หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า ดอนหอยหลอด เป็นหมู่บ้านทางชนบทของจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน
ต้องเดินทางออกจากตัวเมืองของจังหวัดถึง 50 กิโลเมตร และเมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้าน เนื่องจาก
เป็นหมู่บ้านที่ล้าหลังยังไม่ได้รับการพัฒนาทำให้ไม่มีถนนสำหรับรถใหญ่เพื่อเข้าไปข้างใน ที่จะ
สัญจรไปมาได้ก็มีแต่มอร์เตอไซด์และรถกระบะคันเก่าของผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น
เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านนักศึกษาทุกคนจึงต้องเดินลงจากรถพร้อมกับหอบสัมภาระของตนเองลงมา
ด้วยเพื่อเดินต่อเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากปากทางประมาณ 2 กิโลเมตร แต่นักศึกษาค่าย
พัฒนาก็ไม่มีใครปริปากบ่น เนื่องด้วยพวกเขารู้ว่าหน้าที่ของเขาตอนออกค่ายคืออะไร และรู้อีกด้วย
ว่าหมู่บ้านแห่งนี้ทุรกันดารเพียงใด พวกเขาทุกคนเดินทางมาเข้าค่ายพัฒนาที่นี่ด้วยใจรักจริง ๆ
พอชาวค่ายทั้งหมดเดินลากขาเข้ามาถึงตัวของหมู่บ้านได้ก็พากันหายเหนื่อยเป็นปริดทิ้งเมื่อ
พบว่า ทั้งผู้ใหญ่บ้าน และลูกบ้านต่างพากันออกมายืนเรียงแถวต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม พร้อม
กันนั้นประธานชมรมค่านอาสาพัฒนาก็ได้เป็นตัวแทนกล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่พวกเขาเข้ามาที่นี่
และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความยินดี และรอยยิ้มที่แสดงถึงมิตรภาพ นั่นเป็นความประทับใจแรก
ของพวกเขาที่จะไม่มีวันลืมเลือนเลย
หลังจากนั้นชาวคณะทั้งหมดก็ถูกต้อนให้มาที่ที่พัก ซึ่งที่พักก็คือศาลาวัดที่มีเพียงแห่งเดียว
ในหมู่บ้าน เพื่อไปพักผ่อนแล้วเตรียมมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับแบบฉบับชาวบ้านที่ลานหน้าบ้าน
ผู้ใหญ่บ้าน
" เปีย เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ยครับ " สามภพถามขึ้นหลังจากที่รวบรวมกำลังใจอยู่นาน
ประกอบกับได้ปฐวีเป็นเจ๊ดันรุนหลังเขาให้เข้ามา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวตัวเล็กอาบน้ำเปลี่ยนเสื่อผ้า
ให้สดชื่นขึ้นแล้ว
" ฮึ อะไรนะ "
" เหนื่อยมั้ยครับ " ใจเย็นลูกพี่ นายวีภาวนาอยู่ภายในใจ
" ก็ไม่หรอก หนุกดี แต่นายเถอะ เป็นไงบ้างอยากกลับแล้วยัง " ไม่อยากจะเชื่อว่านายนี่จะมา
เข้าค่ายอย่างนี้ ( ก็แน่สิเห็นกลับบ้านพี่ศินทุกเดือนเลยนี่ )
" ไม่หรอก พี่ว่าพี่มีความสุขดีออกนะยิ่ง
.. " อยู่ใกล้เปียพี่ยิ่งมีความสุขมากเลยรู้มั้ย ( ค้างไว้
แค่นั้นทำไมไม่พูดออกไปวะ เอาเหอะวะขืนพูดมีหวังโดนเครื่องประหารหัวน้องเปีย คอขาดตายแน่ ๆ
แค่คิดก็เสียวแล้ว )
" ยิ่งอะไร พูดให้จบสิ "
" ไม่มีอะไรหรอก พี่ว่าเราไปรวมกับชาวคณะที่บ้านผู้ใหญ่บ้านดีกว่านะเปีย " โธ่ถามทำไมใคร
จะไปกล้าตอบเล่า
" จะไปก็ไปสิ มาชวนฉันทำไม " หญิงสาวยักไหล่แล้วเดินนำหน้าเขาไป แปลกแฮะวันนี้ยังไม่
โดนด่าซักคำเดียว สงสัยเปียคงจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ชายหนุ่มคิดในใจพลางมองตามร่างเล็กไป
ด้วยความเอ็นดู
" เอ่อ มื้อนี่หมู่เฮาขอต้อนรับซาวค่ายเด้อคับผม เอ้าซวด ๆ " ( ซวด ๆ = ปรบมือ ) ชาวบ้านปรบ
มือกันด้วยความยินดียิ่งเมื่อผู้ใหญ่บ้านกล่าวต้อนรับคณะนักศึกษาอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิด
อาหารเมนูเด็ด ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ น้ำตก ซกเล็ก ซุบหน่อไม้ ( หวานหมูยัยเปียขนาด ) พร้อมกับ
เสียงเพลงจากวิทยุเครื่องเดียวของหมู่บ้านก็ดังขึ้น เป็นการต้อนรับแบบชาวบ้านโดยแท้จริง ๆ ถึง
แม้หนุ่มสาวบางคนจะเป็นชาวกรุงโดยกำเนิด แต่ก็ไม่มีใครแสดงอาการรังเกียจรังงอนความเป็น
ชาวบ้านแบบนี้เลย กลับมีท่าทางสนุกสนานและประทับใจกันถ้วนหน้า
" หนูเหล้าขาวบ่ แซบเด้ " มีคุณลุงคนหนึ่งยื่นขวดเหล้าขาดมาให้กับเปีย แต่หญิงสาวซึ่ง
ปฏิเสธสิ่งเสพติดทุกชนิดจึงยิ้มพลางสั่นหัว
" ขอบคุณมากค่ะคุณลุง แต่ว่าหนูไม่ดื่มเหล้าค่ะ " ตอบไปยิ้มไป ช่างเป็นภาพที่ชวนมอง
สำหรับสามภพจริง ๆ สำหรับคุณลุงคนนั้นเมื่อเห็นว่าเปียไม่ดื่มเหล้าจึงหันมาถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่
ข้าง ๆ หญิงสาวแทน
" เอาบ พ่อหนุ่ม " ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวข้าง ๆ แล้วตอบว่า
" ไม่หรอกครับคุณลุงผมไม่ชอบดื่มครับ " คำตอบนี้ทำให้เปียถึงกับหันมามองพร้อมกับเลิกคิ้ว
ขึ้นมาด้วยความสงสัย แต่ก็เกิดความประทับใจกับชายหนุ่มคนนี้ขึ้นมานิด ๆ
จากคุณ :
ทรายสีชมพู
- [
12 พ.ย. 47 16:57:43
A:203.156.50.199 X:
]