บรรยากาศในงานเริ่มขึ้นได้ หลังจากจบด้วยคำว่าขอบคุณจากด๊อกเตอร์ทั้งแปดท่าน
ขณะนี้เสียงพิธีกรในงาน ได้ออกมายืนหน้าเวทีอีกครั้ง พล่าม ๆ ๆ ๆ แต่ยังดีที่ไม่มีโฆษณาคั่น
เหล่าน้องใหม่ที่ต้องขึ้นมาแสดงโชว์ตัวกันได้ทะยอยกันออกมาตามชื่อที่เรียกแต่ลำดับ ยืนกันให้เต็มเวทีไปหมด
ที่จริงถ้าคิดกันไป จะมองได้หลาย ๆ มุม
แต่รวมกันแล้วแน่นอนมันได้เท่ากับ 360 องศาพอดี
ไม่แปลกเลยที่ฝัดคิดแบบนั้น ไหน ๆ ก็ทำงานอยู่กับตัวเลขแล้วนี่
พิธีกร ก็ไม่ใช่ใคร คนในบริษัทฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไอ้หมอนี่มันสมกับตำแหน่งจริงๆ มันพูด ๆ ๆ ซะฝัดคิดว่า กล่อมลิงได้หลับตกต้นไม้ได้แล้วกัน ฝัดคิดให้ไป 180 องศา เพราะมันขึ้น ๆ ลง ๆ หน้าเวทีหลังเวทีตลอด
สองนั่นคือ เหล่าสาว ๆ หนุ่ม ๆ นักแสดง ก็ไม่ใช่ใคร บรรดาน้องใหม่ในบริษัทนั่นอีก เอาคะแนนรวมไปแบ่งกัน ห่วยบ้างดีบ้าง ฝัดคิดให้เต็มที่ 90 องศา
สามคืออาหารที่จัดมาเลี้ยง มันก็ข้าวแกงธรรมดา ที่มีแต่น้ำแกงมากกว่าเนื้อ ในโรงอาหารประจำบริษัทนี่แหละ
ฝัดให้ไปอีก 90 องศา ฐานที่น้ำแกงทำให้อิ่มท้องได้และกินฟรีหนึ่งมื้อเท่านั้น
รวมกันแล้ว กลายเป็นวงกลม ที่วนเวียนไปอย่างนี้ทุกปีสิน่า
ฝัดนั่งหาวแล้วหาวอีก วันนี้คุณพร้อมช่างเจรจาจนฝัดเกิดความรำคาญ
เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมเขาหงุดหงิดไม่ได้เกิดความรื่นเริงไปด้วย
ทั้ง ๆ ที่มันก็น่าจะรื่นเริงเหมือนกับบรรดาคนอื่นเขา ฝัดเริ่มเบื่อ
แต่ต้องนั่งรออย่างเสียไม่ได้ เพราะรับปากภรรยาคุณพร้อมไว้ว่า จะไปส่งคุณพร้อมให้ถึงบ้าน
การแสดงหลาย ๆ ชุดผ่านพ้นไป จนกระทั่งมาถึงการแสดงของน้อง ๆ แผนกบัญชี ที่คุณพร้อมบอกนักหนาว่า เด็ดสุด ๆ
โธ่เอ๋ย ฝัดคิดแล้วอยากขำกลิ้ง เนี่ยนะเด็ดของคุณพร้อม
ก็แค่ออกมาเต้นกระโดดยกแขนขาไปมา เปิดเพลงเต้น เลียนท่าฝรั่ง
แม่คุณที่ออกมาเต้น ก็ดันเอาเชือกกฟางสีเขียวมาผูกเรียงร้อยเข้าด้วยกัน แล้วเอามาฉีกให้มันเป็นพู่ ๆ รอบ ๆ ตัวพวกเจ้าหล่อนไว้อีก ฝัดเริ่มรู้สึกจิ๊กจั๊กในปาก
แค่นี้ยังไม่พอยังสวมดอกไม้ผ้าสีขาวทำเป็นวง ๆ ไว้บนหัวแก้เลี่ยนซะด้วย
ที่คอเจ้าหล่อนใส่ดอกไม้ผ้าเป็นพวงยาว ๆ ห้อยไว้มาถึงสะดือ
และไอ้ข้างในนั้น หล่อนก็ใส่ขาสั้นและเสื้อสายเดี่ยวไว้อีกต่างหาก
นั้นยังสวยไม่พอใจมั้ง เจ้าหล่อนทั้งหลายใส่ถุงน่องสีดำให้มันดูตลกเข้าไปใหญ่
ฝัดไม่เข้าใจว่า พวกหล่อนเอาสีต่าง ๆ มาประดับบนตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจทางสายตาของผู้นั่งชมทำไม
ไม่เข้าใจว่าพวกหล่อนต้องการเต้นฮูล่า ฮูล่า เลียนแบบสาวชาวเกาะ หรือว่าแสดงจำอวด
ที่จริงฝัดไม่ค่อยจะสนใจเรื่องแฟชั่นอะไรนี่มากเท่าไหร่ ขอให้ส่องกระจกดูแล้วเรียบร้อย ไม่สะดุดตาสะดุดเท้าของใครเป็นใช้ได้
ผู้หญิงคนเดียวในบ้าน ก็คือแม่ แม่เป็นยอดของแฟชั่นฝ่ายหญิงที่ฝัดเคยคิดว่าเวลาที่แม่จะออกไปไหน
แม่แต่งตัวได้คลาสิกที่สุด สมบุคคลิก ไม่มากและไม่น้อยเกินไป
ฝัดนั่งหน้าแดงไปแดงมา ดีแต่ว่ามันไม่ค่อยสว่าง จนไม่มีใครสังเกตเห็น
รอบ ๆ ตัวมีเสียงหัวเราะโห่ฮา พร้อมกับเสียงของใครลอยลมมาให้เข้าหูอีกว่า "พวกบัญชีก็เงี้ย คิดเลขเป็นอย่างเดียว"
นั่นไงที่ทำให้ฝัดหงุดหงิดแน่ ๆ เริ่มปวดหัวปวดกรามตึ๊บ ๆ ก็เขาเป็นหัวหน้าพวกหล่อนด้วยนี่นา
ฝัดได้ฟังแล้วอดโมโหแทนไม่ได้ เขาหายใจลึก ๆ ดื่มน้ำส้มอึกใหญ่ ๆ หลับตาลงพักหนึ่ง
แล้วก็คิดได้ว่า อืม นี่เราจะบ้าเอาหน้าเอาตาโกรธแทนพรรคพวกไปด้วยแล้วหรือเนี่ย
ไม่น่า อย่าบ้าเลย ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด เล่นเป็นเล่น งานเป็นงานสิ ไม่ได้เกี่ยวกันสักหน่อย
คิดมากไปแล้วมันจะปวดหัว ปวดกรามพิกล ๆ โรคเครียดถามหาแน่เลย
เฮ้อ เด็ดจริงๆ เลย ปลง ปลง ปลง
คืนนั้น ฝัดกลับบ้านมาอาบน้ำกินยาแก้ปวดหัวเข้านอนทันที
เขาวางโปรแกรมทั้ง 5 วันหยุดยาวว่าพรุ่งนี้จะนอนให้สบาย ๆ ทำตัวขี้เกียจสักวัน
รุ่งขึ้นเขาคิดว่าจะพาแม่ไปทำบุญที่วัดใกล้ ๆ บ้าน
วันต่อไป พาแม่ไปนอนนั่งริมทะเลสักสองคืน พาไอ้จุดไปด้วย มันจะได้กระโดดโลดเต้นออกกำลังขาบ้าง มันคงจะงับน้ำ ขุดทรายเล่นเพลินไปเสียอีก
ฝัดฝันวาดโปรแกรมทีมีเพียงเขา แม่ และไอ้จุด อย่างสวยหรู
ความรู้สึกครั้งสุดท้ายก่อนหลับไปคือ รู้สึกปวดตะหงิด ๆ มากขึ้นที่กรามด้านซ้ายพิกล ๆ
มันเต้นตุ๊บ ๆ อย่างไรไม่รู้ในปาก เอ เขาเป็นอะไรหนอ?
วันรุ่งขึ้น ฝัดตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี
ไม่ใช่เพราะเสียงเห่าของไอ้จุด หรือเสียงแม่ที่ตื่นมาทำครัวก๊อก ๆ แก็ก ๆ นั่นหรอก
แต่เขาปวดฟันกรามด้านซ้ายมากยิ่งขึ้น ส่องกระจกดูหน้าตัวเอง
ฝั่งแก้มด้านซ้ายทำไมมันบวมฉึ่งได้ขนาดนี้
อ้าปากแทบไม่ได้
มีความรู้สึกเหมือนกับว่า อะไรมันตำอยู่
พยายามเอามือเขี่ย
เอาไหมขัดฟันมาลาก ๆ ดู มันไม่มีอะไรติดขึ้นมา นอกจากขี้ฟัน
เอาสำลีพันปลายไม้เข้าไปกด ๆ ดูตรงที่บวม ๆ แดง ๆ ที่ซี่ฟันนั้น
อุ๊ย หนองไหล ติดปลายมาเชียว
ฝัดเดินออกมานอกห้องพร้อมกับเอามือกุมแก้มเดินออกมาหาแม่
"อ้าว ตื่นเช้าเชียว แม่เสียงดังรบกวนแกหรือ" แม่เอ่ยปากถามทันทีที่เห็นหน้า
"ไม่หรอกครับ ผมนอนไม่หลับแล้ว ปวดกับไอ้ฟันในปากอยู่เนี่ยไม่ไหวแล้ว" ฝัดบอกเหตุผลแม่ด้วยเสียงอู้อี้มือคลำข้าง ๆ แก้มข้างกรามอยู่ป้อย ๆ
"อืมม แม่นี่โชคดีนะ ไม่เคยนอนปวดฟันเลย" แม่พูดตอบเรื่อย ๆ
"ครับ แม่ทำยังไงล่ะ" ฝัดถามแม่ด้วยความอยากรู้เผื่อแม่มีวิธีที่ช่วยเขาได้
"อ้าว ก็แม่กับฟันนอนแยกกันมาตั้งนานแล้ว แล้วแม่จะปวดฟันได้ไงล่ะ จริงไหม?" แม่ตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับค้อนประหลับประเหลือก
ฝัดคิดตามอย่างช้า ๆ พร้อมกับลืมความเจ็บชั่วคราว ระเบิดหัวเราะออกมา "ฮ่า ๆ ๆ ใช่ครับใช่ แม่พูดอีกก็ถูกอีก
ก็แม่นอนในห้อง ฟันแม่นอนในกล่องใส่น้ำยาในห้องน้ำ แล้วแม่จะปวดฟันได้ไงล่ะ ฮ่า ๆ ๆ "
จากคุณ :
NATTI นัทตี้
- [
22 พ.ย. 47 22:08:51
]