CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เรื่องเล่า...ปลายสตั๊ด ตอนที่2

    เรื่องเล่า…ปลายสตั๊ด
    โดยมนุษย์หิน

    ตอนที่ 2

    หลังจากที่พวกเรามากันพร้อมเพรียงในสนามแล้ว วันนี้สมาชิกของเราเรียกได้ว่าไม่น้อยเท่าไหร่ เพราะว่าแบ่งกันได้ 3 ทีม ซึ่งสำหรับผมแล้วถือว่ากำลังดีเลยทีเดียวครับเพราะว่ามีทีมต่อ เคยเหมือนกันครับบางวันมากันแค่ 6 คน เล่นกันลากยาวจาก 6 โมงเย็นไปถึงเกือบจะ 2 ทุ่มนู่น สำหรับผมเล่นเอาแย่เลยครับเพราะต้องวิ่งตลอด ยอมรับครับว่าเหนื่อยมากๆ ไอ้ครั้นจะเลิกก็เลิกไม่ได้เพราะคนมันขาด แถมคนอื่นๆ ดูท่าทางมันไม่ยอมเลิกกันง่ายๆ ซะด้วย ผมจึงต้องทู่ซี้เล่นมันไปยังงั้นแหละครับ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าสนุกดี(หลังจากนั่งพักหายเหนื่อยแล้ว)แต่ก็อย่าบ่อยแล้วกันครับ และเวลาเล่นของเราโดยประมาณก็จะอยู่ในราวๆ 2 ชั่วโมงถือเป็นเรื่องปรกติครับ
    ผมยังจำวันแรกที่เราเริ่มมาเล่นบอลกันในอู่ได้ มันเริ่มมาจาก กบ พนักงานแผนกคอมพิวเตอร์ มันไปหาบอลที่ไหนไม่รู้มาเดาะเล่นตอนเลิกงาน ก็อย่างว่าแหละครับตอนนั้นผมก็เหมือนกับคนอื่นๆ คืออ๊อดดังปุ๊ปต้องรีบกลับบ้านปั๊ป และพอผมลงมาข้างล่างเห็นไอ้เจ้ากบมันเดาะบอลได้มั่งไม่ได้มั่ง แล้วปากก็เชิญชวนคนนี้ให้เล่นบอลกับมัน ทีแรกใครๆ ก็ว่าไอ้นี่มันคงบ้าน่ะครับ ชวนเล่นบอลกันได้ในอู่รถก็เยอะ แถมที่ยังไม่กว้างเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นรถลูกค้าจอดเต็มลานไปหมด มันชวนใครก็ไม่มีใครเล่น เขียนมาถึงตรงนี้แล้วผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น นึกๆ ดูก็น่าสงสารกบมันเหมือนกันนะครับ คิดดูสิครับยืนเดาะบอลกระหย่องกระแหย่งปากก็พูดไป “เล่นบอลมั๊ยพี่ เล่นบอลปล่าว เฮ้ย…ย อยู่เตะบอลก่อนเด่ะ” อะไรประมาณนี้แหละครับแต่ไม่มีใครสนใจมันเลยในวันแรก พอวันต่อมาไอ้กบเอาใหม่มันทำเหมือนเดิมเลยครับเท้าเดาะบอลไปปากก็ชวนคนไปเรื่อย แต่คราวนี้เริ่มมีคนสนใจแล้วล่ะครับ เริ่มเอาบอลมันมาเตะกับมันบ้างทำเป็นวงตระกร้ออะไรกันไป(ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีผมด้วย) แล้วไม่นานครับสนามบอลในอู่ก็อุบัติขึ้น พวกเราเริ่มที่ตั้งตัวกันได้ รถลูกค้าที่เห็นว่าจอดเต็มลานพวกเราก็ช่วยกันเลื่อนถอยแอบๆ ให้พ้นรัศมี หลังจากที่เคลียรถออกเรียบร้อยแล้วเราเห็นแล้วว่าลานตรงนี้มีพื้นที่ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก ถ้าหากว่าจะเล่นบอลกันจริงๆ ก็พอได้ครับเอาสนุกๆ กันได้อยู่
    และตั้งแต่นั้นมาเวมบลีย์น้อยของเราก็เกิดขึ้นเรื่อยมาจนถึงวันนี้ อันนี้ผมต้องนึกขอบใจไอ้กบมันมากๆ ที่มันจุดประกายพวกเราได้ และหมายถึงสมาฃิกทุกๆ คนด้วยที่ไม่เลิกราและก็สนับสนุนกิจกรรมนี้กันเต็มที่ รวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่และผู้บริหารในบริษัทเราด้วยครับ ที่ผมต้องขอขอบคุณมากๆ ครับที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำอะไรเช่นนี้ ซึ่งในข้อนี้พวกเราทุกคนก็ตระหนักดี เราจีงได้ทำมาตรการต่างๆ ในการเล่นของเราเพื่อที่จะให้การเล่นฟุตบอลของเราไม่ถูก”ยุบ”หรือ”แบน”ก่อนเวลาอันควร
    และวันนี้หลังจากที่พวกเราเลิกเล่นบอลกันตามปรกติแล้ว สมาชิกของเราสามคนอันได้แก่ พี่ริส ต้อม และบอย สามคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของทีมจากศูนย์วิภาวดีฯ ซึ่งกำลังทำการแข่งขันในรายการยนตรกิจคัพซึ่งเป็นการแข่งกีฬาฟุตบอลภายในบริษัท โดยการจับแต่ละสาขามาแข่งขันฟุตบอลกันซึ่งถือเป็นกีฬาประเพณีของทางบริษัทครับ แต่ทางศูนย์ของผมไม่ได้ลงแข่งเพราะเนื่องจากศูนย์ของเราไม่ได้รวมตัวเล่นกีฬากันเหมือนกับศูนย์อื่นๆ ประกอบกับขาดผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการด้วยรวมถึงจำนวนพนักงานที่จะเล่นกีฬากันเป็นเรื่องเป็นราวถือว่าน้อยมากถ้าหากเทียบกับศูนย์อื่นๆ ทั้งสามคนจึงมักจะมีเรื่องพูดคุยถึงการแข่งขันฟุตบอลในรายการนี้กันอยู่เรื่อยๆ เพราะเป็นการจัดแข่งขันเฉพาะวันอาทิตย์ เนื่องจากเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการทำงาน โดยเฉพาะต้อมกับบอยนั้นยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมในตำแหน่งกองกลางด้วยกันทั้งคู่ และจากการที่ทั้งสามคนเล่าถึงการแข่งขันแต่ละอาทิตย์ผ่านไป โดยที่ทีมวิภาวดีฯ เข้าถึงรอบลึกขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมมีความคิดลึกๆ ข้างในว่า แล้วทำไมศูนย์เราจะรวมตัวส่งบอลเข้าแข่งบ้างไม่ได้วะ ผมมองๆ ดูพวกเราที่ตั้งก๊วนเล่นบอลโกล์หนูนี่กันอยู่ยังถือว่าสมาชิกพวกเราน้อยมากผมเลยไม่กล้าคิดเรื่องที่จะตั้งทีม แต่เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นคนทั้งบริษัทก็รู้แล้วว่าทุกเย็นจะมีพวกเราเล่นบอลกันอยู่ เพราะฉะนั้นจึงมีพนักงานแผนกอื่นๆ มาขอแจมด้วย จนในที่สุดแต่เดิมที่เคยเล่นเต็มที่แค่ 3 ทีม มาถึงตอนนี้บางวันมีถึง 5 ทีมด้วยซ้ำ ทำให้ความคิดในการรวมทีมของผมผุดขึ้นมาอีก และมาถึงตอนนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่าเรามีคนที่เตะบอลเป็นอยู่ประมาณ 5-6 คนเลยทีเดียว ที่ผมบอกว่า”เตะบอลเป็น”นั้นหมายถึงคนที่เคยผ่านการแข่งขันฟุตบอลเป็นเรื่องเป็นราวอาจจะเคยเป็นนักบอลโรงเรียนผ่านการเล่นบอลในสนามใหญ่ๆ มา จนถึงบางคนที่ผมพูดคุยด้วยนั้นในอดีตมีดีกรีเป็นถึงนักบอลเยาวชนประจำเขตประจำจังหวัดเลยก็มี โดยเฉพาะพี่มาโนชนั้นถือว่าแกยังคร่ำหวอดอยู่ในวงการฟุตบอลมากกว่าใครทั้งหมด เพราะว่าปรกติแกก็เล่นบอลเป็นประจำอยู่ที่บ้านของแกอยู่แล้ว และก็ยังจัดทีมบอลที่บ้านไปเตะกับทีมในละแวกนั้นอยู่เนืองๆ
    และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองเป็นช่วงเวลาที่บอลยนตรกิจคัพเข้ามาถึงนัดชิง และก็เป็นทีมวิภาวดีฯที่ได้ชูโทรฟี่ใบนี้เฉือนเอาชนะทีมจาก YMC ไปอย่างสนุก 4-3 ซึ่งสองในสี่ลูกนั้นเป็นการทำประตูของต้อมกับบอยผลผลิตจากศูนย์ของเราเอง ทำให้ผมรู้สึกมีความอยากที่จะตั้งทีมฟุตบอลในศูนย์เรามากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะแข่งในรายการยนตรกิจคัพในปีหน้า ผมนำเอาความคิดนี้ไปหารือกับพี่ริสและพี่มาโนช แต่พี่ทั้งสองคนยังเห็นว่าโอกาสที่จะตั้งทีมฟุตบอลในนามศูนย์เรานั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากติดอุปสรรคหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการขาดผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ตัวผู้เล่น(ที่ดูจะน้อยเกินไป) และผู้ใหญ่บางคนที่เห็นว่าการแข่งขันฟุตบอลจะมีผลกระทบต่อการทำงาน นั่นคือเหตุผลหลักๆ ของพี่ทั้งสองคนในการบอกที่ความเป็นไปไม่ได้ในการตั้งทีมฟุตบอลขึ้นมา แต่ผมเชื่อว่าทั้งสองคนก็อยากที่จะมีทีมฟุตบอลในนามของศูนย์เราไปแข่งขันในรายการยนตรกิจคัพปีหน้าเช่นกัน โดยเฉพาะพี่ริศนั้นแกมีความมุ่งมั่นไม่น้อยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าแกจะเป็นหนึ่งในทีมวิภาวดีฯ ครั้งนี้ แต่แกก็ไม่เคยได้สัมผัสกับการเป็นผู้เล่น 11 คนในสนามเลย แต่กลับเอาคนอื่นซึ่งเป็นคนในศูนย์วิภาวดีฯ ด้วยกันลงสนามแทน ซึ่งตรงนี้ผมค่อนข้างจะเข้าใจเพราะว่าซ้อมก็ซ้อมเหมือนๆ กัน หนำซ้ำบางคนไม่ค่อยได้ไปซ้อมเลยกับได้ลงสนาม ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแย่อยู่เหมือนกัน เพราะกติกาในรายการนี้เค้าให้เปลี่ยนตัวได้ตลอดด้วยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งตรงนี้ผมเคยบอกกับแกว่า”ช่างมันเถอะพี่ เดี๋ยวปีหน้าเราตั้งทีมของเราเองก็ได้” ซึ่งในตอนที่ผมพูดในตอนนั้นพวกเรายังเล่นบอลกันกระเตาะกระแตะกันอยู่เลย

    จากคุณ : มนุษย์หิน - [ วันปิยมหาราช 09:47:36 A:203.107.168.150 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป