แสงอาทิตย์แรกของวัน ส่องประกายสีทองจับขอบฟ้า
ยามเช้าอันสดใสได้มาเยือนโลกหล้าอีกครา เปลวแดดสีทองทวีความเข้มข้นมากขึ้น จนขับไล่ความมืดมิด และหมอกจางหายไปในที่สุด
ต้นท้อหลายสิบต้นพลันชูช่อดอกอันบานสะพรั่ง พร้อมทั้งกิ่งก้านอันงดงามของพวกมันราวกับจะยินดีต้อนรับดวงอาทิตย์อันสุกใส ต้นท้อเหล่านี้ในยามค่ำคืนก็คลับคล้ายผู้คนที่ง่วงเหงาหลับใหล พวกมันมิเพียงหงอยเหงาทอดก้านหรุบใบ แม้แต่ดอกสีแดงอมชมพูอันงดงามก็ยังหุบไว้มิยอมคลี่กางออกมา จวบจนแสงทองแรกมาถึง พวกมันจึงได้กระปรี้กระเปร่าชูก้าน กางใบ คลี่ดอกอันงดงามรับเปลวแดด และสายลม
และสายลมอันอบอุ่นนี้ก็ยังช่วยพัดพาขับไล่เอาความหนาวเย็นยามมืดมิดค่อยสลายลงไป ยามเมื่อกระพือพัดผ่าน ดอกเหมยที่บอบบางพลันหลุดร่วงปลิวละลิ่วไปกับสายลม มองดูคล้ายกับสายฝนสีแดงอมชมพู เป็นความงามที่ยากยิ่งจะบรรยาย
ต้นท้อหลายต้นเหล่านี้ถูกปลูกเรียงรายอยู่ริมรั้วของบ้านน้อย ตัวบ้านเองก็มิได้ใหญ่โตเท่าใดนัก ก่อสร้างด้วยดินเหนียว หลังคาเพียงมุงด้วยกิ่งไม้แห้ง ลานกว้างที่ตรงกลางก็เพียงจัดวางโต๊ะหินและเก้าอี้เพียงสามตัว ทว่าบรรยากาศของบ้านน้อยนี้เมื่อตั้งอยู่ท่ามกลางดงเหมยแล้ว มิเพียงไม่ดูแร้นแค้น กลับให้ความรู้สึกงดงาม แลดูอบอุ่นอย่างประหลาด
หนึ่งบุรุษ หนึ่งสตรี ทรุดนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางลานกว้าง ทั้งสองกำลังจับจ้องดูกลีบดอกสีแดงอมชมพูที่ทยอยร่วงหล่นลงเมื่อต้องกระแสลม ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่ฉาบไปด้วยลำแสงสีทอง
ทั้งสองมีอายุไม่มากนัก ยังเป็นคนหนุ่มสาวที่ร่าเริงสดใส บัดเดี๋ยวพูดคุย บัดเดี๋ยวชี้ชวน บรรยากาศดูสนิทสนมกลมกลืน
เพียงแต่การแต่งกายของทั้งสองกลับมิกลมกลืนกันเท่าใดนัก เนื่องเพราะฝ่ายสตรีอยู่ในชุดสีชมพูงดงาม เนื้อผ้าเรียบลื่นและแผ่วพริ้ว เพียงมองดูก็ทราบว่าตัดเย็บจากผ้าเนื้อดี ผิวพรรณของนางเองก็เรียบลื่นดุจกระจก ทั้งยังขาวราวหิมะ รูปโฉมยิ่งมิต้องพูดถึง แม้นนางจะยังไม่เติบโตเป็นสาวเต็มวัย ทว่าความงดงามก็ยากจะหาผู้ทัดเทียมได้ เพียงดวงตาที่กลมโตคล้ายสามารถจำนรรจาคู่นั้น ก็ยากยิ่งแล้วที่ผู้พบเห็นจะสามารถลืมเลือน
ส่วนฝ่ายบุรุษ รูปโฉมของมันก็มิได้ขี้ริ้วแต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกมันจัดว่าเป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ใบหน้าของมันเรียวยาวเป็นรูปไข่ ดุจเดียวกับโครงหน้าของสตรี เนื่องเพราะมันยังเป็นเด็กหนุ่มเยาว์วัย เค้าความเป็นบุรุษของมันยังไม่ปรากฏเด่นชัดเต็มที่ คิ้วของมันหนาเข้มและเรียวยาว ดวงตาทั้งคู่สุกใสปราดเปรียว บนใบหน้ามักประดับด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มของมันมิได้งามเฉิดฉันท์ เพียงเป็นรอยยิ้มที่ซื่อบริสุทธิ์ บางครั้งความซื่อก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง
เพียงแต่...เด็กหนุ่มผู้นี้กลับสวมชุดซอมซ่อ เสื้อผ้าของมันเป็นสีทึมๆ ยากจำแนกได้ว่าเดิมทีมันเป็นสีอันใด มิเพียงเท่านั้นยังเก่าขาดปุปะอยู่หลายแห่ง อย่างเครื่องแต่งกายคนยากไร้
ดังนั้นทั้งสองแม้สนทนากันอยู่ด้วยบรรยากาศที่กลมกลืน แต่ก็สามารถสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นไม่น้อย
"พี่เสี่ยวซา ข้าพเจ้าขอบคุณท่านยิ่ง" เด็กสาวชุดชมพูเอ่ยขึ้น
เด็กหนุ่มใบหน้าเหรอหรา กล่าวตอบไปว่า
"ขอบคุณข้า? เรื่องอันใด?"
เด็กสาวยิ้มกว้าง กล่าวสวนไปว่า
"พฤติกรรมคนยากยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง ท่านโง่เช่นไรก็ยังเป็นเยี่ยงนั้น"
"หา!?" เด็กหนุ่มอดที่จะอุทานออกมามิได้
เด็กสาวปิดปากหัวร่อคิกคัก จากนั้นเสแสร้งปั้นหน้าเคร่งเครียด
"ท่านมิต้องมาแกล้งทำเป็นโง่เขลา ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านทราบว่าข้าพเจ้าขอบคุณท่านเรื่องใด หากยังมิยอมรับข้าพเจ้าจะมีโทสะแล้ว!"
เด็กหนุ่มยิ้มออกมาแล้ว เพียงแต่รอยยิ้มของมันมิได้ซื่อบริสุทธิ์เช่นทุกครา เป็นรอยยิ้มประจบประแจง!
"ซังเอ๋อ ในเมื่อเจ้ารู้ เหตุใดยังต้องแสร้งทำเป็นขุ่นเคืองอีกเล่า?"
"หนอย เดี๋ยวนี้ท่านกลับมีเล่ห์เหลี่ยมกับข้าพเจ้า" เด็กสาวตอบโต้กลับมา
"ฮา ฮา" เสี่ยวซาหัวเราะ จากนั้นกล่าวว่า
"อยู่ใกล้จิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์เช่นเจ้า หากมิมีไหวพริบเล่ห์เหลี่ยมเสียบ้าง คงโดนเจ้าหลอกลวงจนวุ่นวายทั้งวันแล้ว"
เด็กสาวยื่นปากน้อยๆ กล่าวว่า
"ท่านกลับสามารถลอกเลียน?"
เสี่ยวซาหัวเราะออกมาในที่สุด
"ผู้ใดจะไปสามารถลอกเลียนความสามารถของเจ้า วันๆ วิ่งตะบึงก่อเรื่องอยู่ภายนอก"
เด็กสาวขยี้เท้าด้วยความมิพอใจตอบโต้ไปว่า
"หนอย! ทำเป็นรู้ดี ท่านเคยเห็นข้าพเจ้าวิ่งตะบึงหรือไร?"
เสี่ยวซาแสร้งทำท่าขบคิด กล่าวว่า
"ตั้งแต่รู้จักกับเจ้า มิต่ำกว่าสิบครั้ง"
"เพ้ย! ก็ใครใช้ให้ท่านฝีมืออ่อนด้อยมิอาจคุ้มครองข้าพเจ้า เจอศัตรูคราใดก็ฉุดลากข้าพเจ้าหลบหนีเสียทุกครา" เด็กสาวตอบโต้กลับ
เสี่ยวซาทำหน้าทะเล้น สวนว่า
"มิรู้ฉุดลากเจ้าเช่นไร รู้สึกตัวอีกทีเจ้าก็แซงหน้าข้าเสียแล้ว"
ทั้งสองพากันหัวเราะ บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองดำเนินไปเรื่อยๆกระทั่งเสี่ยวซาคิดถึงฮั่นตงจึงรำพึงออกมาว่า
"ป่านนี้พี่ใหญ่ พี่สาม จะพบกับพี่รองหรือยังนะ?"
พอได้ยินคำนี้หลี่ซังซังพลันมีสีหน้าสลดลง
เสี่ยวซาค่อยรู้สึกว่าตนเองพลั้งปากไป การที่ตนเองกล่าวถึงพี่ทั้งสามกลับกระตุ้นให้อีกฝ่ายคิดถึงบุคคลอีกผู้หนึ่ง
เป็น...หลี่เฉินเชียง!
ขณะเด็กหนุ่มมิรู้จะทำประการใด เด็กสาวพลันโพล่งขึ้นว่า
"สมัยเด็ก เขา ดีกับข้าพเจ้ายิ่งกว่าผู้ใด"
เสี่ยวซาย่อมเข้าใจว่า เขา ย่อมหมายถึงประมุขฉิกจับอิดผู้มีฐานะเป็นลุงของนาง เพียงแต่มิเข้าใจว่าอยู่ๆ เหตุใดอีกฝ่ายจึงเอ่ยถึง
เด็กสาวคล้ายจมอยู่ในภวังค์กล่าวต่อไปว่า
"จำได้ว่าตอนเป็นเด็ก ข้าพเจ้าหวาดกลัวสุนัขเป็นที่สุด เพียงพบเห็นก็ร่ำไห้เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม
มีอยู่คราหนึ่ง ข้าพเจ้าวิ่งเล่นอยู่นอกบ้าน พบพานสุนัขดุที่หลุดออกมาจากบ้านเศรษฐีแถวนั้น มันเห็นข้าพเจ้าก็แยกเขี้ยวตรงเข้าขย้ำทันที"
"แล้วเจ้าทำเช่นไร?" เสี่ยวซารีบถาม
"ข้าพเจ้าวิ่ง...วิ่งโดยมิยอมเหลียวหน้ากลับไปดูแม้แต่น้อย วิ่งไปพลางร่ำไห้ไปพลาง จนกลับถึงบ้าน"
"แล้วสุนัขดุตัวนั้นเล่า?" เสี่ยวซาถามด้วยความสงสัย
"ข้าพเจ้าไม่ทราบ มันคงมิได้กวดไล่ข้าพเจ้ามา"
"แล้วต่อจากนั้นเล่า?"
"ท่านลุงมาพบข้ากำลังร่ำไห้อยู่ จึงถามว่าเกิดอันใดขึ้น ข้าพเจ้าร่ำไห้ไปพลาง เล่าเรื่องให้ฟังไปพลาง ท่านลุงปลอบโยนข้าพเจ้า เขาเอามือลูบศีรษะ มือนั้นทั้งอบอุ่นและนุ่มนวล"
"จากนั้นเมื่อข้าพเจ้าหยุดร่ำไห้ ท่านลุงก็บอกว่า "ต่อไปจะมิให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก" แล้วท่านลุงก็พาข้าไปส่งท่านแม่"
"ต่อจากนั้นเป็นเช่นไร?" เด็กหนุ่มถามด้วยความสนใจ
"วันรุ่งขึ้นครอบครัวเศรษฐี ซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขนั้น ถูกโจรขึ้นบ้าน เข่นฆ่าผู้คนกว่าสามสิบชีวิตตกตายสิ้น แม้กระทั่งสุนัขดุตัวนั้นก็ถูกฟันเป็นเจ็ดแปดส่วน เป็นเหตุการณ์สยองขวัญยิ่งนัก!!!"
เสี่ยวซาลอบสั่นสะท้านในจิตใจ เด็กหนุ่มย่อมคาดเดาได้ว่า ครอบครัวเศรษฐีมิได้ถูกโจรปล้นฆ่า แต่เป็นฝีมือของหลี่เฉินเชียงเอง!!!
"มิเพียงเท่านั้น สุนัขดุในแถบรัศมีสิบลี้พากันตกตายโดยมิทราบสาเหตุ เวลานั้นข้าพเจ้าไม่ล่วงรู้ถึงสาเหตุ รอจนทราบถึงพฤติกรรมของ เขา ที่จัดการกับบิดาบังเกิดเกล้าของข้าพเจ้า และเป็นสาเหตุให้มารดาต้องฆ่าตัวตาย จึงค่อยคาดเดาออก เขา เป็นผู้อำมหิตอย่างแท้จริง!" หลี่ซังซังพูดขึ้น เวลานี้หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วง พี่ฮั่น ยิ่งนัก
เสี่ยวซาพลันเข้าใจ และคล้ายคาดเดาความในใจอีกฝ่ายออก กล่าวปลอบโยนว่า
"พี่รองเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมือ และยังมีพี่ใหญ่กับพี่สาม พวกเขาจักต้องปลอดภัย!"
คำพูดประโยคสุดท้ายมิทราบว่ามันปลอบใจหญิงสาว หรือตัวมันเองกันแน่?!!
.............
.......................
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 47 21:37:25
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 47 13:31:02
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
11 พ.ย. 47 23:06:46
]