CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    * * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * *

    ปีศาจวสันต์


    ๑.

    อากาศอบอ้าวชวนง่วง  ชีวิตเงียบๆ ของฉันยิ่งหงอยเหงาลงไปอีก  ผู้คนผ่านไปมา  จากแรกรู้จัก เป็นเริ่มทักทาย แล้วก็คุ้นเคย จากนั้นก็เริ่มชาชิน เฉยเมย  ที่สุดก็ลาร้างห่างกันไป

    ….ก็แค่นั้น

    ฉันขังตัวเองอยู่ในร้านเล็กๆ ขายของขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มทั่วๆ ไป  โลกผ่านสายตาและชีวิตจากทางหน้าร้าน  วันคืนผ่านเข้ามาจากทางเดียวกัน   อาจมีคนพิเศษหรือวันพิเศษแวะเวียนมาบ้างแต่ฉันไม่ได้ใส่ใจ  แค่ทุกวันๆ ที่ไม่ต้องถึงกับมีสุขมากมาย เพียงไม่ต้องมาห่วงว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องทุกข์ใจอะไรเข้ามากล้ำกราย ฉันก็พอใจแล้ว…

    แต่ชายแปลกหน้าคนนั้น…ไม่ยอมหลบหายไปจากห้วงความคิด…ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาคือใคร  มีธุระอะไรแถวนี้จึงมาเปิดห้องพักข้างบน  ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำการงานอะไรด้วยซ้ำ เพราะช่วงสัปดาห์ที่เห็น เขาเข้าออกไม่เป็นเวลา  ทุกครั้งที่ลงมา..เมื่อผ่านหน้าร้านฉัน  เขาจะตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำอัดลมยี่ห้อเดิมออกมาเปิดขวดด้วยตัวเอง  แล้วจึงเดินมาจ่ายเงิน

    เราไม่เคยพูดคุยกัน เขายื่นเงินมาขณะเริ่มจิบมันโดยไม่ใช้หลอด  ส่วนฉันก็นับเงินทอนแล้วยื่นคืนให้ด้วยความเคยชิน  จนกระทั่งวันหนึ่ง…

    “เท่าไหร่ครับ”

    ฉันเพิ่งได้ยินเสียงของเขาเป็นครั้งแรก  มันไม่เหมือนได้ยินด้วยหู เพราะน้ำเสียงทุ้มๆ สากๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนนี้ เหมือนแทรกเข้าไปดังอยู่ในหัวใจ…ไยหนอแค่คำถามธรรมดาคำถามเดียว จึงทำให้หัวจิตหัวใจฉันหวั่นไหวได้ถึงขนาดนี้

    “เก้าบาทค่ะ”  ฉันตอบราคาขายพร้อมขวด พยายามปรับความเฉยเมยให้คงที่ เหมือนกับการตอบราคาให้กับลูกค้าทั่วไป  

    เมื่อเขายื่นธนบัตรใบละร้อยมาให้  ฉันจึงรีบเสไปตรวจนับเงินทอนเวียนซ้ำอยู่สองสามเที่ยว

    “คุณชื่ออะไร…”  คราวนี้ไม่มีหางเสียง  แต่ฉันจับความรู้สึกได้ว่ามันอ่อนโยนกว่าคำถามแรกมากมาย

    เรื่องอะไรฉันจะต้องตอบเขาด้วยเล่า  แค่ลูกค้าคนหนึ่งที่ผ่านมาผ่านไปเหมือนกับใครๆ อีกหลายคน  อาจจะนึกชื่นชมฉันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว  ฉันจึงตอบคำถามด้วยอาการนิ่งเฉย ยื่นเงินทอนให้เขาโดยวางไว้บนเคาน์เตอร์  ไม่เปิดโอกาสให้เขาฉวยโอกาสได้แม้แค่การแตะเพียงปลายมือ  แต่แล้วฉันก็อดใจเอาไว้ไม่ได้

    “ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย…”

    เมื่อหลุดปากออกไป  ฉันรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว มันคงจะแดงซ่านจนเขาสังเกตเห็นได้เป็นแน่   ฉันรีบหันไปทำทีเป็นจัดขวดน้ำอัดลมใส่ลัง  หวังให้เขาเลิกสนใจและรีบเดินจากไปเหมือนทุกวันที่ผ่านมา

    “ผมอาจจะรู้แล้วก็ได้นะ…คุณ…ชื่อ….บุษกร  วรกานต์…”

    “ใครบอกคุณ?”  ฉันหันขวับกลับมา ทันเห็นสายตาแฝงเลศนัยและความเป็นต่อของเขา

    แทนคำตอบ เขากลับเดินอ้อมมาที่หลังเคาน์เตอร์ ฉันรีบปิดกระบะเครื่องคิดเงินเพราะไม่มั่นใจในเจตนาที่แท้จริงของเขา  รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นระรัวจนเกรงว่าเขาจะได้ยิน  อีกครั้งที่ฉันหันหลังหนี  ไม่ทันได้นึกว่ามันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ประชิดถึงตัว แล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู

    “คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน”

    ฉันรีบยกมือขึ้นทาบอก หัวใจของฉันคงกระเด็นหลุดออกมาจากร่างจริงๆ ถ้าไม่รีบเกาะกุมมันไว้  รู้สึกว่าหูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่นนอกจากชีพจรที่เต้นตุบๆ อยู่ตรงขมับ  เกร็งเขม็งไปทั้งตัวเพราะคงไม่อาจหลีกเลี่ยงการสัมผัสจากเขา

    แต่…เปล่าเลย…ชั่วอึดใจที่หัวใจเต้นระทึกครึกโครมอยู่นี้…มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากประโยคซ้ำๆ ที่วนเวียนไปมาอย่างไม่สิ้นสุด

    “คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน….คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน…คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน…คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน….คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน….คืนนี้…คืนนี้…คืนนี้…ในฝัน….ในฝัน”

    “ไม่!…ไม่มีทาง!”  ฉันแทบตะโกนออกมา  ตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง

    ฉันไม่พบใครตรงหน้า ….เขาเดินไปจนเกือบจะเลี้ยวลับมุมถนนนั่นแล้ว…นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ….ความรู้สึกแบบนี้….มันเหมือนว่าฉันกำลังถูกคุกคาม  แล้วทำไมเล่าการที่ถูกผู้ชายคนนี้คุกคามมันกลับมีความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดแอบแฝงมาด้วย…นี่ฉันเป็นอะไรไป



    ๒.


    ฟากนี้ของกรุงเทพฯ เหมือนคนละโลกกับฝั่งโน้น  เหมือนกับว่าผมหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก  และผมเองก็ไม่ต้องการจะรู้จักใครในที่นี้   จ่ายล่วงหน้าสองเดือนสำหรับซื้อเวลาเพื่อที่นอนใหม่  ที่ที่ไกลจากบ้านจนไม่มีใครตามมาเจอ…ที่จริงมันไม่ไกลจากบ้านมากขนาดนั้น  แต่ผมรับรองกับตัวเองได้ว่า จะไม่มีใครตามมาเจอ   เพราะเราไม่เคยใส่ใจกันมานานนักหนาแล้ว

    ผมมีเงินไม่อั้นสำหรับการดื่มกิน เที่ยวกลางคืนและยังมีเหลือเฟือพอกระทั่งจะซื้อเครื่องบำบัดความใคร่แบบมีชีวิต  

    แต่มันไม่จำเป็นหรอก….ผมมั่นใจในฝีมือการจีบผู้หญิงของตัวเองพอๆ กับที่ภารดร มั่นใจเมื่อเล่นในฮาร์ดคอร์ตนั่นแหละ

    เมื่อวานนี้ผมพิสูจน์มันได้อีกครั้ง…ผมทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าแดงซ่าน  เขินอายเสียจนรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ด้วยซ้ำ  ยังมีผู้หญิงอย่างเธอเหลืออยู่ในโลกนี้อีกหรือ  ผู้หญิงที่ดูไร้เดียงสาเหลือเกิน  เกินกว่าจะเป็นมารยาหรือการดัดจริตให้เป็น ยามเมื่อพบกับผู้ชายที่ถูกใจ…

    “ผู้หญิงสมัยนี้มันก็น่าจะเหมือนๆ กันไปหมดทุกคนนั่นแหละน่ะ”

    ผมได้ชื่อเธอมาจากโฆษณาทางไปรษณีย์อะไรสักอย่าง ที่สอดอยู่ในช่องเอกสารรับ มันไม่ใช่เรื่องยากหากเราต้องการรู้จักชื่อของใครสักคน จากหอพักแบบนี้ เพราะตรงหน้าสำนักงาน มักจะมีที่สำหรับรับวัสดุไปรษณีย์ มีเลขห้องกำกับไว้ชัดเจน

    ท่าทางเธอเหมือนลูกนกตกน้ำ เมื่อรู้ว่าผมรู้ชื่อของเธอ  เธอหันหลังหนีจนผมกล้าพอจะเข้าไปกระซิบอย่างเป็นต่อ  

    “คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน”

    และวันนี้แหละที่ผมจะสานต่อด้วยวิธีการเฉพาะตัว ที่ใช้ได้ผลมามากต่อมาก

    ผมลงจากห้องมาเร็วกว่าปกติ ยังไม่สิบเอ็ดนาฬิกาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ  บุษกรของผมเหมือนกำลังสัปหงกอยู่ที่ข้างเครื่องคิดเงิน  จนผมก้มลงไปสูดกลิ่นเส้นผมยาวสลวยของเธอ  เธอยังไม่รู้สึกตัว  ผมอยากจะปลุกเธอด้วยการจูบเบาๆที่หน้าผาก  แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ก่อน…คงไม่ยากนักหรอกกับผู้หญิงท่าทางไร้เดียงสาขนาดนี้

    ปฏิกิริยาภายในมันเริ่มผลักดันให้อารมณ์ของร่างกายขยับขยาย  ภาพเปลือยของเธอถูกจินตนาการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…ผิวขาวละมุนกับดวงหน้าใสซื่อไร้การปรุงแต่งใดๆ  กลิ่นสาวอวลเข้าจมูกจนผมต้องสูดหายใจลึกๆ  แล้วเก็บกักมันไว้ในกายให้นานที่สุดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา  ผมอาจจะผ่อนลมหายใจแรงเกินไป  เธอจึงรู้สึกตัวตื่นรีบปัดผมที่ปรกหน้าเสยกลับไปด้านหลังจนมือนั่นแทบจะตีหน้าผม

    “ฉันไม่ได้เห็นคุณในฝัน”  เธอพูดขึ้นทันทีที่เห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า

    “แน่ใจเหรอ…ท่าทางคุณไม่ได้นอนเลยนี่…แบบนี้คุณจะเห็นผมได้อย่างไร”

    ผมหันหลังเดินจากมาทันทีที่พูดจบ  ไม่รอให้เธอแก้ตัวอะไรได้อีกเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อตัวผม  แน่ใจได้ว่าแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับการกระตุ้นให้ใครสักคนเกิดความสนใจในตัวเรา  และก็แน่ใจด้วยว่า เธอคงมองตามผมมาจนสุดสายตา



    ๓.

    หลังจากที่เขาเดินจากไปได้ไม่ถึงชั่วโมง  ฉันก็ทนฝืนร่างกายตัวเองไม่ได้อีกต่อไป  ฉันไม่ได้นอนเลยตลอดคืน กลัวว่าเขาจะผ่านเข้ามาถึงในฝัน  ไม่กล้าคิดเลยไปว่าในนั้นเขาจะทำอะไรกับฉันบ้าง  อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ในห้วงแห่งฝันไม่ใช่หรือ  ฉันกลัวการคุกคามของเขา  กลัวการปรี่เข้ามาถึงตัวแล้วจู่โจมทำความรู้จัก  

    ความขัดแย้งในหัวใจถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดคืน  ฉันตัดสินใจปิดร้านเมื่อใกล้เที่ยง  ฟุบหลับอยู่กับเคาน์เตอร์  หวังว่าความอ่อนเพลียจะช่วยป้องกันไม่ให้เขาก้าวล่วงเข้ามาในโลกส่วนตัวของฉัน โลกฝันที่จะบันดาลให้มันเป็นไปอย่างไรก็ได้….

    “นั่นแน่ะ…เขาเข้ามาได้จริงๆ …เขากำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่….เขาเดินตรงเข้ามาแล้ว……..



    ๔.

    ใกล้ค่ำ…ผมกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งๆ ไม่มีความจำเป็นอื่นใด  ผมแค่ต้องการเข้ามาดูว่าเธอเป็นอย่างไร…เธอจะทนได้สักแค่ไหน  ผมเดินเข้ามายืนที่หน้าเคาน์เตอร์ มองเธออยู่เงียบๆ พักหนึ่ง  ก่อนจะกระแอมเบาๆ แล้วถามในสิ่งที่ผมออกจะประหลาดใจ

    “เย็นนี้คุณดูแปลกไปนะ”  

    “ไม่นี่คะ…แปลกยังไง”  เธอตอบกลับมาโดยยังคงเช็ดถูชั้นวางสินค้าไม่วางมือ  แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมาก็เพียงพอแล้วที่ผมจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ

    “คุณแปลกไปจริงๆ นะ….แล้วทำไมคุณหน้าแดง”  ผมสังเกตได้ทันตอนที่เธอแบบชำเลืองมองมาด้วยหางตา  แล้วเธอก็หันมาประจันหน้ากับผมตรงๆ  ท่าทางเหมือนเดือดดาลเต็มที่กับการต้องพูดคุยกับผม

    “คุณ…คุณต้องการอะไร!”  เธอตะโกนใส่หน้าผม น้ำเสียงเกรี้ยวกราดไปกันไม่ได้เลยกับแววตาฉ่ำชื่นเหมือนว่ากำลังได้มองหน้าคนที่รัก

    ชัยชนะของผมอยู่แค่เอื้อม

    “ผมแค่อยากเป็นเพื่อน”  ผมตอบเหมือนกระซิบ ปรุงสำเนียงสำนึกผิดใส่เข้าไปด้วย ขณะที่โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนเธอต้องเบือนหลบ

    “ทำไมฉันต้องเป็นเพื่อนกับคุณ”  คำถามกลับสั่นเครือเหมือนกักกั้นความรู้สึกอะไรสักอย่างเอาไว้อย่างเต็มที่  

    ผมสืบเท้าเข้าใกล้เธออีกก้าวหนึ่ง  ตอนนี้เราห่างกันแค่ไม่ถึงครึ่งเมตร  แววตาและสีหน้าของเธอเวลานี้ ทำให้ผมแทบจะกระชากร่างเธอเข้ามาสวมกอดแล้วบดขยี้ริมฝีปากไล้ชิมไปทุกซอกส่วน  อีกครั้งหนึ่งแล้วที่ผมต้องสูดหายใจลึกๆ ก่อนผ่อนมันออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆ เรียกสติให้กลับคืนมา

    ผมวางมือไว้บนเครื่องคิดเงิน  ทำให้เธอมองตามด้วยสัญชาติญาณระแวดระวัง  

    “ดูนาฬิกาผมสิ”  ผมเลื่อนสายตาจากดวงหน้าเธอลงมาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง  เธอมองตามทั้งๆ ที่ยังถาม

    “ดูทำไม?”

    “แค่นาทีเดียว….” ผมวิงวอนจากใจจริง



    ๕.

    ราวกับว่าหนึ่งนาทีที่ฉันจับจ้องอยู่กับนาฬิกาเรือนทองของเขานั้นนานชั่วกัลป์  เราอยู่ใกล้กันจนฉันรู้สึกว่าได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น

    มันคล้ายกับว่าหัวใจของเราเต้นเป็นจังหวะเดียวกันด้วยซ้ำ

    เมื่อเข็มวินาทีเดินทางมาครบรอบ ฉันตวัดสายตาไปสบตาเขาอีกครั้ง  ความหมายในดวงตานั้นชัดแจ้ง…มันชัดเจนเกินไป

    “เอาหละ…บอกมาสิ” ฉันกลืนความหวาดหวั่นวาบหวามเข้าไว้ในอก  เค้นเสียงเรียบเฉยออกมาอย่างยากเย็น

    “วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว?”

    “ยี่สิบแปด”  พยายามตอบคำให้สั้นที่สุด เพื่อไม่ให้เขาจับพิรุธใดๆ ในหัวใจฉันได้อีก

    “ยี่สิบแปด…ยี่สิบแปดตุลาคม  หนึ่งนาทีก่อนหนึ่งทุ่มคุณอยู่กับผม…….เพราะคุณ  ผมจะจำนาทีนี้ไว้ จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันแล้วหนึ่งนาที   ความจริงอันนี้คุณจะปฏิเสธมันไม่ได้…เพราะเราใช้หนึ่งนาทีนี้ร่วมกัน..มันเกิดขึ้นแล้ว”

    ฉันไม่สามารถละสายตาจากเขาได้อีก  มันเหมือนมีมนตรามาร้อยรัดหัวใจและจิตวิญญาณของฉันก่อนจะค่อยๆ หลอมละลายลงด้วยแสงเพลิงจากดวงตาของคนตรงหน้า

    “พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”  

    อีกครั้งแล้วที่เขาเดินจากไป แล้วปล่อยให้ฉันจมอยู่กับความโหยหา….ถึงตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่า…ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับฉันเวลานี้มันควรจะเรียกว่าอย่างไร

    “ความรักงั้นหรือ?….เธอแน่ใจหรือบุษกร?…ว่าเธอกำลังมีความรัก”

    ฉันเวียนถามตัวเองอยู่อย่างนั้นแม้ว่าเขาจะเดินลับสายตาไปนานแล้ว

    ฉันจะจำได้หรือเปล่า….แค่เวลาหนึ่งนาที…ฉันไม่รู้  และฉันไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้

    หลังจากนั้นเขาก็มาทุกวัน  เรากลายเป็นเพื่อนกัน  จากหนึ่งนาทีกลายเป็นสองนาที  แล้วก็กลายเป็นหนึ่งชั่วโมง……


    ***************จบช่วงที่หนึ่ง***********
    เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้นหรือเรื่องสั้นขนาดยาว ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจ  แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดัดแปลงเพื่อความบันเทิงใจบวกกับความประทับใจของผู้เขียนเป็นพื้น  หากเพื่อนๆ คุ้นๆ เหมือนผ่านตาก็ขออย่าได้แปลกใจ  ถือเสียว่าเรามาแบ่งปันกันเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ด้วยกันเท่านั้น…ดีไหม

    ขอเชิญชวนเพื่อนทุกคนช่วยติติงแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะจ๊ะ….ผู้เขียนยินดีน้อมรับทุกประการ  ^____ ^

    แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 47 15:07:35

    แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 16:06:51

    แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 14:41:49

    จากคุณ : เพียงคำ - [ 2 พ.ย. 47 14:40:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป