ปีศาจวสันต์
๑.
อากาศอบอ้าวชวนง่วง ชีวิตเงียบๆ ของฉันยิ่งหงอยเหงาลงไปอีก ผู้คนผ่านไปมา จากแรกรู้จัก เป็นเริ่มทักทาย แล้วก็คุ้นเคย จากนั้นก็เริ่มชาชิน เฉยเมย ที่สุดก็ลาร้างห่างกันไป
.ก็แค่นั้น
ฉันขังตัวเองอยู่ในร้านเล็กๆ ขายของขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มทั่วๆ ไป โลกผ่านสายตาและชีวิตจากทางหน้าร้าน วันคืนผ่านเข้ามาจากทางเดียวกัน อาจมีคนพิเศษหรือวันพิเศษแวะเวียนมาบ้างแต่ฉันไม่ได้ใส่ใจ แค่ทุกวันๆ ที่ไม่ต้องถึงกับมีสุขมากมาย เพียงไม่ต้องมาห่วงว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องทุกข์ใจอะไรเข้ามากล้ำกราย ฉันก็พอใจแล้ว
แต่ชายแปลกหน้าคนนั้น
ไม่ยอมหลบหายไปจากห้วงความคิด
ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาคือใคร มีธุระอะไรแถวนี้จึงมาเปิดห้องพักข้างบน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำการงานอะไรด้วยซ้ำ เพราะช่วงสัปดาห์ที่เห็น เขาเข้าออกไม่เป็นเวลา ทุกครั้งที่ลงมา..เมื่อผ่านหน้าร้านฉัน เขาจะตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำอัดลมยี่ห้อเดิมออกมาเปิดขวดด้วยตัวเอง แล้วจึงเดินมาจ่ายเงิน
เราไม่เคยพูดคุยกัน เขายื่นเงินมาขณะเริ่มจิบมันโดยไม่ใช้หลอด ส่วนฉันก็นับเงินทอนแล้วยื่นคืนให้ด้วยความเคยชิน จนกระทั่งวันหนึ่ง
เท่าไหร่ครับ
ฉันเพิ่งได้ยินเสียงของเขาเป็นครั้งแรก มันไม่เหมือนได้ยินด้วยหู เพราะน้ำเสียงทุ้มๆ สากๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนนี้ เหมือนแทรกเข้าไปดังอยู่ในหัวใจ
ไยหนอแค่คำถามธรรมดาคำถามเดียว จึงทำให้หัวจิตหัวใจฉันหวั่นไหวได้ถึงขนาดนี้
เก้าบาทค่ะ ฉันตอบราคาขายพร้อมขวด พยายามปรับความเฉยเมยให้คงที่ เหมือนกับการตอบราคาให้กับลูกค้าทั่วไป
เมื่อเขายื่นธนบัตรใบละร้อยมาให้ ฉันจึงรีบเสไปตรวจนับเงินทอนเวียนซ้ำอยู่สองสามเที่ยว
คุณชื่ออะไร
คราวนี้ไม่มีหางเสียง แต่ฉันจับความรู้สึกได้ว่ามันอ่อนโยนกว่าคำถามแรกมากมาย
เรื่องอะไรฉันจะต้องตอบเขาด้วยเล่า แค่ลูกค้าคนหนึ่งที่ผ่านมาผ่านไปเหมือนกับใครๆ อีกหลายคน อาจจะนึกชื่นชมฉันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ฉันจึงตอบคำถามด้วยอาการนิ่งเฉย ยื่นเงินทอนให้เขาโดยวางไว้บนเคาน์เตอร์ ไม่เปิดโอกาสให้เขาฉวยโอกาสได้แม้แค่การแตะเพียงปลายมือ แต่แล้วฉันก็อดใจเอาไว้ไม่ได้
ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย
เมื่อหลุดปากออกไป ฉันรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว มันคงจะแดงซ่านจนเขาสังเกตเห็นได้เป็นแน่ ฉันรีบหันไปทำทีเป็นจัดขวดน้ำอัดลมใส่ลัง หวังให้เขาเลิกสนใจและรีบเดินจากไปเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ผมอาจจะรู้แล้วก็ได้นะ
คุณ
ชื่อ
.บุษกร วรกานต์
ใครบอกคุณ? ฉันหันขวับกลับมา ทันเห็นสายตาแฝงเลศนัยและความเป็นต่อของเขา
แทนคำตอบ เขากลับเดินอ้อมมาที่หลังเคาน์เตอร์ ฉันรีบปิดกระบะเครื่องคิดเงินเพราะไม่มั่นใจในเจตนาที่แท้จริงของเขา รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นระรัวจนเกรงว่าเขาจะได้ยิน อีกครั้งที่ฉันหันหลังหนี ไม่ทันได้นึกว่ามันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ประชิดถึงตัว แล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู
คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
ฉันรีบยกมือขึ้นทาบอก หัวใจของฉันคงกระเด็นหลุดออกมาจากร่างจริงๆ ถ้าไม่รีบเกาะกุมมันไว้ รู้สึกว่าหูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่นนอกจากชีพจรที่เต้นตุบๆ อยู่ตรงขมับ เกร็งเขม็งไปทั้งตัวเพราะคงไม่อาจหลีกเลี่ยงการสัมผัสจากเขา
แต่
เปล่าเลย
ชั่วอึดใจที่หัวใจเต้นระทึกครึกโครมอยู่นี้
มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากประโยคซ้ำๆ ที่วนเวียนไปมาอย่างไม่สิ้นสุด
คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
.คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
.คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
.คืนนี้
คืนนี้
คืนนี้
ในฝัน
.ในฝัน
ไม่!
ไม่มีทาง! ฉันแทบตะโกนออกมา ตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
ฉันไม่พบใครตรงหน้า
.เขาเดินไปจนเกือบจะเลี้ยวลับมุมถนนนั่นแล้ว
นี่ฉันเป็นอะไรไปนะ
.ความรู้สึกแบบนี้
.มันเหมือนว่าฉันกำลังถูกคุกคาม แล้วทำไมเล่าการที่ถูกผู้ชายคนนี้คุกคามมันกลับมีความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดแอบแฝงมาด้วย
นี่ฉันเป็นอะไรไป
๒.
ฟากนี้ของกรุงเทพฯ เหมือนคนละโลกกับฝั่งโน้น เหมือนกับว่าผมหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก และผมเองก็ไม่ต้องการจะรู้จักใครในที่นี้ จ่ายล่วงหน้าสองเดือนสำหรับซื้อเวลาเพื่อที่นอนใหม่ ที่ที่ไกลจากบ้านจนไม่มีใครตามมาเจอ
ที่จริงมันไม่ไกลจากบ้านมากขนาดนั้น แต่ผมรับรองกับตัวเองได้ว่า จะไม่มีใครตามมาเจอ เพราะเราไม่เคยใส่ใจกันมานานนักหนาแล้ว
ผมมีเงินไม่อั้นสำหรับการดื่มกิน เที่ยวกลางคืนและยังมีเหลือเฟือพอกระทั่งจะซื้อเครื่องบำบัดความใคร่แบบมีชีวิต
แต่มันไม่จำเป็นหรอก
.ผมมั่นใจในฝีมือการจีบผู้หญิงของตัวเองพอๆ กับที่ภารดร มั่นใจเมื่อเล่นในฮาร์ดคอร์ตนั่นแหละ
เมื่อวานนี้ผมพิสูจน์มันได้อีกครั้ง
ผมทำให้ผู้หญิงคนนั้นหน้าแดงซ่าน เขินอายเสียจนรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ด้วยซ้ำ ยังมีผู้หญิงอย่างเธอเหลืออยู่ในโลกนี้อีกหรือ ผู้หญิงที่ดูไร้เดียงสาเหลือเกิน เกินกว่าจะเป็นมารยาหรือการดัดจริตให้เป็น ยามเมื่อพบกับผู้ชายที่ถูกใจ
ผู้หญิงสมัยนี้มันก็น่าจะเหมือนๆ กันไปหมดทุกคนนั่นแหละน่ะ
ผมได้ชื่อเธอมาจากโฆษณาทางไปรษณีย์อะไรสักอย่าง ที่สอดอยู่ในช่องเอกสารรับ มันไม่ใช่เรื่องยากหากเราต้องการรู้จักชื่อของใครสักคน จากหอพักแบบนี้ เพราะตรงหน้าสำนักงาน มักจะมีที่สำหรับรับวัสดุไปรษณีย์ มีเลขห้องกำกับไว้ชัดเจน
ท่าทางเธอเหมือนลูกนกตกน้ำ เมื่อรู้ว่าผมรู้ชื่อของเธอ เธอหันหลังหนีจนผมกล้าพอจะเข้าไปกระซิบอย่างเป็นต่อ
คืนนี้คุณจะเห็นผมในฝัน
และวันนี้แหละที่ผมจะสานต่อด้วยวิธีการเฉพาะตัว ที่ใช้ได้ผลมามากต่อมาก
ผมลงจากห้องมาเร็วกว่าปกติ ยังไม่สิบเอ็ดนาฬิกาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ บุษกรของผมเหมือนกำลังสัปหงกอยู่ที่ข้างเครื่องคิดเงิน จนผมก้มลงไปสูดกลิ่นเส้นผมยาวสลวยของเธอ เธอยังไม่รู้สึกตัว ผมอยากจะปลุกเธอด้วยการจูบเบาๆที่หน้าผาก แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ก่อน
คงไม่ยากนักหรอกกับผู้หญิงท่าทางไร้เดียงสาขนาดนี้
ปฏิกิริยาภายในมันเริ่มผลักดันให้อารมณ์ของร่างกายขยับขยาย ภาพเปลือยของเธอถูกจินตนาการขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ผิวขาวละมุนกับดวงหน้าใสซื่อไร้การปรุงแต่งใดๆ กลิ่นสาวอวลเข้าจมูกจนผมต้องสูดหายใจลึกๆ แล้วเก็บกักมันไว้ในกายให้นานที่สุดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ผมอาจจะผ่อนลมหายใจแรงเกินไป เธอจึงรู้สึกตัวตื่นรีบปัดผมที่ปรกหน้าเสยกลับไปด้านหลังจนมือนั่นแทบจะตีหน้าผม
ฉันไม่ได้เห็นคุณในฝัน เธอพูดขึ้นทันทีที่เห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า
แน่ใจเหรอ
ท่าทางคุณไม่ได้นอนเลยนี่
แบบนี้คุณจะเห็นผมได้อย่างไร
ผมหันหลังเดินจากมาทันทีที่พูดจบ ไม่รอให้เธอแก้ตัวอะไรได้อีกเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อตัวผม แน่ใจได้ว่าแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับการกระตุ้นให้ใครสักคนเกิดความสนใจในตัวเรา และก็แน่ใจด้วยว่า เธอคงมองตามผมมาจนสุดสายตา
๓.
หลังจากที่เขาเดินจากไปได้ไม่ถึงชั่วโมง ฉันก็ทนฝืนร่างกายตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ฉันไม่ได้นอนเลยตลอดคืน กลัวว่าเขาจะผ่านเข้ามาถึงในฝัน ไม่กล้าคิดเลยไปว่าในนั้นเขาจะทำอะไรกับฉันบ้าง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ในห้วงแห่งฝันไม่ใช่หรือ ฉันกลัวการคุกคามของเขา กลัวการปรี่เข้ามาถึงตัวแล้วจู่โจมทำความรู้จัก
ความขัดแย้งในหัวใจถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดคืน ฉันตัดสินใจปิดร้านเมื่อใกล้เที่ยง ฟุบหลับอยู่กับเคาน์เตอร์ หวังว่าความอ่อนเพลียจะช่วยป้องกันไม่ให้เขาก้าวล่วงเข้ามาในโลกส่วนตัวของฉัน โลกฝันที่จะบันดาลให้มันเป็นไปอย่างไรก็ได้
.
นั่นแน่ะ
เขาเข้ามาได้จริงๆ
เขากำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่
.เขาเดินตรงเข้ามาแล้ว
..
๔.
ใกล้ค่ำ
ผมกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งๆ ไม่มีความจำเป็นอื่นใด ผมแค่ต้องการเข้ามาดูว่าเธอเป็นอย่างไร
เธอจะทนได้สักแค่ไหน ผมเดินเข้ามายืนที่หน้าเคาน์เตอร์ มองเธออยู่เงียบๆ พักหนึ่ง ก่อนจะกระแอมเบาๆ แล้วถามในสิ่งที่ผมออกจะประหลาดใจ
เย็นนี้คุณดูแปลกไปนะ
ไม่นี่คะ
แปลกยังไง เธอตอบกลับมาโดยยังคงเช็ดถูชั้นวางสินค้าไม่วางมือ แต่สิ่งที่เธอตอบกลับมาก็เพียงพอแล้วที่ผมจะรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
คุณแปลกไปจริงๆ นะ
.แล้วทำไมคุณหน้าแดง ผมสังเกตได้ทันตอนที่เธอแบบชำเลืองมองมาด้วยหางตา แล้วเธอก็หันมาประจันหน้ากับผมตรงๆ ท่าทางเหมือนเดือดดาลเต็มที่กับการต้องพูดคุยกับผม
คุณ
คุณต้องการอะไร! เธอตะโกนใส่หน้าผม น้ำเสียงเกรี้ยวกราดไปกันไม่ได้เลยกับแววตาฉ่ำชื่นเหมือนว่ากำลังได้มองหน้าคนที่รัก
ชัยชนะของผมอยู่แค่เอื้อม
ผมแค่อยากเป็นเพื่อน ผมตอบเหมือนกระซิบ ปรุงสำเนียงสำนึกผิดใส่เข้าไปด้วย ขณะที่โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนเธอต้องเบือนหลบ
ทำไมฉันต้องเป็นเพื่อนกับคุณ คำถามกลับสั่นเครือเหมือนกักกั้นความรู้สึกอะไรสักอย่างเอาไว้อย่างเต็มที่
ผมสืบเท้าเข้าใกล้เธออีกก้าวหนึ่ง ตอนนี้เราห่างกันแค่ไม่ถึงครึ่งเมตร แววตาและสีหน้าของเธอเวลานี้ ทำให้ผมแทบจะกระชากร่างเธอเข้ามาสวมกอดแล้วบดขยี้ริมฝีปากไล้ชิมไปทุกซอกส่วน อีกครั้งหนึ่งแล้วที่ผมต้องสูดหายใจลึกๆ ก่อนผ่อนมันออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆ เรียกสติให้กลับคืนมา
ผมวางมือไว้บนเครื่องคิดเงิน ทำให้เธอมองตามด้วยสัญชาติญาณระแวดระวัง
ดูนาฬิกาผมสิ ผมเลื่อนสายตาจากดวงหน้าเธอลงมาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง เธอมองตามทั้งๆ ที่ยังถาม
ดูทำไม?
แค่นาทีเดียว
. ผมวิงวอนจากใจจริง
๕.
ราวกับว่าหนึ่งนาทีที่ฉันจับจ้องอยู่กับนาฬิกาเรือนทองของเขานั้นนานชั่วกัลป์ เราอยู่ใกล้กันจนฉันรู้สึกว่าได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้น
มันคล้ายกับว่าหัวใจของเราเต้นเป็นจังหวะเดียวกันด้วยซ้ำ
เมื่อเข็มวินาทีเดินทางมาครบรอบ ฉันตวัดสายตาไปสบตาเขาอีกครั้ง ความหมายในดวงตานั้นชัดแจ้ง
มันชัดเจนเกินไป
เอาหละ
บอกมาสิ ฉันกลืนความหวาดหวั่นวาบหวามเข้าไว้ในอก เค้นเสียงเรียบเฉยออกมาอย่างยากเย็น
วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว?
ยี่สิบแปด พยายามตอบคำให้สั้นที่สุด เพื่อไม่ให้เขาจับพิรุธใดๆ ในหัวใจฉันได้อีก
ยี่สิบแปด
ยี่สิบแปดตุลาคม หนึ่งนาทีก่อนหนึ่งทุ่มคุณอยู่กับผม
.เพราะคุณ ผมจะจำนาทีนี้ไว้ จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันแล้วหนึ่งนาที ความจริงอันนี้คุณจะปฏิเสธมันไม่ได้
เพราะเราใช้หนึ่งนาทีนี้ร่วมกัน..มันเกิดขึ้นแล้ว
ฉันไม่สามารถละสายตาจากเขาได้อีก มันเหมือนมีมนตรามาร้อยรัดหัวใจและจิตวิญญาณของฉันก่อนจะค่อยๆ หลอมละลายลงด้วยแสงเพลิงจากดวงตาของคนตรงหน้า
พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่
อีกครั้งแล้วที่เขาเดินจากไป แล้วปล่อยให้ฉันจมอยู่กับความโหยหา
.ถึงตอนนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่า
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับฉันเวลานี้มันควรจะเรียกว่าอย่างไร
ความรักงั้นหรือ?
.เธอแน่ใจหรือบุษกร?
ว่าเธอกำลังมีความรัก
ฉันเวียนถามตัวเองอยู่อย่างนั้นแม้ว่าเขาจะเดินลับสายตาไปนานแล้ว
ฉันจะจำได้หรือเปล่า
.แค่เวลาหนึ่งนาที
ฉันไม่รู้ และฉันไม่เคยลืมผู้ชายคนนี้
หลังจากนั้นเขาก็มาทุกวัน เรากลายเป็นเพื่อนกัน จากหนึ่งนาทีกลายเป็นสองนาที แล้วก็กลายเป็นหนึ่งชั่วโมง
***************จบช่วงที่หนึ่ง***********
เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้นหรือเรื่องสั้นขนาดยาว ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดัดแปลงเพื่อความบันเทิงใจบวกกับความประทับใจของผู้เขียนเป็นพื้น หากเพื่อนๆ คุ้นๆ เหมือนผ่านตาก็ขออย่าได้แปลกใจ ถือเสียว่าเรามาแบ่งปันกันเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ด้วยกันเท่านั้น
ดีไหม
ขอเชิญชวนเพื่อนทุกคนช่วยติติงแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะจ๊ะ
.ผู้เขียนยินดีน้อมรับทุกประการ ^____ ^
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 47 15:07:35
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 16:06:51
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 14:41:49
จากคุณ :
เพียงคำ
- [
2 พ.ย. 47 14:40:28
]