* * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงแรก) + ตอบความคิดเห็นผู้อ่าน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3099880/W3099880.html
******************************************
๖.
ผู้หญิงก็เท่านี้ แค่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีความรัก เธอก็จะยอมคนที่เธอรักทุกอย่าง เธอไม่สนใจใครอื่นหรอก หากว่าคนที่เธอรักร้องขอสิ่งใด ขอเพียงให้คนที่เธอรัก ให้คำมั่นสัญญากับเธอเท่านั้นว่า
ที่รัก
ผมรักคุณมากเหลือเกิน
ผมจะรักคุณตลอดไป
เฮอะ!
ผู้หญิง แค่คำพูดไม่กี่ประโยคเท่านี้มันคุ้มเหลือจะคุ้ม ผมมีแต่ได้กับได้ จะมีเสียนิดหน่อยก็คือเรี่ยวแรงที่จะโหมเหินไปยังจุดสุดยอดในแต่ละครั้ง
มันก็เท่านั้น
จากนาทีแรกที่เราใช้เวลาร่วมกัน จนถึงนาทีนี้ที่เธอกอดซบอยู่ในอ้อมอก ผมรู้ว่าเธอไม่สามารถตัดใจไปรักใครอื่นได้อีกแล้ว และผมก็พร้อมจะรักเธอได้อย่างนี้ตลอดไป
เรารู้จักมานานเท่าไหร่แล้วคะ บุษถามขึ้นลอยๆ ขณะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไรขนที่ท้องน้อยของผมเล่น
นานมาก
ผมจำไม่ได้ ผมตอบไปตามความรู้สึก มันนานมากจริงๆ ถ้าเทียบกับเวลาที่ผมสละให้ผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านๆ มา
เธอนิ่งไปอีกพักใหญ่ เลื่อนมือขึ้นมาไล้เล่นที่ซอกคอ จนผมต้องสูดหายใจลึก เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์รันจวนที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกคราว
ญาติฉันกำลังจะแต่งงาน เธอคงหมายถึงญาติคนเดียวที่เช่าห้องเปิดร้านอยู่ด้วยกัน
ผม
ต้อง
แสดงความยินดีด้วย
ใช่ไหม.. ผมถามเรียบเรื่อยทำทีเป็นไม่รู้ทันในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไป
เธอบอกว่าจะย้ายไปอยู่บ้านสามี
.
แล้วไง
ฉันต้องหาที่อยู่ใหม่
. บุษยันกายขึ้นนั่งเท้าแขน แล้วมองหน้าผมตรงๆ เป็นธรรมดาที่ผมต้องเบือนสายตาหลบเลี่ยง เวลาที่ผู้หญิงจ้องมองเราอย่างนี้ ถ้าเรายังไม่พร้อมจะแต่งงานกับเธอ เราต้องไม่ประสานสายตากับเธอโดยเด็ดขาด
ฉันอยากมาอยู่กับคุณ ในที่สุดเธอก็เอ่ยออกมา
งั้นหรือ?
จะให้ฉันบอกพ่อว่ายังไง เสียงเธอเข้มข้นจริงจังพอๆ กับสายตาที่มองมา
มีอะไรต้องบอก ผมจำต้องพลิกตัว หันหนีกระแสการผูกมัดที่เธอกำลังก่อขึ้น รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเป็นครั้งแรกสำหรับการได้อยู่ใกล้กับเธอขนาดนี้
ก็
เรื่องระหว่างเรา คราวนี้เหมือนเธอเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาบ้าง
ระหว่างเรามีอะไร
. ผมถามโดยไม่หันไปมอง จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น
เมื่อผมหันกลับมา บุษลุกจากเตียงไปแล้ว เธอหลบเข้าไปสะอึกสะอื้นอยู่ในห้องน้ำพักหนึ่ง ก่อนจะทำใจแข็งมายืนต่อหน้าผมอีกครั้ง ..
ไม่รู้ว่ามันคือความละอายใจหรือเปล่าที่ฉุดให้ผมลุกขึ้นจากเตียง มาใช้มือเสยผมยุ่งๆ อยู่หน้ากระจก ขณะเหลือบมองหน้าเธอไปพร้อมๆ กัน
ฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว
. กว่าจะเค้นประโยคนี้ออกมาได้ เธอก็สวมกระโปรงเรียบร้อยแล้ว
บุษนั่งลงที่ปลายเตียง รัดสายรั้งรองเท้าส้นเตี้ยสีดำทรงเชย โดยไม่ละสายตาไปจากเงาของผมในกระจก
ผมอัดควันบุหรี่เข้าไปในปอดติดๆ กันหลายครั้ง แล้วปล่อยให้มันคุระอุอยู่ในอก มุ่งความอดทนเพื่อสะกดกั้นมันไว้ในตัว แทนที่จะหันมองตาม หรือเอ่ยยับยั้งอะไรขณะที่เธอก้าวออกจากห้องไป
๗.
เขาต้องรักฉัน
เขารักฉันแน่ๆ ฉันแน่ใจ เพียงแต่ว่าเขาคงไม่พร้อม ผู้ชายอิสระอย่างนี้จะมาตัดสินใจง่ายๆ ได้อย่างไรหากคิดจะใช้ชีวิตกับใครสักคน
ฉันอาจจะผิดเองที่รุกเร้าเขาเร็วเกินไป แต่ก็เพราะฉัน
ฉันทุ่มเทให้เขาทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือ ตอนแรกก็ความรู้สึกดีๆ ต่อมาก็หัวใจทั้งดวง แล้วที่สุดก็ยอมมอบร่างกายให้เขาชมเชย
.ฉันรู้ตัวเองดี ฉันไม่ใช่คนโง่หรือใจง่าย ถ้าใครมารู้สึกได้แบบเดียวกับฉัน เขาคนนั้นก็ต้องทำอย่างฉันด้วยกันทั้งนั้น
ตั้งแต่คำพูดสุดท้ายที่ฉันทิ้งไว้ก่อนตัดใจเดินออกมาจากห้อง หยุดรอที่นอกประตูอีกครู่หนึ่งด้วยซ้ำ หวังให้เข้ามาออกมาง้องอน แต่ถึงเขาจะไม่ตามออกมา ฉันก็ยังมั่นใจว่าเขายังรัก ฉันเห็นเขาแอบมองฉันเดินจากมาจากทางหน้าต่าง เราทันได้สบตากันวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะผละไป
ไม่รู้สินะ
ทำไมฉันถึงไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย คิดเงินทอนเงินผิดหลายครั้ง ฉันไม่ได้เฝ้ารอให้เขาติดต่อมาสักหน่อย
ฉันไม่ได้คิดจะติดต่อกลับไปหาเขาสักนิด
ทำไมฉันจะต้องคิดอย่างนั้นด้วย
ในเมื่อมั่นใจว่าเราต่างก็รักกันจริงๆ
แล้วมันกี่วันแล้วนะนี่ที่เขาไม่ยอมติดต่อมา
.
๘.
คุณชัชคะคุณชัช
ขอบคุณที่คุณกลับมาได้ สายไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ
.คุณท่านเมาพับอยู่ในห้องน้ำตั้งแต่เช้า
เธอเพิ่งกลับมาเมื่อเช้า คุณชัชช่วยเข้าไปดูเธอหน่อยนะคะ
แม่บ้านชรารีบรายงานทันทีที่ชัชชัย กลับเข้าบ้าน ถึงแม้เขาจะเคยหายไปจากบ้านครั้งละนานๆ แบบนี้บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่กลับเข้ามา เขาไม่ได้พกพาความสุขสดชื่นกลับมาด้วยเลย ทั้งๆ ที่เขาให้เหตุผลเดียวกันเสมอ
แค่หลบไปพักผ่อนสักพัก
ไม่ต้องห่วง
คุณมีกันแค่สองคนแค่นี้ ทำไมไม่สนใจไยดีกันบ้างเลยล่ะคะ
..ถึงคุณนายเธอจะไม่ใช่
เอ่อ
ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของคุณ แต่เธอก็เลี้ยงคุณมาจนถึงขนาดนี้
. ผู้สูงวัยบ่นไปตามนิสัย บวกกับดูแลคนทั้งสองมานาน จนกล้าที่จะพูดและไม่ถือสาการโต้ตอบแรงๆ ที่ชายหนุ่มมักย้อนเอาเป็นประจำ
เรื่องของผมกับเธอ ป้าสายไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นอะไร ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ มีความหมายแฝงอยู่ด้วยว่า จากคำนี้หากเขาไม่ถามอะไร ก็ไม่ต้องพูดอะไรออกมาก่อน
แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ดูเหมือนคุณนายท่านจะหลงเขาเอามากๆ นี่ต่างหูเพชรคู่ที่ใช้เมื่อคืนก็ไม่รู้หายไปไหนแล้วด้วยนะคะ
หญิงชราไม่ใส่ใจสีหน้ารำคาญของชัชชัย นายน้อยที่เธอเลี้ยงมาด้วยแบบที่ไม่เคยได้อย่างใจ
ภาพของหญิงสูงวัยอีกคนนอนคอพับพาดอยู่กับชักโครก ผู้หญิงที่เขาเลิกเรียกว่า แม่ มานานตั้งแต่รู้ว่าเธอไม่ใช่แม่แท้ๆ ของตน ทั้งยังบอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกร้ายกับคนที่เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เล็กจนโตได้ถึงขนาดนี้ เพราะเพียงแค่เหตุผลที่ว่า เธอไม่ยอมบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใครมาจากไหน มันไม่น่าจะสร้างความรู้สึก..อาจจะถึง
เกลียดชัง
เธอได้รุนแรงถึงขนาดนี้
คุณ คุณๆ ชายหนุ่มตบที่แก้มของผู้ที่ฟุบอยู่ตรงหน้าเบาๆ แต่ก็มีเพียงเสียงคร่ำครวญดังลอดลำคอออกมา
สะใจไหม
สะใจใช่ไหมที่เห็นฉันเป็นอย่างนี้
เมาเหมือน
.ชิ
.ดีแต่หลงผู้ชาย เขายั้งคำเปรียบไว้ได้ทัน หันไปมุ่งประเด็นที่ทำให้เธอมีสภาพเป็นเช่นนี้แทน
ชัชชัยกึ่งประคองกึ่งลาก คนที่ตนเคยเรียกว่า แม่ ออกมาจากห้องน้ำ ผลักไสให้ล้มตัวลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก แค่นี้เขาก็มีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนอื่น เหมือนกับที่รู้สึกกับบุษกร หญิงสาวบริสุทธิ์จริงๆ ที่เขาปล้นชัยชนะจากพรหมจรรย์ของเธอมาได้อย่างไม่ยากเย็น แม้จะใช้เวลาอีกสองคืนที่หอพักนั่น พาผู้หญิงอีกสามสี่คนมาฟาดฟันกันจนยับเยินกันทั้งสองฝ่าย แต่ภาพการคร่ำครวญของเธอยามที่อยู่ใต้ร่างแกร่งของเขาก็ยังไม่ลบเลือนจากไป
สะใจแล้วใช่ไหมที่เห็นฉันเป็นอย่างนี้ ผู้ที่ซบอยู่กับเตียงยังพึมพำ แล้วก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อาย
ชัช
เธอรู้ไหมว่ากว่าจะเลี้ยงเธอมาจนโตนี่ฉันต้องเสียสละแค่ไหน
เธอรู้ไหม
.รู้ไหม
ผมไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ตอนนี้
.ป้าสายบอกว่าต่างหูเพชรคู่นั้น ที่คุณใส่ออกไปเมื่อคืน คุณไม่ได้ติดตัวกลับมา
มันเรื่องของฉัน
...เงินของฉัน ผู้ยังคงสะอึกสะอื้นส่งเสียงเกรี้ยวกราด
เงินของคุณ
งั้นหรือ
คุณแน่ใจอย่างนั้นหรือ เขาโวยขึ้นมาบ้าง เบื่อเหลือเกินการทะเลาะกับคนไม่สร่างเมา ตั้งแต่ครั้งที่เขาคาดคั้นเอาความจริงกับเธอ ก็ดูเหมือนว่าเธอจะเอาความมึนเมามาเป็นเกราะป้องกันตัวตั้งแต่นั้น
ไม่มีเสียงตอบโต้ใดมาจากหญิงสูงวัยที่นอนซบหมอนตรงหน้าอีกนอกจากเสียงสะอื้นกระซิกซ้ำๆ เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างดีเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบรอยอาเจียน ชายหนุ่มไม่สนใจจะบงการให้แม่บ้านเปลี่ยนชุดให้คุณนาย เขาเดินออกมาจากตรงนั้น พร้อมกับเอ่ยถามกับคนที่น่าจะรู้เรื่องอะไรดีที่สุด
มันเป็นใคร?
๙.
ฉันพยายามเช็ดเครื่องสำอางโดยไม่สนใจผู้ชายสองคนที่เหมือนลากกันผ่านเข้ามาถึงในห้องแต่ตัว เครื่องแบบของคนที่ถูกลากนั้นเป็นถึงระดับกัปตันเชียวนะ เรื่องอะไรฉันจะต้องสนใจมัน
เป็นแมงดาแล้วยังไม่พอ ยังคอยหลอกล่อสาวแก่แม่หม้ายอย่างมันก็สมควรแล้วที่จะโดนใครสักคนลากมากระทืบที่หลังร้าน
นักเต้นอย่างฉันจะต้องไปแคร์อะไรกับกงการของชาวบ้าน ต่อให้ไอ้คุณท่านกัปตันนั่นมันร้องอ้อนวอนขอชีวิต ฉันก็จะไม่หันไปมองเด็ดขาด แต่อาจจะทำเป็นเข้าไปปลอบมันนิดหน่อยก็ได้นะ หลังจากที่มันโดนยำตีนจนน่วม
มันก็เพื่ออนาคตของงานในหน้าที่ของฉันเท่านั้น
แค่ต่างหูคู่เดียว..เอาคืนไปเลย! กัปตันหนุ่มรูปหล่อของฉันตะโกนออกมาเหมือนร้องขอชีวิตซะมากกว่า
น่าแหละนะ ริจะหากินกับผู้หญิง พอผัวเขามาตามคิดบัญชีก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้
หน้าตัวเมียชัดๆ
ท่าทางมันจะปาใส่หน้านายคนนั้นด้วยหละมั้ง ถึงได้โดนกระทืบแถมอีกหลายที
แกเอาไปแค่นี้หรือไง เสียงของคู่อรินั่นไม่เหมือนโมโห มันเหมือนกับสัตว์ร้ายกำลังเล่นทรมานเหยื่อมากกว่า
ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ขโมย..ไม่ได้ขโมย เธอให้ผมเอง
มันอะไรกันนักหนา แค่ต่างหูคู่เดียวไม่ใช่หรือ หรือว่ามันจะถูกจับได้คาหนังคาเขาตอนกำลังล่อใครสักคนอยู่ในห้องคาราโอเกะส่วนตัว ฉันพยายามจะไม่มองหรอกนะแต่มันก็อดไม่ได้ แค่มองผ่านกระจกแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำทีเป็นเช็ดเครื่องสำอางช้าๆ เหมือนคนรักสวยรักงามดีๆ คนหนึ่งเค้าทำกัน ตานั่นคงไม่หันมาปาลูกหลงใส่ฉันด้วยอีกคนหนึ่งหรอกน่า
นั่นไอ้กัปตันของฉันมันทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุดกระทืบ
กระทืบ..กระทืบ จะแค้นอะไรกันนักหนา
เป็นค่าตัวอย่างงั้นเหรอ..เป็นแค่ค่าจ้างอย่างงั้นใช่มั้ย!!
เขากระทืบไปถามไปจนฉันรู้สึกสงสารหัวหน้างานของฉันขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ครั้งจะสอดมือเข้าไปก็ใช่ที่ จนตานั่นหันมองมาที่ฉันนั้นแหละ ฉันจึงต้องรีบก้มหน้าก้มตาคุ้ยค้นหาอะไรต่อมิอะไรในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งนี่ ไม่ทันได้มองตอนเขามาคว้าเครื่องเป่าไปจากโต๊ะข้างๆ
รู้อีกทีก็ตอนที่เหลือบมองผ่านกระจกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงอะไรทึบๆ ดังตุ้บๆ ถี่อีกหลายครั้ง
เขากำลังใช้เครื่องเป่าผมอันใหญ่นั้นฟาดลงบนตัวของกัปตันอย่างไม่ยั้งมือ หากินกับผู้หญิงมันง่ายดีใช่ไหม..ใช่ไหม
ตานี่โมโหเหมือนคนบ้าคลั่งอะไรสักอย่าง อยู่ฉันก็นึกอิจฉาเขาขึ้นมาซะอย่างนั้น
แหม
มันจะรู้สึกยังไงนะถ้าฉันได้กระทืบๆๆ ทุบๆๆ ใครสักคนด้วยเครื่องเป่าผมนั่น
ก็ได้..ก็ได้
ผมขโมยเค้ามา เสียงนั้นเบากว่ากระซิบ อาจจะกำลังละอายใจหละมั้งที่พูดความจริง คนเรามันก็เป็นซะอย่างนี้
ว่าอะไรนะ
พูดดังๆ ซิ พูดให้มันดังๆ อีกคนยิ่งกรรโชกข่มขู่
ผมขโมย
ผมขโมยมาเอง เสียงนี้ดังขึ้นมาอีกนิดก่อนที่เสียงกระทืบและฟาดด้วยเครื่องเป่าผมจะดังกว่าและดังตามมาอีกหลายที
พูดดังๆ
..พูดให้มันดังๆ
.
ผมขโมยเอง
ผมขโมยยายแก่นั่นมาเอง
ผมขโมยของเขามาเอง สิ้นคำเขาก็ทรุดลงไปจากท่าทางที่พยายามปิดป้องกันตัวเองจากฝ่าเท้าและของแข็ง
จำเอาไว้นะ อย่าให้เห็นแกกับเธออีก..เข้าใจไหม คนที่ชนะโดยไม่บอบช้ำอะไรเลยสักนิดนอกจากผมที่เสียทรงไปเล็กน้อยกำชับ
เพล้งงงงงงง!!!!!!!!!
เขาปาเครื่องเป่าผมใส่กระจกเป็นการแถมท้าย ก่อนจะเหยียบบี้เศษกระจกที่แตกร่วงลงมาที่หลังของไอ้พี่กัปตัน
ยำจานนี้ปรุงเสร็จแน่แล้ว ฉันรีบขยับไปคว้าชุดปกติมาทำท่าจะเปลี่ยนกับชุดทำงาน คงต้องทำท่าเขินอายเล็กน้อยกระมังเขาถึงจะเดินออกไปดีๆ
แต่เขากลับเดินมาหยุดที่ข้างๆ ฉัน แล้วเริ่มหวีผมทรงเสยจากหวีที่เขาพกมาเอง
คนอะไรวะเนี่ย
๑๐.
ป้าสายบอกว่ามันเป็นกัปตันอยู่ที่ร้านนี้ นี่ยังขั้นปรานีนะ เพราะผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำร้ายใคร มันอาจจะซวยนิดหน่อยที่ดันมาก่อเรื่องตอนที่ผมอยากจะระบายอารมณ์
การระบายอารมณ์กับการคิดจะทำร้ายใครของผมมันต่างกันมาก การระบายอารมณ์นั้นคือการทำอะไรก็ได้ให้มันผ่อนคลายจากอารมณ์ที่คั่งค้าง แต่การทำร้ายนั้นคือการจะต้องตระเตรียมการอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อความสุขหรือสะใจของใครสักคนหนึ่ง
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพื่อความสะใจของผมเองนี่แหละ
ผู้หญิงที่แอบมองอยู่นั่นคงจะขวัญหนีดีฝ่อไปเลยที่เห็นท่าทางทารุณขนาดนี้ของผม ก็ดีเหมือนกัน..คนเขาจะได้รู้กันทั่วว่าถ้ายุ่งกับ คุณ ของผมแล้วจะต้องได้รับโทษอย่างไร
ผมทำทีเป็นเดินมาหวีผมที่ข้างๆ เธอ อยู่ในชุดผ้าบางๆ สองชิ้นปิดบนหนึ่งล่างหนึ่งนี่แล้วเธอก็ดูสวยดีพิลึก
คุณจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เชิญตามสบาย ผมบอกเธอด้วยเสียงนุ่มๆ หลังจะตะโกนจนเจ็บคอกับไอ้แมงดาหน้าหล่อที่นอนจมกองเลือดอยู่นั่น
เธอค่อยๆ หันหลังให้แล้วใช้ผ้าคลุมผืนใหญ่ห่อตัวเอาไว้ ก่อนจะเปลื้องผ้าสองชิ้นที่ประดับดิ้นเงินดิ้นทองระยิบระยับนั่น เหมือนเธอกำลังจะยั่วยวนผมด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่สนใจจะขยับผ้าคลุมให้กระชับทั้งที่มันเลื่อนมาจนเป็นตลอดตั้งแต่ต้นคอระหง แผ่นหลังขาวเนียน จนถึงร่องรอยของกอยก้นที่งอนงามน่าฟัด
ผมคงต้องจงใจทิ้งอะไรบางอย่างไว้
.สำหรับการสานต่อ
๑๑.
โล่งอก
ฉันถอนหายใจแรง เมื่อตานั่นออกไปแล้ว นี่กะว่าจะให้ช่วยรูดซิปหลังให้สักหน่อย แต่ไม่เป็นไร เกิดพอดีพอร้ายมันคิดจะข่มขื่นฉันขึ้นมาจะทำยังไง มิต้องยอมมันง่ายๆ หรอกหรือ
ฉันหันกลับมาบรรจงแปรงผมช้าๆ พยายามผ่อนลมหายใจและไม่สนใจไอ้ที่นอนกองอยู่ตรงมุมห้องนั่น
แสงอะไรสะท้อนเข้าตาจากไฟหน้ากระจก อุ้ย!
ดอกไม้เพชร
.เพชรแท้ๆ เสียด้วย
.สวยจริงต่างหูคู่นี้
ถึงว่าทำไมตานั่นถึงต้องตามมาทอง..มันข้างละกี่กะรัตกันล่ะเนี่ย
ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมันขึ้นมาทาบดูกับติ่งหู
สวยจริงๆ ชีวิตนี้เมื่อไหร่จะมีวาสนาใส่ของสวยๆงามๆ อย่างนี้บ้างหนอเรา ฉันช่วยปลงให้กับตนเองไปพร้อมๆ กับการกุมต่างหูคู่งามไว้ในมือ
แล้วเขาก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาอีกครั้ง
ผมลืมต่างหูไว้
คุณเห็นบ้างไหม
มะ
มะไม่
ไม่เห็น
ฉันหย่อนต่างหูคู่งามลงในกระเป๋าถือทันทีโดยแน่ใจว่าเขาไม่ทันได้สังเกต
หะ..หะ..ให้ฉันช่วยหาไหม
. บังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นขณะที่เขาย่างสามขุมตรงเข้ามา จนฉันต้องรีบทำเป็นก้มลงมองหาตามพื้น
เขาคว้ากระเป๋าฉันไปค้นโดยฉันยังไม่ทันได้ทำอะไร
นี่คุณ
มันจะมากเกินไปแล้วนะ ต้องทำเสียงเขียวใส่
ไปอย่างนั้นเอง
เมื่อเขาหยิบต่างหูรูปดอกไม้เพชรขึ้นมาจากกระเป๋า ฉันก็ต้องรีบทำหน้าตกอกตกใจ อุ๊ย!
ตกลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ดูเขาไม่สนใจฉันอีก
เพราะเมื่อโยนกระเป๋าคืนมาเขาก็หันหลังทำท่าจะเดินออกจากประตูไป
คืนนี้ฉันต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย
ดีนะที่เขาไม่เอาเรื่อง
คุณอยากได้มันเหรอ
ฉันถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเขาอีกครั้ง เขาหันกลับมายืนเกาะกรอบประตูด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรในโลกน่าสนใจไปกว่าฉันอีกแล้ว
เอ้า!
รับ
แล้วเขาก็โยนดอกไม้เพชรข้างหนึ่งมาให้ แน่นอนฉันต้องรับมันได้อยู่แล้ว
ของแพง ของฟรี ของดีอย่างนี้ใครจะปล่อยให้หลุดมือ
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณ เขาก็ปิดประตูตามหลังไปแล้ว
คนอะไร
ท่าจะสติไม่ดี
เอาเถอะ..ถือซะว่าไอ้พี่กัปตันฟาดเคราะห์แทนฉันไปก็แล้วกัน
ฉันหันมาหน้ากระจกอีกครั้ง ยกต่างหูรูปดอกไม้เพชรขึ้นทาบกับติ่งหูอีกรอบ ไม่มีอะไรใจเหมาะกับใบหูสวยๆ ของฉันได้มากกว่านี้อีกแล้ว
แต่
เอ๊ะ!
.ทำไมมีข้างเดียว
.ใช่สิ ก็เขาโยนมาให้อีกข้างเดียว
ไม่ได้
ไม่ได้
เรื่องอะไรฉันจะต้องเสียอีกข้างนึงไปโดยใช่เหตุ
๑๒.
ผมยืนรอแม่สาวดาวเต้นอยู่ที่เชิงบันไดหน้าร้าน ไม่ถึงห้านาทีเธอก็แทบจะถลาเข้ามาหา
.
นี่คุณ
แล้วอีกข้างนึงล่ะ เธอตะโกนถาม เห็นได้ชัดเหลือเกินว่า ชีวิตเธอขึ้นอยู่กับอะไร
ผมโชว์ต่างหูอีกข้างให้เธอดูก่อนจะหย่อนมันลงในกระเป๋าเสื้อ ยิ้มให้เธออย่างที่เธอควรจะเข้าใจได้ดี
อีกข้างอยู่ที่ห้องผม อยากจะได้ไหมล่ะครับ
***********จบช่วงที่สอง*************
เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้นหรือเรื่องสั้นขนาดยาว ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดัดแปลงเพื่อความบันเทิงใจบวกกับความประทับใจของผู้เขียนเป็นพื้น หากเพื่อนๆ คุ้นๆ เหมือนผ่านตาก็ขออย่าได้แปลกใจ ถือเสียว่าเรามาแบ่งปันกันเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ด้วยกันเท่านั้น
ดีไหม
ขอเชิญชวนเพื่อนทุกคนช่วยติติงแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะจ๊ะ
.ผู้เขียนยินดีน้อมรับทุกประการ ^____ ^
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 47 01:53:18
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 47 01:50:31
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 47 01:14:18
จากคุณ :
เพียงคำ
- [
4 พ.ย. 47 01:10:29
]