CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    * * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงที่สอง)

    * * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงแรก) + ตอบความคิดเห็นผู้อ่าน
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3099880/W3099880.html



    ******************************************




    ๖.

    ผู้หญิงก็เท่านี้ แค่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีความรัก เธอก็จะยอมคนที่เธอรักทุกอย่าง  เธอไม่สนใจใครอื่นหรอก หากว่าคนที่เธอรักร้องขอสิ่งใด  ขอเพียงให้คนที่เธอรัก ให้คำมั่นสัญญากับเธอเท่านั้นว่า

    “ที่รัก…ผมรักคุณมากเหลือเกิน…ผมจะรักคุณตลอดไป”

    เฮอะ!…ผู้หญิง แค่คำพูดไม่กี่ประโยคเท่านี้มันคุ้มเหลือจะคุ้ม  ผมมีแต่ได้กับได้ จะมีเสียนิดหน่อยก็คือเรี่ยวแรงที่จะโหมเหินไปยังจุดสุดยอดในแต่ละครั้ง…มันก็เท่านั้น

    จากนาทีแรกที่เราใช้เวลาร่วมกัน จนถึงนาทีนี้ที่เธอกอดซบอยู่ในอ้อมอก  ผมรู้ว่าเธอไม่สามารถตัดใจไปรักใครอื่นได้อีกแล้ว  และผมก็พร้อมจะรักเธอได้อย่างนี้ตลอดไป…

    “เรารู้จักมานานเท่าไหร่แล้วคะ”  บุษถามขึ้นลอยๆ ขณะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไรขนที่ท้องน้อยของผมเล่น

    “นานมาก…ผมจำไม่ได้”  ผมตอบไปตามความรู้สึก มันนานมากจริงๆ ถ้าเทียบกับเวลาที่ผมสละให้ผู้หญิงคนอื่นที่ผ่านๆ มา

    เธอนิ่งไปอีกพักใหญ่  เลื่อนมือขึ้นมาไล้เล่นที่ซอกคอ จนผมต้องสูดหายใจลึก เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์รันจวนที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกคราว

    “ญาติฉันกำลังจะแต่งงาน”  เธอคงหมายถึงญาติคนเดียวที่เช่าห้องเปิดร้านอยู่ด้วยกัน

    “ผม…ต้อง…แสดงความยินดีด้วย…ใช่ไหม..”  ผมถามเรียบเรื่อยทำทีเป็นไม่รู้ทันในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดต่อไป

    “เธอบอกว่าจะย้ายไปอยู่บ้านสามี….”

    “แล้วไง…”  

    “ฉันต้องหาที่อยู่ใหม่….”  บุษยันกายขึ้นนั่งเท้าแขน แล้วมองหน้าผมตรงๆ  เป็นธรรมดาที่ผมต้องเบือนสายตาหลบเลี่ยง  เวลาที่ผู้หญิงจ้องมองเราอย่างนี้  ถ้าเรายังไม่พร้อมจะแต่งงานกับเธอ  เราต้องไม่ประสานสายตากับเธอโดยเด็ดขาด

    “ฉันอยากมาอยู่กับคุณ”  ในที่สุดเธอก็เอ่ยออกมา

    “งั้นหรือ?”

    “จะให้ฉันบอกพ่อว่ายังไง” เสียงเธอเข้มข้นจริงจังพอๆ กับสายตาที่มองมา

    “มีอะไรต้องบอก”  ผมจำต้องพลิกตัว หันหนีกระแสการผูกมัดที่เธอกำลังก่อขึ้น  รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเป็นครั้งแรกสำหรับการได้อยู่ใกล้กับเธอขนาดนี้

    “ก็…เรื่องระหว่างเรา”  คราวนี้เหมือนเธอเริ่มไม่มั่นใจขึ้นมาบ้าง

    “ระหว่างเรามีอะไร….” ผมถามโดยไม่หันไปมอง จุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น

    เมื่อผมหันกลับมา บุษลุกจากเตียงไปแล้ว เธอหลบเข้าไปสะอึกสะอื้นอยู่ในห้องน้ำพักหนึ่ง ก่อนจะทำใจแข็งมายืนต่อหน้าผมอีกครั้ง ..  

    ไม่รู้ว่ามันคือความละอายใจหรือเปล่าที่ฉุดให้ผมลุกขึ้นจากเตียง มาใช้มือเสยผมยุ่งๆ อยู่หน้ากระจก ขณะเหลือบมองหน้าเธอไปพร้อมๆ กัน

    “ฉันจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว….”  กว่าจะเค้นประโยคนี้ออกมาได้  เธอก็สวมกระโปรงเรียบร้อยแล้ว  

    บุษนั่งลงที่ปลายเตียง  รัดสายรั้งรองเท้าส้นเตี้ยสีดำทรงเชย โดยไม่ละสายตาไปจากเงาของผมในกระจก

    ผมอัดควันบุหรี่เข้าไปในปอดติดๆ กันหลายครั้ง แล้วปล่อยให้มันคุระอุอยู่ในอก  มุ่งความอดทนเพื่อสะกดกั้นมันไว้ในตัว  แทนที่จะหันมองตาม หรือเอ่ยยับยั้งอะไรขณะที่เธอก้าวออกจากห้องไป……




    ๗.


    เขาต้องรักฉัน…เขารักฉันแน่ๆ  ฉันแน่ใจ  เพียงแต่ว่าเขาคงไม่พร้อม  ผู้ชายอิสระอย่างนี้จะมาตัดสินใจง่ายๆ ได้อย่างไรหากคิดจะใช้ชีวิตกับใครสักคน

    ฉันอาจจะผิดเองที่รุกเร้าเขาเร็วเกินไป  แต่ก็เพราะฉัน…ฉันทุ่มเทให้เขาทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือ  ตอนแรกก็ความรู้สึกดีๆ  ต่อมาก็หัวใจทั้งดวง แล้วที่สุดก็ยอมมอบร่างกายให้เขาชมเชย….ฉันรู้ตัวเองดี ฉันไม่ใช่คนโง่หรือใจง่าย  ถ้าใครมารู้สึกได้แบบเดียวกับฉัน  เขาคนนั้นก็ต้องทำอย่างฉันด้วยกันทั้งนั้น

    ตั้งแต่คำพูดสุดท้ายที่ฉันทิ้งไว้ก่อนตัดใจเดินออกมาจากห้อง  หยุดรอที่นอกประตูอีกครู่หนึ่งด้วยซ้ำ หวังให้เข้ามาออกมาง้องอน  แต่ถึงเขาจะไม่ตามออกมา  ฉันก็ยังมั่นใจว่าเขายังรัก  ฉันเห็นเขาแอบมองฉันเดินจากมาจากทางหน้าต่าง  เราทันได้สบตากันวูบหนึ่งก่อนที่เขาจะผละไป

    ไม่รู้สินะ…ทำไมฉันถึงไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย  คิดเงินทอนเงินผิดหลายครั้ง  ฉันไม่ได้เฝ้ารอให้เขาติดต่อมาสักหน่อย…ฉันไม่ได้คิดจะติดต่อกลับไปหาเขาสักนิด

    ทำไมฉันจะต้องคิดอย่างนั้นด้วย…ในเมื่อมั่นใจว่าเราต่างก็รักกันจริงๆ

    …แล้วมันกี่วันแล้วนะนี่ที่เขาไม่ยอมติดต่อมา….



    ๘.

    “คุณชัชคะคุณชัช…ขอบคุณที่คุณกลับมาได้  สายไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะ….คุณท่านเมาพับอยู่ในห้องน้ำตั้งแต่เช้า…เธอเพิ่งกลับมาเมื่อเช้า  คุณชัชช่วยเข้าไปดูเธอหน่อยนะคะ”

    แม่บ้านชรารีบรายงานทันทีที่ชัชชัย กลับเข้าบ้าน  ถึงแม้เขาจะเคยหายไปจากบ้านครั้งละนานๆ แบบนี้บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่กลับเข้ามา  เขาไม่ได้พกพาความสุขสดชื่นกลับมาด้วยเลย  ทั้งๆ ที่เขาให้เหตุผลเดียวกันเสมอ

    “แค่หลบไปพักผ่อนสักพัก…ไม่ต้องห่วง”

    “คุณมีกันแค่สองคนแค่นี้ ทำไมไม่สนใจไยดีกันบ้างเลยล่ะคะ…..ถึงคุณนายเธอจะไม่ใช่…เอ่อ…ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของคุณ แต่เธอก็เลี้ยงคุณมาจนถึงขนาดนี้….”  ผู้สูงวัยบ่นไปตามนิสัย บวกกับดูแลคนทั้งสองมานาน จนกล้าที่จะพูดและไม่ถือสาการโต้ตอบแรงๆ ที่ชายหนุ่มมักย้อนเอาเป็นประจำ

    “เรื่องของผมกับเธอ  ป้าสายไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นอะไร”  ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ  มีความหมายแฝงอยู่ด้วยว่า จากคำนี้หากเขาไม่ถามอะไร ก็ไม่ต้องพูดอะไรออกมาก่อน

    “แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ  ดูเหมือนคุณนายท่านจะหลงเขาเอามากๆ  นี่ต่างหูเพชรคู่ที่ใช้เมื่อคืนก็ไม่รู้หายไปไหนแล้วด้วยนะคะ”

    หญิงชราไม่ใส่ใจสีหน้ารำคาญของชัชชัย  นายน้อยที่เธอเลี้ยงมาด้วยแบบที่ไม่เคยได้อย่างใจ

    ภาพของหญิงสูงวัยอีกคนนอนคอพับพาดอยู่กับชักโครก  ผู้หญิงที่เขาเลิกเรียกว่า “แม่” มานานตั้งแต่รู้ว่าเธอไม่ใช่แม่แท้ๆ ของตน  ทั้งยังบอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกร้ายกับคนที่เลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เล็กจนโตได้ถึงขนาดนี้  เพราะเพียงแค่เหตุผลที่ว่า เธอไม่ยอมบอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใครมาจากไหน มันไม่น่าจะสร้างความรู้สึก..อาจจะถึง…เกลียดชัง…เธอได้รุนแรงถึงขนาดนี้

    “คุณ คุณๆ”  ชายหนุ่มตบที่แก้มของผู้ที่ฟุบอยู่ตรงหน้าเบาๆ  แต่ก็มีเพียงเสียงคร่ำครวญดังลอดลำคอออกมา

    “สะใจไหม…สะใจใช่ไหมที่เห็นฉันเป็นอย่างนี้”

    “เมาเหมือน….ชิ….ดีแต่หลงผู้ชาย”  เขายั้งคำเปรียบไว้ได้ทัน  หันไปมุ่งประเด็นที่ทำให้เธอมีสภาพเป็นเช่นนี้แทน

    ชัชชัยกึ่งประคองกึ่งลาก คนที่ตนเคยเรียกว่า “แม่”  ออกมาจากห้องน้ำ  ผลักไสให้ล้มตัวลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก  แค่นี้เขาก็มีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว…

    เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนอื่น เหมือนกับที่รู้สึกกับบุษกร  หญิงสาวบริสุทธิ์จริงๆ ที่เขาปล้นชัยชนะจากพรหมจรรย์ของเธอมาได้อย่างไม่ยากเย็น  แม้จะใช้เวลาอีกสองคืนที่หอพักนั่น พาผู้หญิงอีกสามสี่คนมาฟาดฟันกันจนยับเยินกันทั้งสองฝ่าย  แต่ภาพการคร่ำครวญของเธอยามที่อยู่ใต้ร่างแกร่งของเขาก็ยังไม่ลบเลือนจากไป

    “สะใจแล้วใช่ไหมที่เห็นฉันเป็นอย่างนี้”  ผู้ที่ซบอยู่กับเตียงยังพึมพำ  แล้วก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อาย

    “ชัช…เธอรู้ไหมว่ากว่าจะเลี้ยงเธอมาจนโตนี่ฉันต้องเสียสละแค่ไหน…เธอรู้ไหม….รู้ไหม”

    “ผมไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ตอนนี้….ป้าสายบอกว่าต่างหูเพชรคู่นั้น ที่คุณใส่ออกไปเมื่อคืน คุณไม่ได้ติดตัวกลับมา”

    “มันเรื่องของฉัน…...เงินของฉัน”  ผู้ยังคงสะอึกสะอื้นส่งเสียงเกรี้ยวกราด

    “เงินของคุณ…งั้นหรือ…คุณแน่ใจอย่างนั้นหรือ”  เขาโวยขึ้นมาบ้าง  เบื่อเหลือเกินการทะเลาะกับคนไม่สร่างเมา  ตั้งแต่ครั้งที่เขาคาดคั้นเอาความจริงกับเธอ  ก็ดูเหมือนว่าเธอจะเอาความมึนเมามาเป็นเกราะป้องกันตัวตั้งแต่นั้น

    ไม่มีเสียงตอบโต้ใดมาจากหญิงสูงวัยที่นอนซบหมอนตรงหน้าอีกนอกจากเสียงสะอื้นกระซิกซ้ำๆ  เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างดีเปื้อนเปรอะไปด้วยคราบรอยอาเจียน  ชายหนุ่มไม่สนใจจะบงการให้แม่บ้านเปลี่ยนชุดให้คุณนาย  เขาเดินออกมาจากตรงนั้น  พร้อมกับเอ่ยถามกับคนที่น่าจะรู้เรื่องอะไรดีที่สุด

    “มันเป็นใคร?”




    ๙.


    ฉันพยายามเช็ดเครื่องสำอางโดยไม่สนใจผู้ชายสองคนที่เหมือนลากกันผ่านเข้ามาถึงในห้องแต่ตัว  เครื่องแบบของคนที่ถูกลากนั้นเป็นถึงระดับกัปตันเชียวนะ  เรื่องอะไรฉันจะต้องสนใจมัน…เป็นแมงดาแล้วยังไม่พอ ยังคอยหลอกล่อสาวแก่แม่หม้ายอย่างมันก็สมควรแล้วที่จะโดนใครสักคนลากมากระทืบที่หลังร้าน

    นักเต้นอย่างฉันจะต้องไปแคร์อะไรกับกงการของชาวบ้าน  ต่อให้ไอ้คุณท่านกัปตันนั่นมันร้องอ้อนวอนขอชีวิต ฉันก็จะไม่หันไปมองเด็ดขาด  แต่อาจจะทำเป็นเข้าไปปลอบมันนิดหน่อยก็ได้นะ หลังจากที่มันโดนยำตีนจนน่วม…มันก็เพื่ออนาคตของงานในหน้าที่ของฉันเท่านั้น

    “แค่ต่างหูคู่เดียว..เอาคืนไปเลย!” กัปตันหนุ่มรูปหล่อของฉันตะโกนออกมาเหมือนร้องขอชีวิตซะมากกว่า

    น่าแหละนะ  ริจะหากินกับผู้หญิง พอผัวเขามาตามคิดบัญชีก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้…หน้าตัวเมียชัดๆ

    ท่าทางมันจะปาใส่หน้านายคนนั้นด้วยหละมั้ง  ถึงได้โดนกระทืบแถมอีกหลายที  

    “แกเอาไปแค่นี้หรือไง”  เสียงของคู่อรินั่นไม่เหมือนโมโห มันเหมือนกับสัตว์ร้ายกำลังเล่นทรมานเหยื่อมากกว่า

    “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ขโมย..ไม่ได้ขโมย  เธอให้ผมเอง”

    มันอะไรกันนักหนา แค่ต่างหูคู่เดียวไม่ใช่หรือ หรือว่ามันจะถูกจับได้คาหนังคาเขาตอนกำลังล่อใครสักคนอยู่ในห้องคาราโอเกะส่วนตัว  ฉันพยายามจะไม่มองหรอกนะแต่มันก็อดไม่ได้  แค่มองผ่านกระจกแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำทีเป็นเช็ดเครื่องสำอางช้าๆ เหมือนคนรักสวยรักงามดีๆ คนหนึ่งเค้าทำกัน ตานั่นคงไม่หันมาปาลูกหลงใส่ฉันด้วยอีกคนหนึ่งหรอกน่า

    นั่นไอ้กัปตันของฉันมันทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุดกระทืบ…กระทืบ..กระทืบ  จะแค้นอะไรกันนักหนา

    “เป็นค่าตัวอย่างงั้นเหรอ..เป็นแค่ค่าจ้างอย่างงั้นใช่มั้ย!!”  
    เขากระทืบไปถามไปจนฉันรู้สึกสงสารหัวหน้างานของฉันขึ้นมาตะหงิดๆ  แต่ครั้งจะสอดมือเข้าไปก็ใช่ที่  จนตานั่นหันมองมาที่ฉันนั้นแหละ  ฉันจึงต้องรีบก้มหน้าก้มตาคุ้ยค้นหาอะไรต่อมิอะไรในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งนี่  ไม่ทันได้มองตอนเขามาคว้าเครื่องเป่าไปจากโต๊ะข้างๆ

    รู้อีกทีก็ตอนที่เหลือบมองผ่านกระจกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงอะไรทึบๆ  ดังตุ้บๆ ถี่อีกหลายครั้ง

    เขากำลังใช้เครื่องเป่าผมอันใหญ่นั้นฟาดลงบนตัวของกัปตันอย่างไม่ยั้งมือ  “หากินกับผู้หญิงมันง่ายดีใช่ไหม..ใช่ไหม”

    ตานี่โมโหเหมือนคนบ้าคลั่งอะไรสักอย่าง  อยู่ฉันก็นึกอิจฉาเขาขึ้นมาซะอย่างนั้น…แหม…มันจะรู้สึกยังไงนะถ้าฉันได้กระทืบๆๆ  ทุบๆๆ  ใครสักคนด้วยเครื่องเป่าผมนั่น

    “ก็ได้..ก็ได้…ผมขโมยเค้ามา”  เสียงนั้นเบากว่ากระซิบ  อาจจะกำลังละอายใจหละมั้งที่พูดความจริง  คนเรามันก็เป็นซะอย่างนี้

    “ว่าอะไรนะ…พูดดังๆ ซิ  พูดให้มันดังๆ “  อีกคนยิ่งกรรโชกข่มขู่

    “ผมขโมย…ผมขโมยมาเอง”   เสียงนี้ดังขึ้นมาอีกนิดก่อนที่เสียงกระทืบและฟาดด้วยเครื่องเป่าผมจะดังกว่าและดังตามมาอีกหลายที

    “พูดดังๆ…..พูดให้มันดังๆ….”

    “ผมขโมยเอง…ผมขโมยยายแก่นั่นมาเอง…ผมขโมยของเขามาเอง”  สิ้นคำเขาก็ทรุดลงไปจากท่าทางที่พยายามปิดป้องกันตัวเองจากฝ่าเท้าและของแข็ง

    “จำเอาไว้นะ อย่าให้เห็นแกกับเธออีก..เข้าใจไหม” คนที่ชนะโดยไม่บอบช้ำอะไรเลยสักนิดนอกจากผมที่เสียทรงไปเล็กน้อยกำชับ

    “เพล้งงงงงงง!!!!!!!!!”

    เขาปาเครื่องเป่าผมใส่กระจกเป็นการแถมท้าย ก่อนจะเหยียบบี้เศษกระจกที่แตกร่วงลงมาที่หลังของไอ้พี่กัปตัน

    ยำจานนี้ปรุงเสร็จแน่แล้ว  ฉันรีบขยับไปคว้าชุดปกติมาทำท่าจะเปลี่ยนกับชุดทำงาน  คงต้องทำท่าเขินอายเล็กน้อยกระมังเขาถึงจะเดินออกไปดีๆ

    แต่เขากลับเดินมาหยุดที่ข้างๆ ฉัน  แล้วเริ่มหวีผมทรงเสยจากหวีที่เขาพกมาเอง…คนอะไรวะเนี่ย




    ๑๐.

    ป้าสายบอกว่ามันเป็นกัปตันอยู่ที่ร้านนี้   นี่ยังขั้นปรานีนะ เพราะผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำร้ายใคร มันอาจจะซวยนิดหน่อยที่ดันมาก่อเรื่องตอนที่ผมอยากจะระบายอารมณ์

    การระบายอารมณ์กับการคิดจะทำร้ายใครของผมมันต่างกันมาก   การระบายอารมณ์นั้นคือการทำอะไรก็ได้ให้มันผ่อนคลายจากอารมณ์ที่คั่งค้าง  แต่การทำร้ายนั้นคือการจะต้องตระเตรียมการอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อความสุขหรือสะใจของใครสักคนหนึ่ง…ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพื่อความสะใจของผมเองนี่แหละ

    ผู้หญิงที่แอบมองอยู่นั่นคงจะขวัญหนีดีฝ่อไปเลยที่เห็นท่าทางทารุณขนาดนี้ของผม  ก็ดีเหมือนกัน..คนเขาจะได้รู้กันทั่วว่าถ้ายุ่งกับ “คุณ” ของผมแล้วจะต้องได้รับโทษอย่างไร

    ผมทำทีเป็นเดินมาหวีผมที่ข้างๆ เธอ  อยู่ในชุดผ้าบางๆ สองชิ้นปิดบนหนึ่งล่างหนึ่งนี่แล้วเธอก็ดูสวยดีพิลึก

    “คุณจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เชิญตามสบาย”  ผมบอกเธอด้วยเสียงนุ่มๆ หลังจะตะโกนจนเจ็บคอกับไอ้แมงดาหน้าหล่อที่นอนจมกองเลือดอยู่นั่น

    เธอค่อยๆ หันหลังให้แล้วใช้ผ้าคลุมผืนใหญ่ห่อตัวเอาไว้  ก่อนจะเปลื้องผ้าสองชิ้นที่ประดับดิ้นเงินดิ้นทองระยิบระยับนั่น  เหมือนเธอกำลังจะยั่วยวนผมด้วยซ้ำ  เพราะเธอไม่สนใจจะขยับผ้าคลุมให้กระชับทั้งที่มันเลื่อนมาจนเป็นตลอดตั้งแต่ต้นคอระหง แผ่นหลังขาวเนียน จนถึงร่องรอยของกอยก้นที่งอนงามน่าฟัด

    ผมคงต้องจงใจทิ้งอะไรบางอย่างไว้….สำหรับการสานต่อ




    ๑๑.


    “โล่งอก…”  ฉันถอนหายใจแรง  เมื่อตานั่นออกไปแล้ว นี่กะว่าจะให้ช่วยรูดซิปหลังให้สักหน่อย แต่ไม่เป็นไร เกิดพอดีพอร้ายมันคิดจะข่มขื่นฉันขึ้นมาจะทำยังไง  มิต้องยอมมันง่ายๆ หรอกหรือ

    ฉันหันกลับมาบรรจงแปรงผมช้าๆ พยายามผ่อนลมหายใจและไม่สนใจไอ้ที่นอนกองอยู่ตรงมุมห้องนั่น

    แสงอะไรสะท้อนเข้าตาจากไฟหน้ากระจก  อุ้ย!…ดอกไม้เพชร….เพชรแท้ๆ เสียด้วย….สวยจริงต่างหูคู่นี้…ถึงว่าทำไมตานั่นถึงต้องตามมาทอง..มันข้างละกี่กะรัตกันล่ะเนี่ย”

    ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมันขึ้นมาทาบดูกับติ่งหู  

    “สวยจริงๆ ชีวิตนี้เมื่อไหร่จะมีวาสนาใส่ของสวยๆงามๆ อย่างนี้บ้างหนอเรา”  ฉันช่วยปลงให้กับตนเองไปพร้อมๆ กับการกุมต่างหูคู่งามไว้ในมือ

    แล้วเขาก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาอีกครั้ง

    “ผมลืมต่างหูไว้…คุณเห็นบ้างไหม”

    “มะ…มะไม่…ไม่เห็น…”  ฉันหย่อนต่างหูคู่งามลงในกระเป๋าถือทันทีโดยแน่ใจว่าเขาไม่ทันได้สังเกต

    “หะ..หะ..ให้ฉันช่วยหาไหม….”  บังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นขณะที่เขาย่างสามขุมตรงเข้ามา  จนฉันต้องรีบทำเป็นก้มลงมองหาตามพื้น

    เขาคว้ากระเป๋าฉันไปค้นโดยฉันยังไม่ทันได้ทำอะไร

    “นี่คุณ…มันจะมากเกินไปแล้วนะ”  ต้องทำเสียงเขียวใส่…ไปอย่างนั้นเอง

    เมื่อเขาหยิบต่างหูรูปดอกไม้เพชรขึ้นมาจากกระเป๋า ฉันก็ต้องรีบทำหน้าตกอกตกใจ  “อุ๊ย!…ตกลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

    ดูเขาไม่สนใจฉันอีก…เพราะเมื่อโยนกระเป๋าคืนมาเขาก็หันหลังทำท่าจะเดินออกจากประตูไป

    คืนนี้ฉันต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย…ดีนะที่เขาไม่เอาเรื่อง

    “คุณอยากได้มันเหรอ”  

    ฉันถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเขาอีกครั้ง  เขาหันกลับมายืนเกาะกรอบประตูด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรในโลกน่าสนใจไปกว่าฉันอีกแล้ว

    “เอ้า!…รับ”  

    แล้วเขาก็โยนดอกไม้เพชรข้างหนึ่งมาให้ แน่นอนฉันต้องรับมันได้อยู่แล้ว…ของแพง ของฟรี ของดีอย่างนี้ใครจะปล่อยให้หลุดมือ

    ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณ  เขาก็ปิดประตูตามหลังไปแล้ว…คนอะไร…ท่าจะสติไม่ดี…เอาเถอะ..ถือซะว่าไอ้พี่กัปตันฟาดเคราะห์แทนฉันไปก็แล้วกัน

    ฉันหันมาหน้ากระจกอีกครั้ง  ยกต่างหูรูปดอกไม้เพชรขึ้นทาบกับติ่งหูอีกรอบ  ไม่มีอะไรใจเหมาะกับใบหูสวยๆ ของฉันได้มากกว่านี้อีกแล้ว

    แต่…เอ๊ะ!….ทำไมมีข้างเดียว….ใช่สิ  ก็เขาโยนมาให้อีกข้างเดียว  

    ไม่ได้…ไม่ได้…เรื่องอะไรฉันจะต้องเสียอีกข้างนึงไปโดยใช่เหตุ  




    ๑๒.



    ผมยืนรอแม่สาวดาวเต้นอยู่ที่เชิงบันไดหน้าร้าน  ไม่ถึงห้านาทีเธอก็แทบจะถลาเข้ามาหา….

    “นี่คุณ…แล้วอีกข้างนึงล่ะ”  เธอตะโกนถาม  เห็นได้ชัดเหลือเกินว่า  ชีวิตเธอขึ้นอยู่กับอะไร

    ผมโชว์ต่างหูอีกข้างให้เธอดูก่อนจะหย่อนมันลงในกระเป๋าเสื้อ  ยิ้มให้เธออย่างที่เธอควรจะเข้าใจได้ดี

    “อีกข้างอยู่ที่ห้องผม  อยากจะได้ไหมล่ะครับ”




    ***********จบช่วงที่สอง*************

    เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้นหรือเรื่องสั้นขนาดยาว ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจ  แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดัดแปลงเพื่อความบันเทิงใจบวกกับความประทับใจของผู้เขียนเป็นพื้น  หากเพื่อนๆ คุ้นๆ เหมือนผ่านตาก็ขออย่าได้แปลกใจ  ถือเสียว่าเรามาแบ่งปันกันเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ด้วยกันเท่านั้น…ดีไหม

    ขอเชิญชวนเพื่อนทุกคนช่วยติติงแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะจ๊ะ….ผู้เขียนยินดีน้อมรับทุกประการ  ^____ ^















    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 47 01:53:18

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 47 01:50:31

    แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 47 01:14:18

    จากคุณ : เพียงคำ - [ 4 พ.ย. 47 01:10:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป