ความคิดเห็นที่ 11
(ต่อ)
"งั้นเธอก็ไม่ต้องกินฮักกามักกี้สิ" แองกัสเอาส้อมจิ้มอาหารเข้าปากคำโตพลางเคี้ยวกร้วมๆ
"ฉันจะทำอย่างนั้นได้ยังไงเล่า ในเมื่อคุณน่ะพร่ำบอกฉันขนาดนี้ว่าการไม่ชมเชยอาหารของเจ้าของโรงแรมน่ะเป็นมารยาทที่ไม่ดี"
แองกัสยังเคี้ยวอาหารอยู่ เขาจึงสามารถรอดพ้นการตอบคำถามไปได้ จากนั้นก็หันไปคว้าเหล้าเอลที่เด็กรับใช้ของโรงแรมเอามาเสริฟให้เทพรวดลงลำคอ "เธอจะไม่ลองหน่อยรึไง" ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ไปที่แฮกกิสที่สงบนิ่งอยู่ในจานของมาร์กาเร็ต
มาร์กาเร็ตสั่นหน้าดิก ดวงตาโตมีแววตระหนกฉายวาบขึ้น
"ซักคำน่า" แองกัสเชิญชวน พลางสวาปามส่วนที่เหลือในจานของตัวเองด้วยความเอร็ดอร่อย
"ฉันทำไม่ได้ แองกัส ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้ได้ไง แต่ฉันมีความรู้สึกประหลาดว่า ถ้าฉันกินไอ้เจ้าแฮกกิสเข้าไปคำเดียว ฉันต้องตายแน่ๆ"
เขาล้างคอด้วยเหล้าเอลอีกรอบ แล้วหันมามองเธอด้วยแววตาเคร่งขรึมที่สุดเท่าที่จะปั้นหน้าได้ แล้วถามว่า "แน่ใจนะ"
หญิงสาวพยักหน้า
"เอาล่ะ ถ้าอย่างงั้น
." เขาเอื้อมมือไปยกจานของหญิงสาวขึ้น แล้วเทอาหารทั้งหมดในนั้นใส่จานของตัวเอง "จะปล่อยให้แฮกกิสดีๆเสียไปก็กระไรอยู่"
มาร์กาเร็ตเหลียวมองไปรอบๆห้อง "ฉันสงสัยจังว่าที่นี่มีขนมปังรึเปล่า"
"หิวรึไง"
"ท้องกิ่วเลยล่ะ"
"ถ้าเธอคิดว่าจะทนแขวนท้องรออีกสักสิบนาทีโดยไม่เป็นลมเป็นแล้งไปก่อนได้ก็รอเถอะ เดี๋ยวจอร์จก็คงเอาชีสกับพุดดิ้งหรือของหวานอะไรมาเสริฟแล้วล่ะ"
การถอนหายใจของมาร์กาเร็ตแสดงถึงความโล่งอกอย่างสุดขีด
"เธอน่าจะชอบของหวานของพวกเราชาวสก็อตนะ" แองกัสว่า "ไม่มีเครื่องในสัตว์อะไรอยู่เลยแม้แต่ชิ้นเดียว"
แต่สายตาของมาร์กาเร็ตกลับจ้องเป๋งอยู่ที่อะไรบางอย่างนอกหน้าต่าง
เดาว่าอีกฝ่ายคงพยายามมองอะไรข้างนอกจะได้ไม่ต้องคิดถึงความหิวแสบไส้ แองกัสจึงพูดต่อว่า "ถ้าโชคดี เราอาจจะได้กิน ครานากัน เธอต้องไม่เคยกินพุดดิ้งชนิดไหนที่อร่อยกว่านี้แน่"
หญิงสาวไม่ตอบว่ากระไร เขาจึงได้แต่ยักไหล่ แล้วตักแฮกกิสใส่ปากตัวเองจนหมด จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ อร่อยอะไรอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองหิวท้องกิ่ว และไม่มีอะไรจะอิ่มท้องได้ดีกว่าแฮกกิสดีๆสักมื้อหนึ่ง มาร์กาเร็ตไม่รู้หรอกว่าเธอพลาดอะไรไปบ้าง
พูดถึงมาร์กาเร็ต.. เขาหันกลับไปมองเธอ เจ้าหล่อนยังตั้งหน้าตั้งตาเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่างจนแองกัสเริ่มสงสัยว่าเจ้าหล่อนสายตาสั้นหรือเปล่า
"แม่ฉันทำครานากันอร่อยที่สุดในแถบนี้ของทะเลสาบล็อคโลมอนด์" แองกัสพล่ามต่อไป ด้วยความตั้งใจว่าจะต้องมีใครสักคนเป็นผู้นำในบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร "ครีม โอ๊ตมีล น้ำตาล เหล้ารัม.. โอย ฉันชักจะน้ำลายสอซะแล้ว แค่
"
มาร์กาเร็ตสูดลมหายใจเข้าแรง แองกัสแทบทำส้อมในมือหล่น อะไรบางอย่างในท่าทางตื่นตระหนกของหญิงสาว ทำให้เลือดในกายของเขาเย็นเยียบ
"เอ็ดเวิร์ด" เธอกระซิบเสียงแผ่ว แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นความกราดเกรี้ยวที่สามารถทำให้สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อคเนสเผ่นหางจุกก้นไปได้ หญิงสาวลุกพรวดพราดขึ้นแล้ววิ่งตัวปลิวออกไปจากห้องทันที
แองกัสวางส้อมลง กลิ่นหอมหวนของครานากันโชยอบอวลออกมาจากเตาอบในครัว เขาอยากจะกระแทกหัวเข้ากับโต๊ะด้วยความอึดอัดคับข้องใจ
มาร์กาเร็ต? (เขามองไปทางประตูที่เธอเพิ่งออกไป)
หรือ ครานากัน? (เขาส่งสายตาละห้อยไปทางห้องครัว)
มาร์กาเร็ต?
หรือ ครานากัน?
"บัดซบ" แองกัสสบถ แล้วลุกขึ้นยืน แน่นอน ต้องเป็นมาร์กาเร็ต
ยามเมื่อเขาหันหลังให้ครานากัน ชายหนุ่มมีความรู้สึกราวกับว่าการเลือกครั้งนี้เป็นการกำหนดชะตาชีวิตของเขาเสียแล้ว
- - - - - - - -
พายุฝนหยุดแล้ว แต่ความชุ่มชื้นในอากาศยังปะทะใบหน้าของมาร์กาเร็ตยามเมื่อเธอพุ่งพรวดออกมาจากโรงแรมแคนนี่แมน หญิงสาวมองเลิ่กลั่กไปรอบๆ เธอเห็นเอ็ดเวิร์ดจากหน้าต่างของโรงแรมแน่ๆ เธอมั่นใจมาก
หางตาของเธอแลเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเคลียคลออยู่ไกลๆ เอ็ดเวิร์ด ผมสีทองของชายหนุ่มประกาศตัวเขาอย่างชัดเจน
"เอ็ดเวิร์ด!" มาร์กาเร็ตตะโกนลั่น ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางชายหนุ่มผู้นั้น "เอ็ดเวิร์ด เพ็นนีแพกเกอร์!"
แต่เขาไม่มีท่าทางจะได้ยินเธอ มาร์กาเร็ตจึงยกชายกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งถลาข้ามถนนไปหา ปากร้องเรียกชื่อเมื่อเข้าไปใกล้
"เอ็ดเวิร์ด!"
ชายหนุ่มผู้นั้นหันมา
และเธอไม่รู้จักเขามาก่อนเลย
"ข ข ข ขอโทษค่ะ" มาร์กาเร็ตพูดอึกอัก เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างคิดไม่ถึง "ฉันคิดว่าคุณเป็นน้องชายฉัน"
ชายหนุ่มผมทองผู้หล่อเหล่าคนนั้นก้มศีรษะนิดหนึ่งอย่างมีมารยาท "ไม่เป็นไรครับ"
"คืนนี้หมอกมันลงน่ะค่ะ ฉันมองไกลๆจากหน้าต่างก็เลย
"
"ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมไม่ถือสาอะไรหรอก แต่ถ้าคุณไม่ว่าอะไร
" ชายหนุ่มผู้นั้นโอบแขนรอบหญิงสาวข้างตัวเขา "ผมกับภรรยาเห็นจะต้องขอตัวก่อน"
มาร์กาเร็ตผงกศีรษะแล้วจ้องมองคนทั้งสองเดินหายไปที่มุมถนน พวกเขาเป็นคู่แต่งงานใหม่ มาร์กาเร็ตแน่ใจเช่นนั้น กระแสเสียงของชายหนุ่มอบอุ่นอย่างยิ่งเมื่อกล่าวคำว่า 'ภรรยา'
พวกเขาเป็นคู่แต่งงานใหม่ และคงจะเหมือนกับใครอีกหลายคนในเกรทน่ากรีนนี้ ทั้งสองอาจจะหนีตามกันมา ครอบครัวของทั้งสองคงจะไม่พอใจอย่างมาก แต่ทั้งสองก็ดูจะมีความสุขกันดี ตอนนั้นเองที่มาร์กาเร็ตรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง เธอรู้สึกเศร้าสร้อย แก่ชรา และหงอยเหงาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"เธอต้องวิ่งเตลิดออกมาก่อนเวลาของหวานทุกครั้งเลยรึไง"
เธอหันกลับมามอง แองกัส
ทำไมคนตัวใหญ่ขนาดเขาจึงสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้น เขากำลังยืนค้ำหัวเธอ ท้าวสะเอว ดวงตาเป็นประกายอย่างโกรธๆ มาร์กาเร็ตพูดอะไรไม่ออก เธอไม่มีแรงเหลือจะพูดอะไรต่อทั้งนั้น
"ฉันเดาว่าคนที่เธอเห็นคงไม่ใช่น้องชายของเธอสินะ"
มาร์กาเร็ตสั่นหัว
"ถ้าอย่างนั้น ในนามของพระเจ้า แม่คุณ! เรากลับไปกินข้าวต่อกันได้หรือยัง"
รอยยิ้มบางๆปรากฎบนริมฝีปากของเธอโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีการต่อว่าต่อขานว่า 'ยัยผู้หญิงหน้าโง่ เธอวิ่งเตลิดออกมาคนเดียวตอนกลางคืนอย่างนี้ได้ยังไง' มีแต่ 'เรากลับไปกินข้าวต่อกันได้หรือยัง'
ผู้ชายบ้าอะไรไม่รู้
"ก็ดีเหมือนกันค่ะ" เธอตอบ คล้องแขนเข้ากับเขาเมื่อชายหนุ่มยื่นเสนอให้ "ฉันอาจจะยอมลองชิมแฮกกิสด้วยก็ได้ แต่แค่ลองชิมนะ ฉันว่ายังไงฉันก็คงไม่ชอบมันหรอก แต่ก็อย่างที่คุณว่า ลองชิมเป็นมารยาทสักหน่อย"
เขาเลิกคิ้ว บางอย่างบนใบหน้าของเขา คิ้วดกหนา ดวงตาดำเข้ม และจมูกที่บิดเล็กน้อย ทำให้หัวใจของมาร์กาเร็ตลืมเต้นไปสองจังหวะ
"ให้ตายสิ" ชายหนุ่มว่า พลางเดินกลับไปยังโรงแรม "เธอทำให้ฉันประหลาดใจได้ไม่หยุดจริงๆ นี่เธอจะบอกว่าเธอฟังที่ฉันพูดด้วยเหรอเนี่ย"
"ฉันตั้งใจฟังที่คุณพูดแทบทุกคำแหละ" มาร์กาเร็ตปกป้องตัวเอง
"เธอเสนอตัวจะลองชิมแฮกกิสเพราะว่าฉันกินอาหารส่วนของเธอล่ะสิ"
มาร์กาเร็ตแก้ตัวไม่ขึ้นเพราะหน้าแดงขึ้นมาเสียก่อน
"อะฮ้า!" เขายิ้มกริ่มอย่างลำพองใจ "เดี๋ยวเถอะ ฉันจะให้เธอกินฮักกามักกี้พรุ่งนี้เช้า"
"งั้นฉันขอกินแค่เจ้าคราโนโปลีที่คุณพูดถึงอย่างเดียวได้มั้ยล่ะ ที่คุณบอกว่ามีครีม โอ๊ตมีล แล้วก็น้ำตาลน่ะ"
"เขาเรียกว่าครานากัน เอาล่ะ ถ้าเธอจะกรุณาอดใจไม่ตีฝีปากใส่ฉันไปจนกระทั่งถึงโรงแรมได้ล่ะก็ ฉันอาจจะใจอ่อนบอกให้มิสเตอร์แม็คคาลัมเสริฟครานากันให้เธอก็ได้"
"โอ๊ย เป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ" มาร์กาเร็ตแดกดัน เลียนสำเนียงสก็อตของเขาโดยไม่รู้ตัว
แองกัสชะงักกึก "จีซัส วิสกี้ และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ เธอเริ่มจะเหมือนผู้หญิงสก็อตเข้าไปทุกทีแล้ว!"
"ทำไมคุณถึงชอบพูดอย่างนั้นเรื่อยเลย" มาร์กาเร็ตถาม
ถึงคราวที่แองกัสจะต้องกระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงบ้าง "ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยพูดว่าเธอเหมือนคนสก็อตจนถึงเมื่อตะกี้นี้เลยนะ"
"อย่ามาทำไก๋เลยน่า ฉันหมายถึงที่คุณชอบพูดถึง บุตรแห่งพระเจ้า, เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์, แล้วก็วีรบุรุษชาวสก๊อตของคุณน่ะ"
เขายักไหล่ ยกมือดันประตูโรงแรมแคนนี้แมนเข้าไป "มันเป็นคำสวดเล็กๆน้อยๆของฉันน่ะ"
"ฉันว่าวิคาร์ของคุณคงไม่คิดว่ามันถูกต้องตามธรรมเนียมนักหรอก"
"ที่นี่เราเรียก วิคาร์ ของเธอว่า บาทหลวง น่ะ แล้วเธอคิดว่าใครเป็นคนสอนคำเมื่อกี้ให้ฉันกันล่ะ"
มาร์กาเร็ตเกือบสะดุดหกล้มเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องรับประทานอาหารเล็กๆแห่งนั้นอีกครั้ง "นี่คุณล้อเล่นใช่มั้ย"
"ถ้าเธอคิดจะมาอยู่ในสก็อตแลนด์สักพักล่ะก็ เธอควรจะรู้ว่าพวกเราชาวสก็อตน่ะทำอะไรติดดินมากกว่าพวกเธอทางใต้นัก"
"ฉันไม่เคยได้ยินคำว่า 'ทางใต้' ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกถูกดูถูกอย่างนี้มาก่อนเลย" มาร์กาเร็ตพึมพำ
แองกัสเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ แล้วก็นั่งลงบ้าง จากนั้นก็ร่ายอรรถาบทของตัวเองต่อไป
"คนที่มีหัวคิดหน่อยควรจะรู้ว่าเวลาที่มีปัญหาที่แก้ไม่ตก เขาควรจะหันไปหาสิ่งที่เขาสามารถเชื่อถือได้มากที่สุด สิ่งที่เขาสามารถพึ่งพิงได้"
มาร์กาเร็ตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาและสยดสยองไปพร้อมกัน "คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ"
"เวลาที่ฉันรู้สึกว่าจะต้องสวดถึงพระเป็นเจ้าน่ะสิ ฉันจะพูดว่า 'จีซัส, วิสกี้, และโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซ' มันชัดเจนออกจะตายไป"
"คุณมันบ้า คลุ้มคลั่ง ประสาทเสีย"
"ถ้าฉันเป็นคนอารมณ์ร้อนกว่านี้นะ" เขาพูด ส่งสัญญาณให้เจ้าของโรงแรมนำชีสมาให้ "ฉันอาจจะเอาเรื่องเธอก็ได้"
"คุณสวดถึงโรเบิร์ตเดอะบรู๊ซได้ยังไง" หญิงสาวไม่ยอมแพ้
"โอ๊ย ไม่เห็นจะเป็นไงเลย ฉันมั่นใจว่าเขาต้องมีเวลาคอยสอดส่องดูแลฉันมากกว่าจีซัสอยู่แล้ว พระองค์ต้องคอยดูแลคนทั้งโลกเลยนี่ แม้แต่พวกต่างชาติอย่างเธอ"
"มันไม่ถูกต้อง" มาร์กาเร็ตสั่นศีรษะอย่างดื้อดึง "มันไม่ถูกต้องที่สุด"
แองกัสกาหัวแกรกๆ แล้วก็พูดว่า "เอาชีสหน่อยมั้ย"
ดวงตาของมาร์กาเร็ตเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แล้วเธอก็หยิบชีสเข้าปาก "อร่อยจัง"
"ฉันอยากจะสรรเสริญความยอดเยี่ยมของชีสของพวกเราชาวสก็อตให้เธอฟังหรอกนะ แต่สงสัยว่าเธอคงจะใจเสียไปมากแล้วกับอาหารประจำชาติของเธอ"
"หลังจากเห็นแฮกกิสแล้วเนี่ยนะ" มาร์กาเร็ตทำท่าสยดสยอง
"นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราชาวสก็อตถึงตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าพวกอังกฤษไง"
หญิงสาวทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่เป็นสุภาพสตรีสักนิด "คุณเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด"
แองกัสเอนหลัง มือประสานท้ายทอย ท่าทางสบายอกสบายใจอย่างที่สุด เขาดูเป็นคนที่มีความมั่นใจ คนที่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และต้องการอะไรในชีวิต
มาร์กาเร็ตไม่อาจถอนสายตาจากเขาได้
"ก็อาจจะ" เขาว่า "แต่ทุกคนก็รักฉันกันทั้งนั้นนี่"
เธอขว้างชีสใส่เขาอย่างอดไม่ได้
แองกัสคว้าหมับแล้วโยนใส่ปากตัวเอง ยิ้มแยกเขี้ยวขณะเคี้ยวตุ้ยๆ "เธอชอบขว้างข้าวของใส่คนอื่นเหลือเกินนะ"
"น่าขันที่ฉันไม่เคยเป็นคนอย่างนั้นเลยจนกระทั่งมาเจอคุณนี่แหละ"
"มิน่าล่ะใครๆถึงได้บอกว่าฉันมักจะดึงส่วนที่ดีที่สุดออกมาจากคนที่เข้ามาใกล้ชิดฉัน"
มาร์กาเร็ตทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ถอนหายใจ
(มีต่อ)
จากคุณ :
Froggie
- [
1 พ.ย. 47 16:01:21
]
|
|
|