเขาคนนั้นก็ยังไม่ปรากฏ
...ทำไมวันนี้ผิดเวลา...
ฉันคิดกระวนกระวายคนเดียวในใจ
ชาร้อนของฉันพร่องไปกว่าครึ่ง เริ่มร้อนใจอย่างไร้สาเหตุ
...เขาอาจมีธุระก็ได้...
แล้วฉันก็หาข้ออ้างให้เขาคนนั้นเสร็จสรรพ
ประหลาดดีแท้เจ้าความรู้สึกของฉัน
แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเขา ฉันก็ยังไม่รู้จักสักนิด?
แล้วนี่ฉันจะมั่ววุ่นวายคิดถึงเรื่องของเขาไปทำไมกัน?
แล้วกระบวนการ ปิดตัวเอง ของฉันก็ทำงานอีกครั้ง
ฉันเลิกตั้งตารอคอยการมาของเขาคนนั้น
แล้วหยิบงานของตัวเองขึ้นมาทำอย่างที่เคยเป็นมา
จรดปลายปากกาลงบนกระดาษ
ตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าจนลืมสังเกตการมาหรือไปของใคร...
บางครั้ง การเลือกปิดตัวเอง
ก็เป็นรูปแบบการป้องกันตัวจากความทุกข์ที่อาจเกิดจากรัก
ปกป้องความรู้สึกของคนที่กลัวความรักเอาไว้ภายในเกราะที่ดูภายนอกราวกับแข็งแกร่ง
แต่เกราะนี้คงทำได้ดีแค่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
เพราะเพียงไม่นาน เมื่อหัวใจที่เดียวดายทนต่อความเหงาไม่ไหว
ก็จะเริ่มร่ำร้องหาความเจ็บช้ำครั้งใหม่อย่างไม่รู้ตัว
เมื่อทะเลทรายที่แห้งแล้งได้รับความชุ่มฉ่ำอีกครั้ง
หัวใจ...ก็จะคอยพร่ำบอกกับตัวเองว่า
นี่จะเป็นความรักครั้งสุดท้าย...
เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ฉันยังคงตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า
มือหนึ่งขีดเขียนข้อความ สมองเรียบเรียงเรื่องราวที่ตัวเองกำลังเขียน
ความปวดเมื่อยทำให้ฉันต้องเปลี่ยนอริยาบถด้วยการหันไปมองรอบ ๆ ตัว
เขาอยู่ที่นี่แล้ว...
ชายร่างสูงในชุดดำกำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ตรงมุมประจำเยื้อง ๆ กับฉัน
หัวใจที่สงบนิ่งของฉันเต้นถี่ระรัว
เขานั่งโต๊ะตัวเดิม...
มือหนึ่งกำลังยกถ้วยเซรามิคสีขาวขึ้นจรดริมฝีปาก
นัยน์ตาคมกริบภายใต้แผงขนตาดกดำกำลังมองด้านนอก...
และถ้าหากฉันไม่ได้ตาฝาดไป...
ฉันว่า เมื่อครู่นี้เขากำลังมองมาที่ฉันนะ
จากคุณ :
อัญชา
- [
21 ต.ค. 47 12:52:48
]