กระทู้อันเก่ามันตกลงไปยับยู่ยี่อยู่ข้างล่างแล้ว ภาพสวย ๆ ที่บรรดาสองป้าไปถ่ายกันเอาไว้ยังมีอยู่เพียบ
วันนี้จะพาชมท่องเมืองลูเซิน ใช้ ล ลิง สะกด
ห้ามกระดกลิ้นเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะได้คำว่า รูเยิน
นั่นไง เริ่มทะลึ่งใต้ร่มผ้าอีกแล้ว
จริง ๆ แล้วเมืองนี้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะผ่านมาชม มีคนบางคนเขาบอกว่า ถ้ามาสวิส ไม่ได้แวะลูเซิน ถือว่า มาไม่ถึง
โอ๊ยอย่าไปเชื่อเป็นเด็ดขาด เพราะว่า ที่จริงลูเซินมันไม่ไกลจากสนามบินซูริคเท่าไหร่นักหรอก
ไอ้พวกทัวร์มันก็พามาสถานที่ใกล้ ๆ กันนั่นแหละ เป็นการประหยัดเวลา และประหยัดน้ำมันรถด้วยไง ผลประโยชน์จ้ะผลประโยชน์ ไม่เข้าใครออกใครหรอก
แต่ถ้าอยากซื้อทัวร์ตะลอน ๆ กันก็ตามใจ แค่สามสี่ห้าวันนี่ตกเข้าไปประมาณ หกหมื่นบาทได้มั้ง
ถามว่าคุ้มไหม นัทตี้ว่าไม่คุ้มนะ แถมเครียดอีกต่างหากเพราะต้องตะลอนตามไปเรื่อย มีเวลาพักแค่เดี๋ยวเดียว
อย่างวันที่เราไป วันนั้นเราไปที่สิงโตแสนเศร้า(มี ห์ หรือเปล่า ใครรู้บอกมาหน่อยสิ)
มันเป็นสถานที่ระลึกถึงเกี่ยวกับฮีโร่อะไรสักอย่างหนึ่งเนี่ย ไว้นัทตี้จะถามคนรู้เอามาให้อ่านกัน
ที่คนมาถ่ายรูปกันที่นี่มาก เพราะว่า หน้าตาของสิงโตหินที่สร้างขึ้นมาจากน้ำมือของมนุษย์ผู้สร้างนั้น ได้ใส่ความรู้สึกที่เศร้าเข้าไปในใบหน้าของสิงโตนั้นด้วย
มันเป็นงานปฏิมากรรมที่งดงาม ในสายตาของคนที่เห็นคือมันสื่อออกมาได้อย่างทันทีทันใดที่เรามอง
ขนาดนัทตี้ไม่มีความละเอียดอ่อนตรงนั้น ยังยอมรับว่า สงสารมันจัง ใจมันยวบได้เลยนะ
ก็ที่นี่แหละ เรามาถึงกันตอนที่ทัวร์จีนบัสใหญ่มาลงกันพอดี พวกเราตั้งท่าถ่ายรูป ซึ่งแน่นอนที่สุดคือต้องมีรูปสิงโตนั้นติดด้วย ถ่ายให้เห็นแค่หัวก็ไม่ได้นะ ต้องถ่ายให้ทั้งตัวด้วย ไม่งั้นรูปที่จะเอาไปอวดจะกลายเป็นสิงโตปลอมไป
ไอ้การที่จะเข้าไปยืนเกาะลูบไล้ เก็กท่าถ่ายตรงสิงโตหินนั้นไม่ได้ เพราะมีน้ำกั้น
อีกอย่างคือ ทางนี้เขาอนุรักษ์สัตว์ ยิ่งมีอยู่แค่ตัวเดียวในโลก ต้องอนุรักษ์กันใหญ่ ถึงมันจะเป็นหินก็เถอะ (พวกสวิสนี่มันคิดการณ์ไกลไปถึงรุ่นลูก หลาน เหลน โหลน นู่น)
ตรงด้านหน้า ด้านข้าง ที่มีสิงโตนอนตายอยู่ จะทำบ่อน้ำล้อมรอบไว้ ในนั้นจะมีเหรียญสตางค์โยนลงน้ำกันให้เห็นวาว ๆ เต็มไปหมด
นักท่องเที่ยวเชื่อว่า เอาไว้ซื้ออาหารให้สิงโตแหง ๆ เพราะไหน ๆ ก็ถูกหลอกให้มาแล้วนี่ โดนหลอกสักครั้งจะเป็นไร
ไอ้พวกนักท่องเที่ยวชาวจีน พอลงจากรถมาได้ แม่ง แม่ง แม่ง คงกระพันเอกลักษณ์ไว้อย่างเหนียวแน่น
ฮือกันเข้ามาตรงที่เรายืนอยู่ ยิ่งกว่ามีมหกรรมสินค้าลดราคา นัทตี้ได้ยินอาซิ้มที่มายืนเบียดอยู่ตะโกนว่า ไขว้ ไขว้ (แปลว่าเร็ว เร็ว)
ทีแรกคิดว่าหูเพี้ยนไปซะอีก นั่นไงบรรดาอาเจ็ก อาโกว อาซิ้ม อาม่า รีบเดินแกมวิ่งเข้ามาเรียงแถวกันเป็นกระจุก
โทษนะ นัทตี้ใช้คำว่ากระจุก เพราะยังไม่ทันสิ้นเสียงพูดของเจ้าหล่อนที่อยู่ไกล ๆ เมื่อกี้ ก็เข้ามาประชิดตัวเสียแล้ว
แม่ง แม่ง แม่ง เบียดนัทตี้ซะเกือบตกไปเล่นน้ำแล้วไหมล่ะ
ยังไม่แค่นั้น มีการเปลี่ยนท่า เล่นจับเอวต่อ ๆ กันเป็นงูกินหางเสียอีก ตามมาด้วยเสียงอาแปะที่เป็นตากล้องโล้งเล้ง ๆ ชี้ไม้ชี้มือให้ทำท่า
ไอ้พวกเราตั้งท่าจะถ่าย ต้องพยายามถอยให้พวกเธอ
ในกลุ่มเรามีผู้กล้าอยู่หนึ่ง นั่นคือน้องโอ๊คลูกป้าต๋าว เธอไม่กลัวความยิ่งใหญ่ของพวกสาวพันปีเหล่านี้
ยังยืนเบียดให้แม่ถ่ายเดี่ยวไว้อีก น้องโอ๊คตัวใหญ่จริงๆ
อาซิ้มที่ยืนใกล้น้องโอ๊คพยายามดันให้น้องโอ๊คถอยไปหน่อย
เพราะตรงที่น้องโอ๊คยืนนั้น มันเป็นจุดกลางที่เห็นตัวสิงโตพอดี
น้องโอ๊คปักหลักยืนด้วยความมั่นใจ อาซิ้มกระแทกตัวเข้ามาชนน้องโอ๊ค
ฮ้า ฮ๊า พร้อมกับที่เจ้าหล่อนกระเด้งดึ๋งเกือบจะตกน้ำเอง
อาซิ้มชักสีหน้าไม่พอใจ โล้งเล้งให้ตากล้องถ่ายไปเลย
น้องโอ๊คเช่นกัน
ภาพที่น้องโอ๊คถ่ายได้มา จะมีอาซิ้มทีว่านี้ติดอยู่ด้วยเต็ม ๆ
อีกภาพที่ถ่ายเราเรียกกันว่า วิญญาณในภาพถ่าย
จะมีรูปน้องโอ๊คเต็มตัว ตรงมุมล่างด้านขวาจะมีหน้าอาซิ้มแค่คอ มาลอยเป็นเจ้ากรรมนายเวรอยู่
รูปนี้ต้องคอยดูให้ได้ เป็นภาพที่นัทตี้ประทับใจจริง ๆ
จากคุณ :
NATTI นัทตี้
- [
30 ต.ค. 47 15:25:38
]