CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    * ผู้ส่งสาร *

    สวัสดีค่ะ เพื่อนๆถนนนักเขียน ฝากเรื่องสั้นแบ่งกันอ่านสักเรื่องนะคะ เรื่องนี้เขียนจากประสบการณ์ของตัวเอง และดัดแปลงเรื่องเพื่อความเหมาะสมค่ะ ติ-ชม วิจารณ์ได้ตามสบายค่ะ

    --------------
    *ผู้ส่งสาร*

      “ผมไปบ้านเขามาแล้วนะพี่...ขอบคุณมากครับ" เอก รุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกันกับฉัน บอกผ่านมา ตามสายโทรศัพท์
     “ไม่เป็นไร พี่ดีใจที่ได้ช่วย" ฉันตอบกลับไป และรู้สึกจริงๆตามที่พูด “ฉันดีใจที่ช่วย”

       หลังจากเอกวางสายไป ฉันนึกถึง หญิงสาว คนหนึ่ง ที่ฉันไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จัก แต่เธอได้ทำให้เกิดเรื่องราว ซึ่งจะยังคงในความทรงจำของ ทั้งฉันและเอกไปอีกนานแสนนาน
    ...........................

      เอกกับฉัน รู้จักกัน เมื่อคราวรับน้องของมหาวิทยาลัย  เอกอยู่ในกลุ่มน้องใหม่ ที่ฉันและเพื่อนๆ รับผิดชอบ เป็นพี่เลี้ยงกลุ่ม  เอก เป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่ค่อนข้างสนิทสนมกับฉันและเพื่อนๆ ด้วยความที่เป็นคนสนุกสนาน เขาจึงสร้างความครื้นเครงให้เกิดขึ้นในกลุ่ม ตลอดเวลาสองวันของการรับน้อง

      หลังกิจกรรมรับน้องผ่านไป  เราก็ห่างกัน เพราะเรียนอยู่กันคนละคณะ ต่างวิทยาเขต ได้พบปะพูดคุยกันบ้างตามโอกาส  ซึ่งมักจะคุยกันเรื่องทั่วๆไป  ถามสารทุกข์สุขดิบ เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน ใครเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้น และยิ่งห่างกันออกไปอีก เมื่อฉันและเพื่อนๆเรียนจบ  เส้นทางที่จะโคจรมาพบกันนั้น หาได้ยากเต็มที

      ฉันเพิ่งมาพบเอกอีกครั้ง ราวเดือนตุลาคม ตอนที่เอกเรียนอยู่ปีสุดท้าย ของคณะจิตรกรรมฯ   พอดีที่วันนั้นฉันมาผ่านไปทาธุระแถวๆ มหาวิทยาลัย จึงเลยเรื่อยแวะเข้าไป ดูงานศิลปะ ที่กำลังแสดงอยู่ที่หอศิลป์   และได้พบกับเอกและเพื่อนๆอีก 3 คนเข้าโดยบังเอิญ  หลังดูงานเสร็จ เราเลยนั่งคุยเรื่องราวสัพเพเหระ ตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนาน

      พวกเขาคุยให้ฟังว่า กำลังเคร่งเครียดกันกับ งานศิลปนิพนธ์ ซึ่งเป็นงานชิ้นสำคัญ  ที่จะชี้ชะตา ว่าพวกเขา จะได้จบการศึกษาปีนี้ ปีหน้า หรือปีถัดๆไป มงคลรุ่นน้องอีกคน ที่ร่วมวงสนทนาด้วยในวันนั้น รู้ว่าฉันชอบและสนใจงานศิลปะ  จึงชวนฉันให้มาชมผลงานในวันแสดงงานของพวกเขา  ซึ่งรู้คร่าวๆ แต่เพียงว่าราวเดือนพฤษภาคม   ฉันจึงเอ่ยปากขอเบอร์โทรศัพท์ของพวกน้องๆ  เพื่อจะได้โทรมาถาม วันเวลาที่แน่นอน  แต่ปรากฏว่าทั้งกลุ่ม มีเอกคนเดียวเท่านั้นที่มีเบอร์โทรศัพท์

      “ไอ้พวกนี้มันไม่มีเบอร์โทรกันหรอกพี่ มันนอนคณะกันหมด ส่วนผมมันพวกชอบกลับบ้าน" เขาพูดกระเซ้าบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งได้ย้ายนิวาสถานจากหอพักมานอนคณะ "เพื่อความสะดวกในการทางานโว้ย" มงคลให้เหตุผล
     
      ต่อจากนั้นวงสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนจากแนววิชาการ กลายเป็นแซวคนโน้น คนนี้ทีเป็นที่สนุกสนาน จนสมควรแก่เวลา ฉันเลยขอตัวกลับ และรับปากน้องๆว่า จะมาชมงานแสดงศิลปะของพวกเขาแน่นอน

      นับจากวันนั้น ล่วงผ่านมาหลายเดือน ฉันก็ยังไม่ได้ติดต่อกับเอกอีก บางครั้งเกิดความคิดแวบเข้ามาว่า น่าจะโทรไปคุย ถามไถ่ความคืบหน้าเรื่องงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้โทรไปสักที โชคดีที่ฉันยังเก็บหมายเลขโทรศัพท์ของเขาไว้ ต่อมาทำให้ฉันได้รู้ว่า หมายเลข ทั้ง 7 ตัวที่เรียงอยู่ในสมุดบันทึกของฉันนั้น มีความหมายมากมายเหลือเกิน กับใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ ณ ดินแดนไกลแสนไกล
    *******************

      “จะถึงหรือยังคะ คุณอ๊อด ชมรมชาวสวนมังคุดที่คุณบอกน่ะ” พี่แป๋ว ถามเสียงแจ้ว ปลุกฉันตื่นขึ้น หลังจากเอนเบาะนอนมาในรถตู้อย่างสบายใจ

      “คงใกล้แล้วล่ะครับคุณแป๋ว ผมว่าน่าจะแถวๆนี้แหละ” ชายวัยประมาณปลาย 30 ผู้ถูกเรียกว่าคุณอ๊อด หันมาบอก
     
      “แต่เราวนไปวนมา แถวนี้มาหลายรอบแล้วนะคะ  แป๋วว่าเราหลงทางแน่ๆ ว่ามั๊ยคุณต้อง” พี่แป๋วพูดพลางหันมาถามพี่ต้อง เจ้านายของฉัน
     
      “ต้องก็ว่างั้นแหละ มีคุณคนเดียวที่รู้นะคุณอ๊อด ว่าชมรมชาวสวนมังคุดที่คุณว่านั่นอยู่ที่ไหน”

      สองสาวเห็นพ้องเป็นเสียงเดียว ส่งผลให้อีกหนึ่งหนุ่มเกาหัวแกรกๆ ขยับแว่นตา พลางเปิดหาเบอร์โทรศัพท์ในสมุดบันทึกประจำตัว

      “ผมก็โทรถามทางเขาแน่นอนแล้วนะ เราก็มาทางตามที่เขาบอก ใช่มั๊ยลุง” คุณอ๊อด หันไปถามคนขับรถอีกทอด คล้ายหาเสียงสนับสนุน

      “ครับ ผมก็ขับตามทางที่คุณอ๊อดบอก” ลุงโก๋ คนขับรถรับคำ หากแต่ ความผิดยังตกอยู่ที่คุณอ๊อดอยู่ดี

      ฉันคิดอยู่ในใจ ว่าแล้วจะถึงไหมละนี่ ชมรมชาวสวนมังคุด ที่พวกเราตั้งใจมาตามหา เพื่อมาเชิญชวนชาวสวนให้นำผลไม้ ไปขายที่ตลาดกลางเกษตรแห่งใหม่ ซึ่งพวกเราทำงานกันอยู่

      หน้าที่ของพวกเราในระยะนี้ ต้องออกตระเวนไปหลายๆจังหวัด  ที่เป็นแหล่งมีผลิตผักและผลไม้ หลักๆ อย่างเช่นครั้งนี้ เรามาที่จังหวัดจันทบุรี  ด้วยหวังว่าจะมาพบประธานชมรมชาวสวน มังคุดของที่นี่  แต่ด้วยความที่ไม่ชินเส้นทางของลุงโก๋คนขับรถตู้  บวกกับความไม่รู้ที่อยู่ที่ชัดเจนของคุณอ๊อด จึงพาให้พวกเราหลงทาง ทั้งที่ออกจากสำนักงานเกษตรจังหวัด มาตั้งแต่บ่ายโมงสิบห้า จนเวลาล่วงเลยเข้าบ่าย 3 โมง  ยังตามหาชมรมชาวสวนมังคุดไม่พบ

      “คุณอ๊อด ๆ นั่นไงๆ แป๋ว เห็นบ้านหลังที่เราผ่านมาตะกี้ มีมังคุดตั้งเป็นเข่งๆ วางไว้เยอะแยะเลย สงสัยบ้านหลังนั้นแน่ๆ”  พี่แป๋วรีบร้องบอกด้วยเสียงเล็กแหลม ก่อนหันไปบอกให้ ลุงคนขับรถกลับรถ ขับตรงไปยังบ้านหลังนั้น

      รถตู้พาพวกเรามาหยุดที่บ้านไม้ชั้นเดียว ที่ตั้งอยู่ริมถนนลาดยาง มองออกไปทางหลังบ้าน แลเห็นเป็นสวนผลไม้  ทุเรียนหลายต้นเริ่มออกผลโตบ้าง เล็กบ้าง หน้าบ้านดูเงียบเชียบ ไร้เงาผู้คน แต่ เจ้าของบ้าน แง้มบานประตูหน้าบ้านทิ้งไว้เล็กน้อย  อีกทั้งเปิดหน้าต่างด้านหน้า ทั้ง 2 บาน ปล่อยให้ ผ้าม่านสีเหลืองฉลุลาย พัดพะเยิบพะยาบตามแรงลม คะเนได้ว่าน่าจะมีคนอยู่ในบ้าน

      ฉันมองไปยังเข่งมังคุดที่ตั้งเรียงราย อยู่บนลานหน้าบ้าน จากประสบการณ์ที่ได้ออกพื้นที่หลายแห่ง ฉันรู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นเพียงบ้านชาวสวนธรรมดาๆ บ้านหนึ่ง ไม่ใช่ชมรมชาวสวนมังคุดแน่ๆ แต่ฉันเก็บความคิดนั้นไว้ไม่พูดออกไป คล้ายความเขียวครึ้มของสวนที่เห็นอยู่ด้านหลังบ้าน กำลังกวักมือเรียกให้ฉันเดินเข้าไป
    .............

    แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 08:19:11

    จากคุณ : Pomme de Terre - [ 2 พ.ย. 47 08:06:49 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป