ทะเลสวย
ทรายขาว
เรารักกัน...
แสงสีทองเริ่มจับที่ขอบฟ้า ระบายผืนน้ำในสีเดียวกัน
คลื่นลมซัดสู่ฝั่งเป็นระรอก สองรอก สามรอก
. และเริ่มถี่กระชั้นขึ้น
แสงทองเริ่มเข้มขึ้นทีละน้อย
นั่นอย่างไร ดวงอาทิตย์หัวเหม่งเริ่มโผล่พ้นผิวน้ำที่ปลายฟ้าแล้ว
อา...ช่างเป็นภาพที่งามแท้
น้อยหน่าสูดลมหายใจลึกเต็มปอดแล้วระบายออกทางหู พร้อมรอยยิ้มปลาบปลื้มกับภาพเบื้องหน้า นำมาซึ่งความสดชื่นพึงใจเหลือเกิน เธอยิ้มนิ่ง-นาน จนเหงือกเริ่มแห้ง
.
เธอไม่อายหรอกหากใครจะมาเห็นเธอยืนยิ้มอยู่คนเดียว เพราะเพื่อนๆ คณะนิเทศฯ เห็นเป็นภาพคุ้นตาเสียแล้ว เพราะนับตั้งแต่ปี 1 เป็นต้นมา เธอมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวถึงเสมอ ด้านการยืนยิ้มคนเดียวไม่จำกัดสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น หน้าคณะ หน้ามหาวิทยาลัย หน้าตู้โทรศัพท์ หน้าตู้ไปรษณีย์ ไม่เว้นแม้แต่หน้าห้องน้ำนักศึกษาชาย !
ความที่รักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจนี่เอง จึงนำเธอมายืนรอภาพอันงดงามยามเช้าก่อนไก่(เพื่อนหญิงที่มาด้วยกัน) จะโห่เสียอีก
ภาพเบื้องหน้าสะกิดใจให้เธอหวนรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญอันน่าประทับใจครั้งหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นบนชายหาดแห่งนี้
.เมื่อ 3 ปีที่แล้ว...
* * * * *
เช้าวันนั้น
เป็นวันที่ทำให้เธอได้พบและรู้จักกับเขาคนนั้น ซึ่งเป็นพี่รหัสลึกลับ เป็นครั้งแรก
ขณะเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันตั้งแต่เย็นเมื่อวาน ยังคงนอนอยู่ที่บ้านพัก แต่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มานั่งรอชมดวงอาทิตย์ในยามอรุณรุ่ง
ครั้นแสงทองระบายผืนฟ้าทาบทาผืนน้ำ นำความสว่างกำจายไปทั่ว เธอสังเกตพบว่า
มีชายคนหนึ่งยืนถัดจากเธอไปไม่ไกลนัก มาดสุขุม กอด-อก สายตาทอดยาวออกไปไกล ผมยาวสยายตามลมจมูกนั้นเล็กแหลมแถมคบกริบ ตาโหลลึก กับความสูงราว 185 เซนติเมตร
เธอจำได้ว่าเขาคือรุ่นพี่ที่มากับโปรแกรมรับน้องนั่นเอง
ลมพัดแรงจนเขาเซมาข้างหลังเล็กน้อย น้ำลายกระจายตามลม แต่แลดูเท่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
ครู่หนึ่ง เมื่อฟ้าสว่างขึ้นมากแล้ว เขาจึงหันกลับ ครั้นกำลังจะเดินผ่านหน้าเธอไปก็เหลือบตาหันมามอง พร้อมส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อย หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธในไมตรีได้ จึงยิ้มรับพร้อมกระพริบตาถี่ สลับซ้ายขวา 15 ครั้ง/วินาที
มันคือจุดเริ่มต้นของการทอดสะพานมิตรภาพถึงกัน ระหว่างเขาและเธอ
.
* * * * *
ในการทำกิจกรรมรับน้องตลอดวัน ดูเหมือนว่าเขาจะลอบแอบมองเธออยู่บ่อยครั้ง จนเธอจับได้
แต่เขาพยายามดิ้นและหลุดเสียทุกครั้ง โดยทำหน้าตายสอดส่ายสายตาไปที่อื่น ทว่ามันทำให้เธอหัวใจหวั่นไหวอยู่ลึกๆ การแสดงออกของเขาหาใช่เพียงเธอที่พอจะรู้ แต่เพื่อนผู้หญิงหลายคนก็เริ่มจะดูออก แต่บางคนก็ค้าน หาว่าแท้จริงเขาไม่ตั้งใจ หรือตาเหล่บ้างล่ะ ซึ่งมันก็จริง แต่มันก็น่าภูมิใจมิใช่หรือ หากตาข้างหนึ่งมองดูเพื่อนหรือสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า แต่ดวงตาอีกข้าง สงวนไว้เพื่อสนใจห่วงใยเธอตลอดเวลา
ปลื้มจัง
.แต่จะสรุปเองเออเองก็กระไรอยู่ จึงรอดูต่อไป...แม้ว่าใจจริงเธอเองก็เริ่มจะโอนเอียงไปทางเขาแล้วมิใช่น้อย ความที่เป็นหญิงคงไม่งามนักหากจะเป็นฝ่ายส่งสัญญาณให้เขารู้ พร้อมป้อนคำถามว่า ชอบมะ ชอบมะ รึว่าอะไรทำนองนี้ คงมีแต่จะงามหน้าซะมากกว่า
ในช่วงทำกิจกรรม ตอนที่รุ่นพี่แกล้งเช่น ให้เดินลุยไฟ นั่งเก้าอี้ไฟฟ้า กระโดดเชือกไปปั่นจักรยานไป หรือจะเป็นปล่อยเกาะแล้วให้ว่ายน้ำกลับ พี่คนนี้ก็จะสอดส่องคอยดูแลปกป้องเธออย่างเห็นได้ชัด
อย่างตอนนั้น เจี๊ยบกำลังถูกบังคับให้กินกิ้งกือพ่อลูกอ่อนและปลาไหลไฟฟ้า พี่เขาก็จะรีบบอกว่าหมดเวลาตั้งหลายหน โดยไม่มีเพื่อนคนไหนรู้หรือกล้าค้านเพราะเกรงใจไม้หน้าสามที่เขาเงื้ออยู่ในมือ
ตอนนั้นอีก
ตอนที่นั่งเรือไปเพื่อนำนักศึกษาใหม่ไปปล่อยเกาะ...วันนั้นคลื่นลมค่อนข้างแรง เรือจึงโคลงไปมาทำเอาน้องใหม่ โดยเฉพาะสตรีที่บอบบางเช่นเธอถึงกับอาเจียนออกมา และมันได้รดหน้าของเขาเข้าเต็มที่ แต่เขาไม่ตำหนิหรือกล่าวว่าเธอเลยแม้สักคำ
ตอนที่จะก้าวลงจากเรือไปลงเรือเล็กเธอก้าวพลาดเกือบจะหล่นลงน้ำแต่ไม่รู้เขามาอยู่ด้านหลังเธอแต่เมื่อใดคว้าผมเธอกระชากเอาไว้
เป็นเหตุการณ์สุดแสนซาบซึ้ง
แม้แต่เรื่องปล่อยเกาะพี่แมน (ชื่อของพี่คนนี้ ที่เธอแอบรู้มาตอนที่เขาลืมทำตั๋วจำนำหล่นลงบนมือเธอ) ก็อุตส่าห์เสนอให้เพื่อนนำเธอไปปล่อยอีกเกาะหนึ่งซึ่งห่างไปอีก 200 ไมล์ เพราะอยากให้เธอมีความเป็นส่วนตัวนั้นเอง
(อ้อ...อีกอย่างที่เธอรู้มา ที่พี่เขาชื่อแมนจริงๆ ไม่ใช่เพราะเป็นลูกครึ่งหรือตั้งชื่อในความหมายตามภาษาอังกฤษหรอก แต่เพราะคุณพ่อพี่เขาเป็นคนอีสาน จึงตั้งชื่อจริงและชื่อเล่นในชื่อเดียวกัน มีความหมายว่า ใช่ เพราะภาษาอีสาน แมนแปลว่า ใช่ เช่น แมนแล่ว แปลว่า ใช่แล้ว เป็นอาทิ...จบคำอธิบาย / ผู้เขียน)
ในช่วงโปรแกรมรอบกองไฟในคืนนั้น ก็แสนจะประทับใจ
เริ่มตั้งแต่มื้อเย็นที่เป็นอาหารทะเล เช่น ลาบไก่ ซุปหน่อไม้ ปลาดุกย่าง ซึ่งหลายคนก็สงสัยเช่นกัน ว่ามันเป็นทะเลตรงไหน พี่ที่ทำอาหารก็บอกว่า ไก่นี้จับมาจากเกาะ หน่อไม้ก็ลอยอยู่ในน้ำทะเล ส่วนปลาดุกนั่นก็เป็นปลาดุกลูกครึ่ง แต่ด้านรสชาติไม่มีใครปฏิเสธว่าแซบเหลือหลาย โดยเฉพาะเมื่อได้ทานกับข้าวเหนียวทะเล!
หลังทานอาหาร การแสดงของแต่ละกลุ่มซึ่งแบ่งตามภาคก็เริ่มขึ้น สร้างความสนุกสนานครื้นเครงจนเวลาผ่านล่วงไปดึกพอประมาณ บรรยากาศทั่วไปเริ่มเย็นเยียบ เงียบสงัด มีเพียงเสียงจากกลุ่มนักศึกษาและเสียงคลื่นกระซิบมาเป็นระยะ เป็นเวลาที่พี่แต่ละคนได้เข้าไปพูดคุยอย่างมีสาระกับน้องๆ พร้อมให้กำลังใจ
แมน ชายหนุ่มคนนั้นได้คลานมาที่กลุ่มของน้อยหน่าและเพื่อน แสงไฟวอมแวมใต้แสงจันทร์ ทำให้ใบหน้าเขาแลดูหล่อเหลาไปอีกแบบ จนเธออดไม่ได้ที่จะแอบก้มหน้ายิ้มขวยอายอย่างไร้เหตุผล แล้วเขาก็เริ่มกล่าวความในใจ
.
แม้จะมีเพื่อนร่วมฟังอยู่ด้วยแต่เธอกลับรู้สึกว่า เขากำลังเติมกำลังใจให้กับเธออย่างเฉพาะเจาะจง
น้องๆครับ เราแต่ละคนต่างก็โตเป็น
เอ่อ
เป็นอะไรต่อมิอะไรกันแล้ว น้ำเสียงนั้น ทุ้มนุ่ม อบอุ่นเหลือเกิน
ชีวิตนักศึกษากับชีวิตนักเรียนมันต่างกันครับน้อง
เวลานี้เป็นเวลาสำคัญที่เราจะเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ ต้องขวนขวายทุกสิ่งมาด้วยตนเอง เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง
เขานิ่งไปประมาณ 5 วินาที จึงพูดต่อ
เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง
ใช่เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง ที่จะใช้เป็นสะพานข้ามไปสู่ดวงดาววาววาม มีเมฆขาว ดาวสวย กับกล้วยน้ำหว้า เป็นกำลังใจให้เรา เราจะต้องตระหนักว่า เราไม่ต่างอะไรกับพวกลูกไม่มีพ่อ-แม่ พ่อแม่ไม่สั่งสอน
น้องๆเริ่มมองหน้ากัน แต่เขายังพูดต่อ
หรือว่าคุณพ่อ คุณแม่ ของน้องคนไหนเรียนนิเทศฯบ้าง
.นั่นอย่างไร
ก็ไม่มีใช่มั้ย ขอให้ทุกคนตั้งใจในการปรับตัว ตั้งใจค้นคว้า หนทางข้างหน้าแม้ยาวไกล แต่น้องอย่าลืมว่าพี่ๆทุกคนยังเดินไปเคียงข้างน้องตลอดเวลาตราบที่พี่ยังอยู่ที่นี่ และพร้อมจะช่วยเหลือน้องๆเสมอครับ
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนในกลุ่มถึงกับน้ำตาซึม ความที่ซาบซึ้งในสาระเพิ่งได้รับเป็นครั้งแรกตลอดโปรแกรมที่ผ่านมา และสัมผัสได้ว่าบรรจุด้วยความจริงใจเปี่ยมล้น
พร้อมความอบอุ่นเติมเต็มหัวใจทุกดวง
* * * * *
หลังกลับจากรับน้อง เหมือนพระเจ้าเข้าข้างและทอดพระเนตรเห็นความหวั่นไหวในใจเธอจึงนำเขาและเธอให้ได้เรียนรู้จักกันมากขึ้น ซึ่งเขานั้นแท้จริงก็คือร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา
ไม่ใช่สิ เพราะแท้จริงเขาคือพี่รหัสลับของเธอ แถมยังรหัส 007 เหมือนเธอด้วย ซึ่งก็แปลกดีที่เธอมีพี่รหัสลับถึง 7 คน
เขาและเธอเริ่มมีโอกาสพูดคุย ให้คำปรึกษาในทุกครั้งที่มีปัญหา และทุกครั้งที่หาเหตุให้มีปัญหา เขาจะวางตัวอย่างดีจนเธอมองไม่ออกว่า เขารู้สึกเช่นเธอหรือไม่ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาว่าเป็นคนเช่นไรไม่ต้องเสแสร้งสร้างภาพสวยงามตบตากัน
กระทั่งนานไปจนเธอเรียนปี 2 พี่แมนก็ชวนเธอไปดูหนังด้วยเป็นครั้งแรก เรื่อง โหด เลวดี อ้วนพี ผีกุ๊กกิ๊ก เขาเกรงว่าเธอจะเหงาจึงชวนครอบครัวไปดูด้วย ซึ่งก็น่าประทับใจไปอีกแบบในความที่เขาเป็นคนรักญาติพี่น้อง
* * * * *
ความสนิทสนมของทั้งสองแม้ในสายตาเพื่อนๆ เริ่มสงสัยแต่ก็ยังไม่มั่นใจว่า เขาและเธอกำลังจะคบหากันเป็นคู่รักหรือไม่ ซึ่งเธอเองก็ยังไม่มั่นใจและรอเวลาให้ทอดยาวออกไปให้แน่ใจกว่านี้ และที่สำคัญเขายังไม่เคยเอ่ยกับเธอในเรื่องนี้เลย แม้ว่าพฤติกรรมของเขาเริ่มที่จะชัดเจนขึ้น
บ่อยหนที่เขาผ่านตลาดสี่มุมเมืองคราใด เป็นต้องซื้อผักกาดแก้วมาฝากเธอ 1 เข่ง พร้อมน้ำพริกหนุ่ม 5 กิโลฯ ความที่เขารู้ว่าเธอชอบทาน แม้เวลาจะผ่านไป จนบัดนี้เขาเรียนปี 4 แล้ว เธอก็ยังไม่ได้ยินคำๆนั้นที่รอคอย แต่เธอก็หาได้กระวนกระวายแต่อย่างใด แถมเก็บอาการไว้ได้เป็นอย่างดี แม้บางครั้งเก็บไม่ค่อยอยู่หางคิ้วกระตุกเป็นระยะ แต่เขาไม่สังเกต
* * * * *
เช้าวันนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เธอได้มายืนอยู่ตรงนี้ เพราะรุ่นพี่ปี 4 จัดโปรแกรมมาพักผ่อนหลังสอบกลางภาค เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ มีเธอและเพื่อน อีก 6-7 คนและรุ่นพี่อีก 20 คน ที่สำคัญพี่แมนก็มาด้วย
แดดเริ่มจับขอบฟ้าแล้ว แสงสีส้มอมชมพูสาดไปทั่วผืนฟ้าแลดูงดงาม เหมือนเบิกทางให้ดวงตะวันที่จะโผล่พ้นที่สุดปลายฟ้า เธอรู้สึกเสียดายที่หลายคนยังคงนอนพักผ่อนไม่สนใจกับช่วงเวลาอันน่าประทับใจ แล้วเขาล่ะ
.ทำไมเขาเองก็เป็นไปด้วย
รึว่าเธอมองผิดว่าเขาเป็นผู้ชายโรแมนติก รักธรรมชาติ เพราะหากใช่แล้วเขาพลาดช่วงเวลานี้ได้อย่างไร
.ดวงอาทิตย์ดวงเดิมกับเมื่อวานเริ่มโผล่พ้นผืนน้ำที่สุดปลายฟ้า เธอเผลอยิ้มทักทายโดยไม่รู้ตัว ความสว่างเริ่มสาดแสงไปทั่วชายหาดที่มีคนบางตา ลมทะเลพัดมาอ่อนๆ พร้อมไอเค็มบางๆ
สวยจังเลยน้อยหน่า... เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากเบื้องหลัง ทำเอาเธอขนลุกซู่หูกระดิกสามครั้ง ถึงไม่หันไปมองก็รู้ว่าเป็นเขา
ขอบคุณค่ะ เธอตอบพร้อมก้มหน้าเขินอาย
เอ่อ
อืมม์
พี่หมายถึงดวงอาทิตย์น่ะครับ
เธอรีบหุบยิ้ม แล้วเชิดหน้ามองไกลไปข้างหน้า ขบกรามแน่น ส่วนสายตาคู่นั้นของเขาก็จับจ้องทอดไกลออกไปเช่นเธอ
เขาเดินเข้ามายืนนิ่ง กอด-อก อยู่ข้างๆ ไม่ห่างนัก จนได้กลิ่นกระเทียมเจียว คงแอบลุกขึ้นมาทำอาหารรอเพื่อนๆนั่นเอง เมื่อชำเลืองมองที่มือของเขาเธอก็ใจเต้นรัวเป็นกลองสะบัดชัย เพราะมีดอกกุหลาบสีแดงอยู่ในมือ
น้อยหน่าครับ เขาหันมาทางเธอ แต่เธอไม่กล้าที่จะหันกลับไปมอง
คะ
เธอยังคงก้มหน้า ตอบสั้นๆ และใจยังสั่นอยู่
พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเจี๊ยบน่ะครับ หันมาทางนี้นิดนะครับ น้ำเสียงอ่อนโยนจนเธอรู้สึกอ่อนไหว แข้งขาเหมือนจะไม่มีแรง
ครั้นเธอหันไปมองก็พบว่าดอกกุหลาบดอกนั้น
.เขาโยนทิ้งขยะที่อยู่ข้างๆไปเสียแล้ว
เอ่อ...มีอะไรเหรอคะ เธอถามอย่างประหม่า ไม่กล้าแม้จะสบดวงตาใสซื่อคู่นั้น
น้อยหน่าคงไม่ว่าพี่นะครับ
เอ่อ คือ ความจริงเราสองคนก็รู้จักกันมานานพอสมควร อืมม์..อ่า....และมันคงสามารถทำให้น้อยหน่าเชื่อใจวางใจพี่ได้นะครับ....เอ่อ....น้อยหน่าครับ
เขาหยุดนิ่งไปพักหนึ่งคล้ายกำลังตัดสินใจ ส่วนเธอสิ ใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาซะให้ได้ รู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ จนต้องกัดลิ้นไก่ไว้เป็นเชิงข่ม
คือว่า เอ่อ
.พอดีกระเป๋าสตางค์พี่หล่นหาย พร้อมค่ากับข้าวของพวกเราเช้านี้ด้วย ไม่ทราบน้อยหน่าพอจะมีให้พี่รบกวนยืมก่อนสัก 500 รึเปล่าครับ
เขาเอ่ยอย่างกลัวๆ กล้าๆ เธอหุบยิ้มทันควัน พร้อมความรู้สึกลุ้นระทึกดับวูบ
เอ่อ
ได้..ได้ ค่ะ
ตามมาสิค่ะเดี๋ยวน้อยหน่าไปเอาที่ห้องให้ค่ะ
เธอข่มเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่ภายในรู้สึกเดือดดาลอย่างไม่รู้สาเหตุ ว่าแล้ว
ก็จ้ำเท้าพรวดๆ ไปที่บ้านพักอย่างรวดเร็ว คล้ายจะผละให้ไกลจากความรู้สึกเมื่อครู่
ปล่อยให้ไอ้หนุ่มผมยาวก้าวตามแทบไม่ทัน
* * * * * * * * * *
จากคุณ :
เจ้า..ชายน์ติ๊ง
- [
25 ต.ค. 47 14:30:41
]