CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ตามล่า หารัก (Gretna Green) by Julia Quinn

    จำไม่ได้จริงๆว่าเคยมาแปะที่ถนนนักเขียนแล้วหรือยัง  เป็นเรื่องสั้นรักกุ๊กกิ๊ก ออกแนวขำขันนิดหน่อย จริงๆเรื่องนี้แปลไว้นานแล้ว วันนี้ว่างๆ เลยอยากเอามาแปะให้อ่านกันค่ะ ^_^

    ==========
    ตามล่า หารัก (Gretna Green)
    ผู้เขียน : Julia Quinn


    เมืองเกรทน่า กรีน ชายแดนสก็อตแลนด์ ปี 1804


    มากาเร็ต เพ็นนีแพกเกอร์ ไล่ตามน้องชายของเธอมากว่าครึ่งประเทศแล้ว

    เธอขี่ม้าตะลุยมาอย่างบ้าคลั่งจากมณฑลแลงคาสเชียร์ และเมื่อลงจากหลังม้าก็พบว่าตัวเองเป็นเจ้าของกล้ามเนื้อจำนวนหนึ่ง ซึ่งกำลังปวดร้าวไปถึงกระดูกทุกตารางนิ้ว

    เธอเบียดเสียดยัดเยียดมากับรถม้าโดยสารในเมืองคัมเบรียและพยายามอย่างหนักที่จะไม่สูดหายใจเมื่อพบว่าบรรดาเพื่อนร่วมทางของเธอมิได้ชื่นชมการอาบน้ำเท่าใดนัก

    เธอทนทรมานกับแรงโขยกกระแทกจนหัวสั่นหัวคลอนบนเกวียนเทียมลาของชายชาวนาที่มาส่งเธอถึงชายแดนสก็อตแลนด์ พร้อมกับคำเตือนแกมขู่ว่าเธอกำลังจะเดินทางเข้าสู่ดินแดนปีศาจ

    จนกระทั่งเธอมาถึงที่นี่ 'เกรทน่ากรีน' เมืองชายแดนระหว่างอังกฤษและสก็อตแลนด์ ด้วยสภาพทั้งเปียกและเหนื่อยล้า โดยมีเพียงเสื้อโค้ตคลุมร่างและเหรียญเงินสองเหรียญในกระเป๋า

    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า…..

    ที่มณฑลแลงคาสเชียร์ เธอถูกม้าของเธอสลัดร่วงจนจุกแอ้กเมื่อมันสะดุดก้อนหิน แล้วเจ้าสัตว์หน้าขนนั่นก็วิ่งห้อตะบึงกลับบ้าน ตามลักษณะของม้าที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างยอดเยี่ยมจากน้องชายตัวดีของเธอ

    ที่รถม้าโดยสารในคัมเบรีย ใครบางคนบังอาจขโมยกระเป๋าเงินของเธอ ทิ้งให้มาร์กาเร็ตเหลือเพียงแค่เงินสองเหรียญที่หลงติดกระเป๋ากระโปรง

    และขณะเดินทางด้วยพาหนะล่าสุด เกวียนเทียมลาของชาวนาผู้อารี เธอก็ถูกกระแทกกระทั้นจนขะยักขย้อน ปวดระบม และช้ำในช้ำนอกไปหมด

    ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ดูเหมือนโชคชะตาจะยังกลั่นแกล้งเธอไม่หนำใจ…

    ท้องฟ้าเบื้องบนมืดครึ้มขู่เข็ญการกระหน่ำของสายฝน

    มาร์กาเร็ต เพ็นนีแพกเกอร์ ไม่อยู่ในอารมณ์สุนทรีย์แม้แต่นิดเดียว และเมื่อเธอพบน้องชายของเธอ เธอจะ 'ฆ่า' เขา

    นับเป็นเรื่องตลกร้ายกาจอะไรสักอย่าง เพราะไม่ว่าจะเป็นหัวโขมย พายุ หรือม้าที่ดีดเธอตกลงมา ทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรสามารถทำอันตรายเจ้าเศษกระดาษที่ทำให้เธอต้องหอบหิ้วสังขารถ่อมาไกลถึงสก็อตแลนด์นี่ได้เลย จดหมายสั้นๆของเอ็ดเวิร์ดที่ไม่มีค่าควรแก่การอ่านซ้ำ แต่มาร์กาเร็ตก็เดือดจัดเสียไม่อาจห้ามตัวเองให้ควักเจ้ากระดาษยู่ยี่และยับเยินนั่นออกมาทบทวนเป็นครั้งที่หนึ่งร้อย
    มันถูกกางออกแล้วก็พับกลับไปเหมือนเดิมแล้วก็เอาออกมาอ่านอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเธอไม่กลัวว่ามันจะเปียกทั้งๆที่กำลังหลบฝนอยู่ใต้ชายคาบ้านเก่าๆหลังหนึ่งในขณะนี้

    ข้อความในนั้นชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง

    เอ็ดเวิร์ดหนีตามผู้หญิง

    "ไอ้น้องเฮงซวย" มาร์กาเร็ตพึมพำบริภาษใต้ลมหายใจ "แล้วผู้หญิงบ้าคนไหนที่นายจะแต่งงานด้วย นายไม่คิดจะบอกฉันเรื่องนั้นเลยรึไง"

    เท่าที่มาร์กาเร็ตนึกออก ก็มีแม่สาวที่เป็นไปได้อยู่สามคน และเธอก็ไม่มีความคิดจะต้อนรับเจ้าหล่อนคนไหนมาเป็นสะใภ้ครอบครัวเพ็นนีแพกเกอร์ทั้งนั้น

    แอนนาเบล ฟอร์นบี้ เป็นคนหัวสูงอย่างวายร้าย คามิลลา เฟอร์ริดจ์ เคร่งเครียดไร้อารมณ์ขัน และพีเนลโลป ฟิทช์ โง่ราวกับลา มาร์กาเร็ตเคยได้ยินพีเนลโลปท่องเอบีซีครั้งหนึ่งโดยไม่มีตัวเจและคิว

    เธอได้แต่หวังว่า มันจะยังไม่สายเกินไป เอ็ดเวิร์ด เพ็นนีแพกเกอร์จะต้องไม่แต่งงานกับแม่สาวหน้าไหนทั้งสิ้น ถ้าพี่สาวคนโตของเขาไม่รับรู้เสียก่อน

    ..............

    แองกัส กรีน เป็นชายหนุ่มร่างบึกบึนและเต็มไปด้วยพละกำลัง เขามักเป็นที่กล่าวขวัญว่าหล่อเหลาราวกับปีศาจ โดยมีรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์เป็นฉากกำบังอารมณ์รุนแรงที่ระเบิดโพล่งออกมาเป็นครั้งคราว แต่ละครั้งที่เขาขี่ม้าตัวโปรดเข้าไปในเมืองแปลกถิ่น เขามักจะสร้างความกริ่งเกรงให้กับพวกผู้ชาย อาการหัวใจสะดุดให้กับพวกผู้หญิง และอาการจ้องตะลึงอย่างอัศจรรย์ใจให้กับพวกเด็กๆ ซึ่งมักจะสังเกตเห็นว่าทั้งคนและม้ามีผมดำสนิทและนัยน์ตาคมกริบเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียว

    อย่างไรก็ตาม การมาถึงของเขาในเกรทน่ากรีนกลับไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาอะไรเลย แต่นั่นก็เพราะคนที่นี่ดูจะมีหัวคิดเพียงพอ ด้วยแต่ละคนต่างพากันหลบอยู่ในบ้านขณะที่ฝนกระหน่ำในยามตะวันลับฟ้าเช่นนี้

    แต่นั่นไม่ใช่แองกัส ไม่เลย แองกัส..ด้วยอภินันทนาการจากน้องสาวไร้หัวคิดของเขา.. ต้องมายืนตากฝนตัวสั่นฟันกระทบกึกๆ ในขณะที่ทำสถิติในการใช้คำสบถประกอบรูปประโยคนับไม่ถ้วนได้อย่างน่าอัศจรรย์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

    เขาหวังว่าจะไปได้ไกลกว่าเขตชายแดนในคืนนี้ แต่พายุฝนที่เทลงมากระทันหันทำให้การเดินทางต้องล่าช้าลง และแม้ว่าจะยังใส่ถุงมืออยู่ นิ้วของเขาก็แข็งชาด้วยความเหน็บหนาวจนแทบจะจับสายบังเหียนไว้ไม่อยู่ ที่สำคัญ มันไม่ยุติธรรมกับออร์เฟอุส มันเป็นม้าที่ดีและไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเลวทราม นี่เป็นหนี้แค้นอีกประการหนึ่งที่แอนน์จะต้องชดใช้ แองกัสขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาไม่สนว่าน้องสาวของเขาเพิ่งจะอายุสิบแปด เมื่อเขาพบยัยเด็กบ้านั่นเมื่อไหร่ เขาจะ 'ฆ่า' เธอ

    เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่า ถ้าเขาเดินทางได้เชื่องช้าในอากาศแบบนี้ แอนน์ก็คงต้องหยุดพักระหว่างทางเช่นกัน แม้ว่าเธอจะหนีเขามาด้วยรถม้า…รถม้า'ของเขา' ซึ่งแม่คุณได้จัดการ 'ขอยืม' มา แต่ต่อให้เป็นรถม้าเดินทางชั้นดีขนาดไหนก็คงไม่อาจต่อสู้กับถนนและหล่มเลนเฉอะแฉะเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

    และถ้าโชคยังเข้าข้างเขาในอากาศห่วยบรรลัยอย่างนี้ แอนน์ก็อาจจะหยุดค้างแรมในเมืองเกรทน่ากรีนนี้ และมีความเป็นไปได้ ถึงแม้จะน้อยนิด ที่เขาอาจจะหาตัวเธอเจอในโรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่ง

    เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย พลางเช็ดหน้าเปียกชุ่มด้วยแขนเสื้อ ซึ่งไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากันเลย เพราะเสื้อโค้ตของเขาชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝนเรียบร้อยแล้ว

    ออร์เฟอุสหยุดรอคำสั่งเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายถอนหายใจ ปัญหาก็คือ แองกัสเองก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อ เขาเดาว่าเขาน่าจะเริ่มตระเวนหาแอนน์ตามโรงแรมต่างๆ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว เขาจะไม่พิศมัยกับความคิดที่ต้องไล่ค้นทีละห้องๆของโรงแรมทุกๆแห่งในเมือง นี่ยังไม่นับว่าเขาจะต้องติดสินบนเจ้าของโรงแรมอีกกี่สิบคน

    แต่ประการแรกสุด เขาควรจะหาที่พักให้ตัวเองในคืนนี้ก่อนที่จะเริ่มการค้นหาใดๆต่อไป การสังเกตเร็วๆตามถนนที่ผ่านมาบอกเขาว่า โรงแรมแคนนี่แมนดูจะมีคอกม้าที่ดีที่สุด ดังนั้นแองกัสจึงบังคับออร์เฟอุสให้ตรงไปยังโรงแรมเล็กๆซึ่งเป็นที่พักผ่อนของคนเดินทาง

    แต่ก่อนที่ออร์เฟอุสจะขยับตัวไปเกินสามหรือสี่ฟุต เสียงกรีดร้องก็ดังลั่นขึ้น

    เสียงกรีดร้องของผู้หญิง

    หัวใจของแองกัสแทบหยุดเต้น แอนน์? ถ้าไอ้หน้าไหนบังอาจแตะต้องเธอแม้แต่ชายกระโปรงล่ะก็….

    เขาควบม้าไปตามถนนแล้วเลี้ยวเมื่อสุดทาง ทันเห็นชายสามคนกำลังฉุดกระชากหญิงสาวคนหนึ่งเข้าไปในบ้านเก่ามืดๆ เธอกำลังดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ และจากปริมาณโคลนบนกระโปรงของเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอได้ถูกลากถูลู่ถูกังมาเป็นระยะทางพอสมควร

    "ปล่อยฉันนะ ไอ้คนชั่ว!" เธอร้องลั่น ศอกเข้าที่คอของชายคนหนึ่ง แล้วก็ออกฤทธิ์ใส่ผู้ชายอีกคน

    'ไม่ใช่แอนน์แน่ๆ' แองกัสคิด 'แอนน์ไม่มีทางรู้วิธีเตะผ่าหมากอย่างนั้น'

    แองกัสกระโดดลงจากหลังม้าแล้วพุ่งตัวเข้าไป ทันคว้าคอเสื้อเจ้าวายร้ายคนที่สาม กระชากมันออกจากสาวผู้เคราะห์ร้าย แล้วโยนมันไปหัวทิ่มอยู่กลางถนน

    "อย่ามายุ่งนะ ไอ้เสือก!" ชายคนหนึ่งคำราม "เราเจอหล่อนก่อนนะเว้ย"

    "พวกนายมันโชคร้าย" แองกัสพูดเอื่อยๆ แล้วตะบันหมัดตะลุมพุกเข้าที่หน้าของชายคนนั้น เขาหันไปมองวายร้ายอีกสองคน คนหนึ่งยังสลบเหมือดอยู่ที่ถนน อีกคนซึ่งกำลังนอนชักดิ้นชักงอกุมบริเวณที่สุภาพสตรีนางนั้นกระแทกเข่าใส่ มองแองกัสเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก่อนจะทันเปล่งเสียงอันใดออกมา แองกัสก็กระทืบรองเท้าบู๊ตของเขาไปบนอกของมันแล้วมองเขม็งลงมา

    "มีอย่างหนึ่งที่นายควรจะรู้เกี่ยวกับตัวฉัน" เขาพูด น้ำเสียงนุ่มนวลผิดปกติ "ฉันไม่ชอบเห็นผู้หญิงโดนรังแก เมื่อเจ้าหล่อนถูกทำร้าย หรือแม้แต่เมื่อฉันคิดว่าเจ้าหล่อนอาจจะถูกทำร้าย ฉัน…" เขาหยุดพูดชั่วขณะ พลางเอียงศีรษะไปข้างหนึ่งช้าๆ ราวกับกำลังพยายามหาคำที่เหมาะสม "ฉันมักจะคลั่งไปเล็กน้อย"

    ชายคนที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนถนนลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งเพื่อนให้มองตามด้วยสายตาละห้อย แต่ไม่อาจขยับไปไหนได้ เพราะรองเท้าบู๊ตของแองกัสตรึงเขาไว้อย่างหนักแน่นกับพื้นดิน

    แองกัสลูบคางตัวเอง "ฉันคิดว่าเราคงเข้าใจซึ่งกันและกันดีแล้ว"

    ชายคนนั้นพยักหน้าหงึกๆอย่างรวดเร็ว

    "ดี ฉันว่าฉันคงไม่จำเป็นต้องบอกนายว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราได้พบกันอีก"

    อีกฝ่ายรีบพยักหน้าอย่างเจ็บปวด

    แองกัสยกเท้าขึ้น แล้วชายคนนั้นก็รีบสะโหลสะเหลจากไป

    เมื่อการข่มขู่จบสิ้นแล้ว แองกัสก็หันไปดูวายร้ายคนที่สามซึ่งยังไม่ได้สติด้วยฤทธิ์กำปั้นของเขา แล้วก็เบนความสนใจมายังหญิงสาวซึ่งเขาเพิ่งจะช่วยไว้จากโชคชะตาที่เลวร้ายกว่าความตาย เธอยังนั่งไม่กระดุกกระดิกอยู่บนพื้นหิน พลางจ้องมองเขาราวกับเป็นภูติผีปีศาจ ผมของเธอเปียกลีบติดศีรษะและใบหน้า ด้วยแสงสลัวจากบ้านเรือนใกล้เคียง เขาพอจะบอกได้ว่ามันเป็นสีออกน้ำตาล ดวงตาของเธอเป็นสีอ่อน และใหญ่โตมโหฬารเมื่อเบิกกว้างจ้องมองเขาอย่างไม่กระพริบ ปากของเธอ…มันเป็นสีม่วงจากความหนาวและสั่นระริก ซึ่งควรจะดูไม่น่าพิศมัย แต่แองกัสกลับพบว่าตัวเองเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมาชั่ววูบว่าถ้าเขา…

    เขาสั่นศีรษะ "ไอ้โง่" เขาด่าตัวเอง เขามาที่นี่เพื่อตามหาแอนน์ ไม่ใช่มาจีบหญิงสาวอังกฤษผู้เคราะห์ร้าย จะว่าไป แล้วเจ้าหล่อนมาทำบ้าอะไรที่นี่กัน บนถนนมืดๆเปลี่ยวๆอย่างนี้

    เขาลดสายตาลงสบตาเธอ "เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่" เขาถาม แล้วก็เน้นเสียงเข้ม "ตัวคนเดียวบนถนนมืดๆอย่างนี้"

    (มีต่อ)

    จากคุณ : Froggie - [ 31 ต.ค. 47 17:57:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป