CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ภาพสะท้อนของกระจกเงา (ตอนห้า)

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    การพัฒนาสมองกลในทศวรรษหน้าเหรอ … ฉันอ่านชื่อเรื่องด้วยความรู้สึกทึ่ง … เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับฉันนัก แล้วเล่มอื่น ๆ ที่อยู่ตรงโต๊ะทำงานเขาก็มีแต่เรื่องเกี่ยวกับหุ่นประดิษฐ์ สมองกล แอนดรอยด์ ทั้งนั้น … เอาเถอะ … อ่านจะสนุกกว่าที่คิดก็ได้ ว่าแล้วฉันก็ตัดสินใจหยิบหนังสือตรงหน้ามานั่งอ่าน แล้วก็ปล่อยตัวเองจมหายไป …



    ----------



    เมื่อผมหันกลับมาอีกครั้ง มิเรอร์กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสือบนโต๊ะทำงานของผมอยู่พอดี ดูเธอเพลิดเพลินกับหนังสือในมือมากทีเดียว …


    เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าผมมองเธออยู่ เธอเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ผมแล้วก็บอกว่า “ฉันไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยว่าเรื่องพวกนี้ก็น่าสนใจได้ …” แล้วก็ชูหนังสือเล่มหนาให้ผมดู “คุณมีหนังสือเรื่องพวกนี้ตั้งเยอะแน่ะ …”


    สิ่งที่เธออ่านทำให้ผมตกใจ ผมพยายามปรับสีหน้าให้ผ่อนคลายก่อนจะฝืนยิ้มตอบเธอ “ก็ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์นี่ครับ … ผมก็ต้องสนใจเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดา”



    “คุณเน้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีการแพทย์ไม่ใช่เหรอคะ” เธอยังคงซักต่อไป


    “มันก็เกี่ยวโยงกันไปหมดนั่นแหละครับ เจ้าหญิงขี้สงสัย …” แล้วผมก็พยายามเปลี่ยนเรื่อง “ผมหิวแล้วล่ะ … วันนี้คุณอบเค้กลูกพรุนไม่ใช่เหรอ … ออกไปข้างนอกกันดีกว่า”


    “แหม … แต่ฉันยังอ่านไม่จบเลยนี่คะ …”


    “ไม่เป็นไรหรอก … เดี๋ยวคุณมาอ่านต่อก็ได้ ...” ผมเห็นเธอยังติดใจกับหนังสือในมืออยู่ จึงรีบเดินออกมา แล้วก็ได้ผล เธอเดินตามผมมาติด ๆ



    แต่ระหว่างที่นั่งอยู่ในครัว ผมก็เห็นหนังสือเล่มนั้นวางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว … ทำอย่างไรดี



    ----------



    ถึงผมจะกลัวว่ามิเรอร์จะถามอะไรเกี่ยวกับความสนใจที่ผมมีต่อหุ่นประดิษฐ์ขึ้นมาอีก … เธอก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย … ถึงอย่างไรก็ตาม … การเริ่มต้นอ่านหนังสือวันนั้น ก็ทำให้เธอเริ่มสนุกกับการอ่านหนังสือขึ้นมา ถ้าผมทำงานอยู่ เธอก็จะหาหนังสือมาอยู่ด้วยกับผม แล้วก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างไม่รู้เบื่อ …



    แล้ววันหนึ่ง มิเรอร์ก็ทำให้ผมแปลกใจอย่างที่สุด … ตอนนั้นผมกำลังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกเกี่ยวกับสิ่งที่ผมกำลังทดลอง … ไม่ว่าจะเพียรพยายามกี่ครั้ง ก็ไม่สำเร็จดังใจผมเสียที … การที่ผมออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำให้เธอเดินเข้ามาดูผมใกล้ ๆ แล้วก็สนใจกับสมการที่อยู่ในกระดาษ


    “คุณแทนค่าผิดไปนี่คะ …” ผมดูตามมือเธอ แล้วก็เห็นจริง ตัวเลขที่ผมคิดผิดเพี้ยนไปมากจนทำให้เกิดความล้มเหลว


    แต่ตอนนี้ สิ่งที่กลายเป็นประเด็นสำคัญสำหรับผมก็คือ ตัวมิเรอร์เอง … สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ผมไม่เคยสอนเธอมาก่อนเลย … และหลังจากวันนั้น ผมก็เริ่มจับตาดูมิเรอร์เงียบ ๆ



    ----------



    หลังจากที่งานทดลองของเขาเสร็จสิ้นลง เราจึงตกลงกันว่าจะไปกางเต็นท์พักผ่อนกับที่ริมแม่น้ำ … ฉันรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ออกไปข้างนอกยิ่งนัก … มาคิดดู โลกของฉันก็มีแต่เขานี่นา … โลกที่อยู่ในอาณาจักรที่เขาสร้างขึ้น และมีแต่เรา …



    ฉันช่วยเขากางเต็นท์สีสดขึ้นที่ริมน้ำ … ก่อนจะกุลีกุจอหากิ่งไม้แห้ง ๆ มารวมกัน ขณะที่เขาก่อกองไฟเพื่อต้มน้ำ … หลังจากชาคนละแก้ว เราก็มานอนอยู่ริมฝั่งเพื่อดูเมฆสีขาวที่เคลื่อนตัวไปตามฟ้าสีคราม …


    “ฟ้าสีสวยจังนะคะ”


    “ฮื่อ … อดใจไว้คืนนี้ก่อนนะ มิเรอร์ ดึก ๆ เราจะออกมานอนดูดาวกัน คุณจะต้องยิ่งชอบ”


    “งั้น ตอนนี้ฉันจะหลับเอาแรงไว้ก่อน ดีไหมคะ”



    เขายิ้มไปกับคำพูดของฉัน … แล้วปรากฏว่า เขานั่นเองแหละที่เป็นฝ่ายหลับไป ส่วนฉัน … ความตื่นเต้นหรืออย่างไร ที่ทำให้ไม่สามารถข่มตานอนได้ … หลังจากพยายามอยู่สักพัก ฉันก็ตัดสินใจลุกขึ้นนั่งเท้าคางดูใบไม้ที่ไหลไปตามกระแสน้ำ … แล้วก็เปลี่ยนใจไปเดินลุยน้ำเล่น … แต่เพราะเจ้าก้อนหินตะไคร่จับนั่น ฉันเลยลื่นล้มจนเปียกไปหมด … ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ว่ายน้ำเล่นเลยก็แล้วกัน



    ----------



    ผมตื่นก็เพราะเสียงน้ำที่ดังเป็นจังหวะแปลก ๆ และเมื่อผมหาที่มาของเสียงก็พบเธอกำลังเล่นน้ำอย่างสำราญใจอยู่กลางแม่น้ำ ผมจึงเดินไปชิดริมน้ำเพื่อตะโกนเรียกเธอ


    “มิเรอร์ … มิเรอร์ …” ครั้งที่สองสามนั้นแหละ เธอถึงหันมาเห็นผม


    “มีอะไรเหรอคะ ...”


    “คุณไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงน่ะ … ขึ้นมาเถอะ … มันอันตราย”


    “แหม … ก็ได้ค่ะ” เธอทำท่าขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมว่ายกลับมาที่ฝั่งโดยดี … พอถึงระดับที่เดินถึง เธอก็เปลี่ยนจากว่ายน้ำไปเป็นเดินแทน


    ”ฉันกำลังสนุกอยู่เลย” พอเดินมาถึง เธอก็ต่อว่าผมกลาย ๆ


    “ก็มันอันตรายนี่นา แล้วคุณไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง … ” ผมสงสัยจริงจัง


    “จริง ๆ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นน้ำหรอกนะคะ แค่เดินลุยน้ำเล่นอยู่ริม ๆ แล้วก็ลื่นลงไปเปียก …”


    “ก็เลยเปลี่ยนใจเป็นว่ายน้ำเล่นแทน …” ผมอดไม่ได้ที่จะแทรกเธอขึ้นมา “ใช่ไหม…”


    “… ค่ะ” เธอตอบพลางเอาบีบน้ำออกจากชายเสื้อ


    ผมเลยไล่เธอไปเปลี่ยนชุด … ระหว่างนั้น ผมก็มีเวลาคิดอะไรไปเงียบ ๆ คนเดียว … ผมไม่อาจเข้าใจมิเรอร์ได้เหมือนที่ผมเข้าใจเธอคนนั้นของผมเลย  … วันที่ห้องทดลองเป็นตัวอย่างที่ดี … ถ้าเป็นเธอ เธอจะนั่งนิ่ง ๆ ดูผมทำงานโดยไม่สนใจที่จะเข้ามา … แต่มิเรอร์กลับไม่รอเช่นนั้น เธอเดินเข้ามาหาผม อยู่ข้าง ๆ ผมแล้วก็ช่วยผมแก้สมการ  … วันนี้ก็เหมือนกัน … ผมตื่นมาเพื่อจะพบมิเรอร์กำลังสนุกสนานอยู่กลางแม่น้ำ … ถ้าเป็นเธอ อย่าว่าแต่ทำเช่นนั้นเลย … แค่จะเดินลุยน้ำก็ไม่มีทางแล้ว … เมื่อมิเรอร์เดินกลับมา ผมก็ได้ข้อสรุปพอดี  บางเวลา มิเรอร์ก็ดูแตกต่างกับเธอเหลือเกิน  



    ----------



    ฉันเปลี่ยนชุดใหม่ แล้วก็เอาชุดที่เปียกนั่นตากไว้ที่ต้นไม้ ก่อนจะเดินกลับมาหาเขา … ท่าทางที่ดูเคร่งเครียดบอกให้ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไรผิดไปแน่ ๆ  …


    “ขอโทษค่ะ ที่หนีออกไปเล่นน้ำคนเดียว” ฉันเดาเอาว่าเป็นเพราะฉันออกไปว่ายน้ำกลางแม่น้ำนั่นเอง “ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว … ยกโทษให้ฉันนะคะ”


    เขาเปลี่ยนทีท่าและหันมายิ้มดุ ๆให้ฉัน “ผมเป็นห่วงคุณนะ … น้ำไหลแรงออกอย่างนั้น พอหมดแรง คุณอาจจะถูกพัดไปไกล ๆ ก็ได้ … อย่าทำอะไรอันตรายสิ”


    ฉันรู้สึกผิด และพอกระพริบตาถี่ ๆ น้ำตาก็ร่วงออกมา … เขาจึงลูบหัวฉันเบา ๆ และกอดฉันเอาไว้

    ---------

    แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 47 11:38:01

    จากคุณ : หมาเลี้ยงแกะ - [ 18 พ.ย. 47 11:36:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป