ตอน 9 ( ภัยมืด )
" หอมมมมมม จางเลย " เสียงของนายปฐวีดังขึ้น พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดเดินมาตามกลิ่นของกับข้าวมื้อเย็นเข้ามาในโรงครัว
" อ้าว ! ไหนว่ากินไม่ได้ไงจ๊ะคุณปฐวีที่รัก " ปานวาดแซวเพื่อนหนุ่มตัวเองทันทีด้วยความหมั่นไส้เพราะก่อนหน้านี้เขายังพูดอยู่เลยว่าท่าจะไม่ได้กินอาหารมื้อนี้เสียแล้ว
" แหม คุณปานวาดครับที่ผมพูดน่ะ เค้าเรียกว่าหวังดี ( ตรงไหน ) หรอกนะ ถ้าผมไม่พูดพวกคุณจะมีลูกฮึดมาทำอาหารน่ากินได้หรอครับ "
" โอ้ OK เลย หวังดีมากเลยนะเนี่ย " หญิงสาวปั้นหน้าว่าเชื่อเขาอย่างสุด ๆ
" ใช่ เนอะเปีย
พี่ก็ว่างั้นแหละ หวังดีจริง ๆ เลย " สามภพที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ พูดสนับสนุนเป็นลูกคู่ของหญิงสาวด้วยท่าทางทะเล้น แต่รอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงเมื่อพบกับรังสีอำมหิตของเธอที่ส่งมาพร้อมกับลูกกะตาเขียวปั้ด
" ปุ้ด ! งั้นฉันไปดีกว่านะเปียคนสวย แล้วรีบ ๆ ยกไปเสริ์ฟด้วยล่ะ " ชายหนุ่มทำเสียงกลั้นหัวเราะก่อนที่รีบชิ่งหนีไปก่อนจะโดนเท้าพิฆาตของหญิงสาวข้าง ๆ
" ตาย!!!!!!!! แกตายแน่ ๆ ไอ้วี บังอาจนักนะแก " หญิงสาวพ่นคำอาฆาตออกมาในขณะที่ชายหนุ่มข้างได้แต่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่อย่างนั้น ทำให้หญิงสาวหันกลับไปดูด้วยความโมโห ( พาลย่ะ )
" หัวเราะอะไร รีบ ๆ ยกกับข้าวออกไปสิ " หญิงสาวค้อนงาม ๆ ให้เขาหนึ่งที ( ยัยนี่ไม่รู้ตัวหรอก เพราะคุณเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค้อนน่ะมันทำยังไง ) ก่อนจะบอกเสียงโหดให้เขาทำตาม
" คร้าบบบ
.ข้าน้อยยินดีน้อมรับคำบัญชาของท่านหญิงทุกประการ " เขาว่าพลางแกล้งเอาหน้าตาอันหล่อเหลา ( จริงเหรอ ) เฉียด ๆ ใบหน้าใสของหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ส่งผลให้หญิงสาวถึงกับยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ แต่เขาก็ทำได้แค่นั้นแหละ เพราะเขาต้องรีบไปทำตามคำบัญชาของหญิงสาวที่เขารักที่สุดในโลกคนนี้
+ ไอ้บ้าเอ้ย ตกใจหมดเลย เล่นเอาหน้าตาอันทุเรศทุรังมาใกล้หน้าสวย ๆ ของฉัน เกิด first kiss ขึ้นมาจะว่ายังไงฮ้า แต่ว่าเขินทำไมเล่ายัยเปียเอ้ย แกนี่แปลกคนจริงวุ้ย + หญิงสาวรำพึงกับตนเอง แต่สายตาน่ะกำลังจ้องมองร่างสมส่วน ( ที่สูงยังกะ เ-ป-ร-ต ) เดินจากไปด้วยความเขินอาย
วันนี้เป็นวันก่อนวันสุดท้ายของการเข้าค่ายพัฒนาชุมชน ซึ่งงานก่อสร้างก็กำลังจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้เช่นกัน เพราะในวันพรุ่งนี้เป็นวันพักผ่อนที่ชาวค่ายสามารถจะทำอะไรก็ได้ก่อนที่จะมาร่วมวงแคมป์ไฟในตอนหัวค่ำ และเตรียมตัวกลับบ้านในเช้าวันถัดมา
ช่วงบ่ายอ่อน ๆ ของวันนี้ชาวค่ายทุกคนก็มารวมตัวกันที่ศาลาที่กำลังจะกลายเป็นของชาวบ้านในหมู่บ้านดอนหอยหลอดแห่งนี้ ทุกคนรวมใจกันมาให้กำลังใจต่อการทาสีขั้นสุดท้าย สีที่แต่งแต้มไปทั่วศาลาอย่าง ช้า ๆ แต่สวยงาม และคอยลุ้นให้สามภพที่เป็นคนทาสีคนสุดท้าย เมื่อเสร็จแล้วเขาก็หันมาพยักหน้าให้กับทุกคน พร้อมกับมีเสียงโห่ฮิ้วร้องขึ้นด้วยความดีใจ และประทับใจในสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป พวกเขามีความรู้สึกภูมิใจมาก เพราะอย่างน้อยพวกเขาซึ่งเป็นส่วนเล็ก ๆ ในสังคมก็ได้มีโอกาสมาทำประโยชน์ให้กับบุคคลอื่นได้
เพราะฉะนั้นเมื่อสามภพหันมาหาและพยักหน้าให้อย่างช้า ๆ ทุกคนจึงส่งเสียงด้วยความดีใจ แล้วกระโดดกอดคอกันอย่างวุ่นวาย ส่วนสามภพเมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงสวมรอยเข้าไปทำหน้าดีใจ กระโดดโลดเต้นอยู่ข้าง ๆ เปีย เมื่อหญิงสาวหันมายังไม่ทันมองหน้าเธอก็กระโดขึ้นกอดคอเขาแล้วก็กระโดดไปด้วยกัน แต่เมื่อหญิงสาวนึกขึ้นได้ว่ากำลังกอดคอใครอยู่ จึงผละออกด้วยความตกใจ ใบหน้าที่เข้มขึ้นด้วยความดีใจยิ่งเข้มขึ้นอีก แล้วเสหันกลับไปข้างหลังทำทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ส่งผลให้ชายหนุ่มถึงกับยืนยิ้มด้วยความภูมิใจในแผนประชิดตัวของเขา
" เหนื่อยมั้ย "
" ฮะ
..อะไรนะ " หญิงสาวถามขึ้นด้วยความตกใจ ที่อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ท่าน้ำด้วยความสดชื่น
" เฮ้อ ! เดี๋ยวนี้ทำไมเปียหูตึงจังอ่ะ "
" เฮ้ย ! เดี๋ยวเถอะกล้าดียังไงมาว่าฉัน " หญิงสาวแหวกลับด้วยความไม่พอใจ
" ก็กล้าสิ ไม่เคยได้ยินรึไงว่ากล้าได้อายอดน่ะ "
" เคย
แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกันตรงไหน " หญิงสาวพูดพลางทำหน้างง
" ก็กล้าเขามาคุยกับเปียไงครับ ไม่งั้นจะได้คุยกับเปียหรอ " ชายหนุ่มพูดพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มมายังหญิงสาวตรงหน้าที่ตอนนี้หน้าตาของเธอได้แดงซ่านขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะโวยวายกับเขาแก้เขิน
" นี่พูดให้มันดี ๆ นะ "
" โอ้ย ! เปียจะให้พี่หูตึงก่อนวัยอันควรรึไง เสียงเธอนี่เกิน 80 เดซิเบลแน่ ๆ เลย " ชายหนุ่มบอกพร้อมกับทำหน้าเหยเกกับการแผดเสียงของเธอ
" ช่างนายสิ ไม่ใช่หูฉันซะหน่อย " หญิงสาวพูดจบก็ลุงขึ้นจะเดินหนีทันทีแต่ชายหนุ่มร่างสูงกลับคว้าแขนเธอไว้เสียงก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะว่าดูที่มือแล้วส่งสายตาเอาเรื่องมาที่ชายหนุ่ม แต่เขาก็กลับทำเป็นไงรู้ไม่ชี้จับมือเธออยู่อย่างนั้น
" เดี๋ยวสิเปีย พี่มีเรื่องจะพูดด้วยน่ะ "
" ปล่อยฉันสิ จับอยู่ได้
.แล้วที่จะพูดน่ะเรื่องอะไร
.เร็วเข้านะฉันจะรีบไป "
" เรื่องของเรา " ชายหนุ่มบอกพร้อมกับทำสายตาหวานเชื่อม ( แมลงหวี่ตอมตาแหงเลย )
" งั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดด้วย ปล่อยได้แล้ว " หญิงสาวยังไม่อยากที่จะรับรู้อะไรตอนนี้เพราะว่าเธอยังไม่ทันที่จะเตรียมใจเลย จึงส่งสายตาเอาเรื่องและหน้าที่บึ้งตึงไปยังชายหนุ่มนักตื้อคนนี้ แล้วคราวนี้เขาก็ยอมปล่อยมือจริง ๆ ซะด้วย
" งั้น
.ก็ได้
เปียไปเถอะ " พอพูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าเดินออกไปทันทีด้วยความไม่เข้าใจในตัวเขา แต่ชายหนุ่มอาการหนักยิ่งกว่าเธอเสียอีก เขาถอนใจแล้ว ถอนใจอีกพลางคิดว่าเมื่อไหร่จะได้ปรับความเข้าใจและสารภาพความรู้สึกกับหญิงสาวสักที พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย จากนั้นเขาก็เดินอย่างเชื่องช้ากลับเขาไปในหมู่บ้านที่พักของเขา พร้อมกับดวงตะวันที่คล้อยต่ำลงและตกไปในที่สุด
" กริ๊ดดดดดดดดด " เสียงกรีดร้องนี้ปลุกให้คนทั้งศาลาตื่นขึ้นด้วยความตกใจ แล้วก็รีบวิ่งออกไปทางต้นเสียงทันที และเมื่อไปถึงก็พบกับเจ๊มดพี่สาวร่วมค่ายซึ่งเป็นเจ้าของเสียงกรีดร้องนั้นยืนตกใจทำอะไรไม่ถึงอยู่ และทั้งหมดก็พบกับภาพที่ทำให้ทุกคนถึงกับอุทานด้วยความตกใจ
" มีอะไรมด เกิดอะไรขึ้น " สามภพถามขึ้นทันทีเมื่อมาถึง ที่เขามาถึงช้ากว่าคนอื่นก็เพราะว่าหาเปียอยู่ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวคงจะวิ่งออกไปตั้งแต่แรกแล้วเขาจึงวิ่งตามออกมา
" เปีย
.ฮึก
ฮึก..เปีย " มดพูดได้เพียงแค่นั้น พร้อมกับชี้นิ้วออกไปยังร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่แล้ว เมื่อเขาหันไปทางที่หญิงสาวชี้นั้นเขาก็ตาเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบว่าร่างนั้นคือเปีย !
" เปีย!!!!!! " ชายหนุ่มร้องตะโกนสุดเสียงพร้อม ๆ กับเสียงของปฐวีที่วิ่งตามออกมาทีหลัง แล้วถลันไปหาร่างที่นอนแน่นิ่งพร้อมกัน
" เปีย
..อย่าเป็นอะไรนะ
.ใครก็ได้ช่วยตามหมอที " เขาช้อนร่างของหญิงสาวขึ้นมาไว้แนบอกก่อนจะร้องบอกผู้คนที่ยืนมองด้วยความตระหนก ปฐวีจึงรีบวิ่งไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อตามหมออาสาที่เข้ามาตรวจรักษาชาวบ้านและค้างที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านทันที
" เปีย
.อย่าเป็นอะไรนะ
.ตื่นสิเปีย
.ตื่นมาด่ามาว่าพี่สิ
..อย่านอนอย่างนี้
.ลุกขึ้นมาเอาเรื่องคนที่ทำเธอสิ
.เธอจะปล่อยให้มันลอยนวลเหรอ
เธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะเปีย
.ตื่นสิเปีย
.พี่ขอร้อง
..พี่รักเปียนะ
.ตื่นขึ้นมาฟังพี่สิเปีย
พี่รักเปีย..เปียได้ยินมั้ยว่าพี่รักเปีย
.ลุกขึ้นมาตอบพี่เร็ว
ว่าเธอรู้สึกยังไงกับพี่..พี่ขอร้องล่ะเปีย..ได้โปรดเถอะ
อย่าเป็นอะไรไปนะ "
ชายหนุ่มรำพันปริ่มว่าใจจะขาด น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินลงมาไม่ขาดสายราวกับว่าเขากำลังจะสูญเสียของรัก ที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา เขาซบใบหน้าสากของเขาเข้ากับศรีษะได้รูปของเธอที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดที่เกาะเกรอะกรังอยู่เต็มไปหมด และยังมีเลือดสด ๆ ไหลรินอยู่ตลอดเวลาโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ยังให้ชาวคณะเกิดความสะเทือนใจมากบางคนทนไม่ไหวถึงกับกอดคอเพื่อนที่อยู่ช้าง ๆ แล้วร้องไห้ด้วยกัน
จากคุณ :
ทรายสีชมพู
- [
20 พ.ย. 47 10:33:54
A:203.156.51.55 X:
]