CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    โออิชิซาเกะ..ผีปลาสลิดอบชาเขียว..ชื่อนี้พวกเราช่วยกันตั้งไง้...อะอะอะ

    เรื่องเริ่มต้นขึ้นที่..เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในคืนวันหนึ่ง..แหงล่ะ..คืนวันศุกร์ที่ 13 อยู่แล้ว
    ผู้ตายเป็นหญิง..ถูกห้อยโตงเตงอยู่บนขื่อของโรงเก็บของแห่งหนึ่ง..ริมน้ำเจ้าพระยา
    ร้อยเวรเจ้าของคดี..กระหยิ่มยิ้มย่อง..ว่าตัวเองนั้นสมควรเป็นมือสืบสวนระดับพระกาฬของสำนักงานตำรวจได้แล้ว..เพราะเขาพบเงื่อนงำของการฆาตกรรม..ที่ตำรวจธรรมดาต้องไม่พบแน่..
    เขาพบว่าแม้ลำคอของศพจะเขียวช้ำ...แต่ลิ้นไม่จุกปาก
    แม้ศพจะมีลำคอยืดยาวจากแรงถ่วงของน้ำหนักตัว..แต่เขารู้ดีว่านั่นไม่เกิดจากการดิ้น
    ที่สำคัญ..เงื่อนไขที่สำคัญ..ที่ทำให้เขารู้ว่าสาวน้อยคนนั้นตายมาก่อนที่จะถูกผูกคอ..ก็คือ
    ศพนั่นเริ่มเน่าแล้ว..
    น้ำเหลืองที่หยดนองพื้นใต้ซากศพนั้น
    กลิ่นที่คละคลุ้ง..เหม็นตรลบอบอวลไปทั้งโรงงาน..หรืออีกนัยหนึ่งโกดังเก็บของนั้นจนแทบอาเจียน..เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดี
    ศพนี้ถูกพบในเวลายี่สิบสามนาฬิกา สิบสามนาที หลังจากคนงานคนสุดท้ายออกจากโรงงานนั้นเมื่อเวลายี่สิบสองนาฬิกา
    เวลาเพียงชั่วโมงกว่า ๆ เด็กสาวคนหนึ่งผูกคอตาย..ตายปุ๊บก็เน่าปั๊บ..เหมือนในการ์ตูน
    นี่ถ้าไม่ใช่เขา..สำนวนคงสรุปไปแล้วว่า..เป็นการอัตวินิบาตกรรมธรรมดา..
    เขาเก่งจริง ๆ นะนี่..
    อือม์...
    +++++++

    ศพของหญิงสาว..ถ้าจะให้เขาเดาก็น่าจะเดาได้ว่ามีอายุไม่เกิดสิบแปดปี..
    เอ่อ..เขารู้ได้ยังไรน่ะหรือ..เรื่องนี้ต้องสั่งสมประสบการณ์พอสมควร ใช่ว่าใครจะรู้ได้ง่าย ๆ
    นี่ขนาดเขาแค่ดูผ่าน ๆ เขายังรู้ได้..
    ใครล่ะจะกล้าจ้องศพที่กำลังขึ้นอืดได้ที่ตรง ๆ ได้
    ยิ่งเป็นศพโป๊..ใช่แล้ว..ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเช่นนั้น..
    สิ่งที่ทำได้คือจดยิก ๆ ลงไปในสมุดเล่มใหญ่ๆ เพื่อใส่รายละเอียดเข้าไปให้มากที่สุด รวมทั้งการวาดรูปคร่าว ๆ กำหนดจุดที่พบศพว่าห่างจากประตูทางเข้าเท่าไร เหนือพื้นเท่าใด ตามที่ได้เล่าเรียนมา
    ขณะที่ใจหนึ่งก็คิด...ใครวะว่างมาก..เอาศพมาผูกคอเล่น
    หรือศพจะเดินมาผูกคอตัวเองได้..ฮะฮะ..
    บรื๊อส์...
    +++++++

    แสงแฟลตจากกล้องอัตโนมัติสว่างวาบติด ๆ กันหลาย ๆ ครั้ง จนเขาเองก็รู้สึกตาพร่า
    หญิงสาวเจ้าของกล้อง..ในชุดกางเกงยืนเสื้อยืด..สวมทับด้วยเสื้อยีนส์เชย ๆ คนนั้น..ขะมักเขม้นเหลือที่จะกล่าว..ที่จะเก็บภาพทุกซอกทุกมุมไว้ให้ได้มากที่สุด
    เขาต้องรีบเก็บรายละเอียดเป็นตัวอักษรให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุดยิ่งกว่าหล่อน เพื่ออะไรน่ะหรือ?
    เพื่อจะหลีกเลี่ยงคำถามจากหล่อนยังไงล่ะ
    "ผู้หมวดคะ..เธอตายเพราะอะไรคะ?"
    เขาทำหน้าย่น..หล่อนเก็บรายละเอียดได้เร็วกว่าเขามาก
    "คุณกับผมก็มาถึงพร้อม ๆ กัน..ผมจะไปรู้ได้ยังไง"
    "ฉันว่าไม่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย.."
    "เก่งจัง..ที่คุณก็รู้"
    "โด่..ผู้หมวด..เด็กอมมือยังรู้เลย..ศพเน่าออกขนาดนั้น..ศพมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?"
    "เดินมาเองมั้ง?"
    หล่อนมองหน้าเขา..ทำหน้ายังกะจะกินเลือดกินเนื้อ พอดีนั่งข่าวคนอื่น ๆ เข้ามารุมเขาตามประสาสื่อมวลชนที่ดี ทำให้เขาต้องเลิกใส่ใจกำลังหล่อนไปโดยปริยาย
    ร้อยแปดคำถามยังน้อยไป..สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
    เขาจึงตอบได้เท่าที่เขาตอบ คำที่เขาตอบมักจะวนเวียนอยู่กับคำว่า
    "ไม่รู้"
    และ
    "นั่นสิ"
    "ขอเวลาผมหารายละเอียดก่อน.."
    ฯลฯ
    +++++

    ศพถูกปลดลงมาจากบ่วงเชือก..บ่วงเชื่อกที่ทำจากผ้าที่นอน
    ผ้าที่นอนสีฟ้า..ไม่มีลวดลายใดนอกจากสีฟ้าทั้งผืน
    เจ้าหน้าที่มูลนิธิ..ผู้อุทิศตนเพื่อการเก็บศพโดยเฉพาะ..กุลีกุจอนำผ้าดิบมาปูรองพื้น..บรรจงวางศพที่อ่อนย้วยไปทั้งตัวนั้นวางลงไป
    ผมเขียนไม่ผิดน่า...ศพที่เพิ่งตายใหม่ ๆ สองสามชั่วโมงต่อจากนั้นกล้ามเนื้อจะยืดแข็ง..แต่ถ้านานกว่านั้น..กล้ามเนื้อจะเหลวเป๋วอย่างงี้..
    นายแพทย์เวร..ผู้มีผมฟู ๆ ไฮไลท์ไว้..ทำตาสะลืมสะลือตรวจศพตามหน้าที่
    เขา..นายร้อย(มี)เวร..กำลังนั่งยองชันเข่า..เพื่อรอจดบทสรุปของแพทย์หญิงผู้นั้น
    "อิฉันว่า..เธอตายมาไม่ต่ำกว่า 3 วันแล้ว.."
    เขาจดลงไปในสมุดบันทึกส่วนตัว..มันจะถูกลอกออกมาในสมุดบันทึกประจำวัน
    "สาเหตุการตายยังไม่รู้..ต้องผ่าพิสูจน์..แต่ที่แน่ ๆ ..เธอไม่ได้ตายเพราะการผูกคอ.."
    เขาจดอีก..ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
    "ศพนี่ถูกเคลื่อนย้าย..โดย..โดยอะไรก็ไม่รู้..ไม่มีหลักฐานอื่นใด ทั้งรอยลาก..รอยยก..หรือลอยอุ้ม..เหมือนว่าเธอจะเดินมาเองซะยังงั้น.."
    เขาจด..ยิ้มในคำพูดสุดท้ายของหมอ สายตาอดชำเลืองดูที่เท้าของศพมิได้
    แล้วเขาก็ใจหายวาบ..มีฝุ่นจับอยู่บริเวณฝ่าเท้าของศพจริง ๆ
    เฮ่ย!
    "หมอคงสรุปได้เท่านี้ในตอนนี้.."
    ผู้หมวดหนุ่มยังตลึงนิ่ง..ตาค้าง..ปากกาที่จดอยู่ก็ยังค้าง
    "ผู้หมวด..เป็นไรไป?" หมอถาม
    เขาไม่ตอบ..ตอบไม่ได้..พูดไม่ออก
    หมอเลยมองตามสายตาของเขา
    แล้วเสียงอุทานก็ดังลั่น..
    "ไอ๊หยา..."
    ++++++

    จากคุณ : ปิ๊วปิ้ว - [ 1 พ.ย. 47 12:55:33 A:202.57.168.184 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป