CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เผื่อเธอผ่านมาอ่าน( ก็เท่านั้น )

    "ฉันรู้ดีว่าควรรักเธอให้น้อยลง......เพราะฝืนไปก็คงเสียใจอยู่อย่างนี้"

    ผมนั่งฟังเพลงนี้ ด้วยความรู้สึกหดหู่ ทำไมมันถึงตรงกับความรู้สึกผมเสียเหลือเกิน

    "เรา" ต่างก็ไม่ใช่เด็กวัยรุ่น อายุก็หลักสาม แต่ทำไมปัญหาที่ได้พบมันแลดูไร้สาระ เราอาจมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเข้ามารุมเร้า มันก็ธรรมดาของธุรกิจ เจ้าชองบริษัทฯเล็กๆ มีเงินทุนไม่กี่แสน แต่เราก็ฝ่าฟันมาจนได้ไม่ใช่หรือ?

    "ถ้าชั้นต้องมีแฟนแล้วชีวิตตกต่ำ" , "เกิดมาชั้นยังไม่เคยต้องมีหนี้สินเลยนะ" , "ทำไงได้ เราเป็นแค่แฟนกัน จะให้ชั้นลาออกจากงานที่เตี่ยชั้นฝากให้ทำ เพื่อมาช่วยธุรกิจคุณเนี่ยนะ" คำพูดเหล่านี้เสียดแทงความรู้สึกผม จนในบางครั้ง... อดคิดไม่ได้ว่า เลิกกันซะทีก็ดี

    แล้วสิ่งที่ผมทำมาตลอด 3 ปีนี่ละ..ผมออกจากงาน ... รวบรวมทุนรอนเท่าที่พอหาได้ กู้หนี้ยืมสินมาลงทุน เพียงเพราะสัญญาที่คุณให้ ว่าเราจะต่อสู้ร่วมกัน จนในปัจจุบัน บริษัทฯที่เราฝันและสร้าง ไม่มีแม้กระทั่งเงินเดือนจะจ่ายพนักงาน โทรศัพท์ถูกตัด

    เหลือเพียงผมคนเดียว ที่ต้องแบกรับวิกฤตนี้ให้ได้ ยืนต่อสู้อยู่ตามลำพัง สารพัดข้อครหา แต่..ผมต้องไม่ใส่ใจ บางครั้งอยู่คนเดียว คำว่า"สู้โว้ย" ที่หลายคนเห็นเป็นเรื่องสนุก กลับกลายมาเป็นคำที่ดีที่สุด เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ยืนหยัดต่อสู้ให้ได้

    ในความแข็งแกร่งที่หลายๆคนได้พบเจอ ผมแค่อยากบอกว่า นั่นมันหน้ากากชีวิต ใจผม..ร่ำร้องขอเพียงมีคุณมายืนเคียงข้าง กลับมาเป็นขวัญและกำลังใจ ให้ผู้ชายล้มเหลวคนนี้ กลับมายืนหยัดต่อสู้บนโลกใบนี้ต่อไปให้ได้ แต่.. มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว 1 เดือนที่ผ่านมา ผมได้รับรู้ความเย็นชา ความใจแข็ง ไม่ใส่ใจใยดี จากคุณนับครั้งไม่ถ้วน

    อยากให้คุณมาอ่านเจอเรื่องนี้จัง อย่างน้อย เพื่อให้คุณได้รับรู้ว่า "ผมรักคุณ" .. ความผิดพลาดทั้งหลายที่ผมกระทำ ผมกราบขออภัยด้วยใจจริง ผมไม่มีเจตนาให้คุณต้องเจ็บช้ำ หรือมาร่วมรับภาระกับผม คุณครับ..ธุรกิจ มันมีรวย มีจน เป็นของคู่กันเสมอ แต่สิ่งที่ผมคิดไม่ถึง คือ.. มีจน...ไม่มีคุณ



    ผมปล่อยชีวิตผมเพื่อเธอคนนั้นมานานเหลือเกิน 3 ปีที่เริ่มทำบริษัทร่วมกัน 3ปีที่กัดฟันต่อสู้ 3ปีที่คาดหวังว่า...ถึงผมจะไม่เหลือใครในโลก ผมยังมีเธออยู่ 3ปีที่ผมละทิ้งทุกอย่าง งาน ครอบครัว(พ่อ-แม่-น้อง) ย้ายถิ่นฐานไปเปิดบริษัทที่จังหวัดของเธอ ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า กรุงเทพนั้น ทำธุรกิจได้ดีกว่าต่างจังหวัด(นครปฐม) มาก

    ไม่อยากเชื่อเลยว่า 3ปีที่แล้ว ตอนเราเริ่มเปิดบริษัทฯ เธอและผม มีความสุขเหลือเกิน แต่ในที่สุด เมื่อบริษัทฯเริ่มประสบปัญหา เธอถามผมว่า..บริหารยังไง

    ผมท้วงติงเธอบ่อยครั้ง ไหนรับปากว่าจะช่วยกัน คุณดูแลบัญชี/การเงิน และการบริหาร , ส่วนผม การตลาดและการผลิต แต่เมื่อเธอไม่ทำตามที่พูด ( เธอเข้ามาดูแลในยามที่มันเสียหายไปแล้วบ้าง ) ผมซึ่งไม่ชำนาญงาน ADMIN ต้องแบ่งร่างมาทำงานทั้งหมด

    ผมยอมรับว่าผมบริหาร ดูแลการเงินไม่เป็น แต่เมื่อต้องทำ ผมก็ทำได้เท่าที่สมองก้อนเล็กๆจะทำได้..จนมันเละ

    ส่วนเธอ ไปทำงานรับใช้นักธุรกิจขนาด(เคย)ใหญ่ ในจังหวัด แลกกับเงินเดือนไม่ถึงสองหมื่น ทุ่มเททุกอย่างจนจากนักธุรกิจล้มละลาย ตอนนี้มีร้านสะดวกซื้อหลายสาขา มีเงินสะพัดวันละหลายหมื่นต่อสาขา

    ต้องยอมรับว่าเธอเป็นคนเก่ง แต่ผมมีคำถามในใจเสมอ ทำไมความเก่งนั้นไม่เผื่อแผ่มาที่บริษัทฯของ"เรา" บ้างนะ

    ไม่ใช่ผมหวังพึ่งผู้หญิง แต่ในความเป็นจริง คนทำงานทุกสาขาอาชีพ ก็มีความชำนาญต่างกันไป คงต้องยอมรับในข้อนี้ ผมอาจเก่งด้านขายและผลิต แต่ ผมต้องแบ่งร่างมาดูแลการเงิน บัญชี ปกครอง บุคคล ซึ่งผมไม่มีประสบการณ์มาก่อน จนในที่สุด...มันก็เละ..

    ผมไม่โทษเธอหรอก ผมโทษตัวผมเอง ที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง มีทุนต่ำ มีความสามารถต่ำ

    แค่..อยากระบายออก เพียงเพื่อหวีงว่า จิตใจผมจะได้ไม่อึดอัดมากนัก สามารถตั้งสติ ต่อสู้กับมโนธรรมในใจ ( ไม่มีเงินเดือนจ่ายลูกน้อง - พวกเค้าต้องลำบาก , อยากใช้หนี้เจ้าหนี้ใจจะขาด - แต่ไม่มีปัญญา ฯลฯ)

    ขณะที่พิมพ์นี้ ผมอยากปิดบริษัทฯ อยากหนีหนี้ อยากตาย แต่ผมทำไม่ได้ ผมยังต้องเปิดบริษัทอยู่ที่จังหวัดนี้ เพราะผมไม่มีเงินแม้จะจ้างรถมาขนของ ภาษียังติดค้าง ไม่อยากถูกตราหน้าว่า "หนีหนี้" ผมต้องใช้หนี้เจ้าหนี้ทุกรายให้ได้

    ส่วนเธอ..ยังคงทำงานรับใช้"เจ้านาย" ผู้ล้มบนฟูก ถูกศาลสั่งให้ล้มละลาย แต่มีธุรกิจทำเงินเดือนละเป็นล้าน ใช้ชื่อลูกทำเงินเข้ากระเป๋าอย่างสนุกสนาน

    ทิ้งให้ผม ก้มหน้าเผชิญกับชะตากรรม

    ผมผิดเองครับ .. ผมตัดสินใจเอง...

    ความรักทำให้คนตาบอดได้...จริงๆครับ


    ผมอยากให้กระทู้นี้เป็นข้อเตือนสติต่อเพื่อนๆครับ

    "รัก" อาจเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่มีพลังลึกลับที่สามารถกำหนดชีวิตเราได้อย่างน่าประหลาด

    เคยมีเพลงๆหนึ่ง ผมจำเนื้อไม่ได้แน่ชัด แต่สรุปตอนท้ายว่า "จงรักเขาเพียงครึ่งใจ"

    ได้แต่หวังว่า คงไม่มีใครต้อง "สาหัส"เพราะ"รัก" เช่นผมอีก มันเจ็บ..เกินกว่าจะบรรยายได้ครับ


    ขอทวนประโยคแรกครับ

    "ฉันรู้ดีว่าควรรักเธอให้น้อยลง....เพราะฝืนไปก็คงเสียใจอยู่อย่างนี้"

    ผมเชื่อแล้วครับ...


    ทั้งหมดจากเรื่องจริงในชีวิตผมครับ

    จากคุณ : ผมเอง - [ 2 พ.ย. 47 20:14:37 A:203.118.112.40 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป