CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    หลอนวิปลาส ภาค 2 ตอนจบ (ความจริง?)

    ตอนที่แล้ว
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3130804/W3130804.html

    ++++

    ร่างชายชราซึ่งแขวนอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยสายไฟและสายบรรจุสารเคมีบางอย่างเสียบ ระโยงระยาง นับร้อยสาย ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนและไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการด้วยซ้ำ เส้นสายเหล่านั้นต่ออยู่กับอุปกรณ์มากมายรายล้อม ซึ่งบางส่วนแสดงผลทางจอเล็กๆเป็นเส้นกราฟและบอกค่าอะไรบางอย่างที่ดูแล้วไม่เข้าใจ หลอดไฟเล็กตามหน้าปัดกระพริบวูบวาบ


    +++++

    ผมใช้คำว่าแขวนถูกต้องแล้ว เพราะชายชราคนนี้มีเพียงศีรษะเท่านั้น..ถัดลงมาจากลำคอขาดเรียบราวถูกมีดคมกริบตัดผ่านเป็นสายไฟและหลอดยางบรรจุสารเคมีไหลหล่อเลี้ยง นัยน์ตาของแกปิดเหมือนคนนอนหลับ แต่กล้ามเนื้อบางส่วนยังมีอาการกระตุกให้เห็นแสดงว่ายังมีชีวิต

    “นั่งตามสบายนะครับ”

    เสียงแหบพร่าทำให้ผมสะดุ้งเฮือก เสียงนั้นดังมาจากลำโพงเล็กๆแขวนบนผนัง แน่ล่ะในเมื่อชายผู้นี้ไม่มีหลอดเสียงไม่มีปอดแกจะเปล่งเสียงออกมาจากปากได้อย่างไร ผมยืนอึ้งพูดไม่ออกครู่หนึ่งก่อนตั้งสติมองไปรอบๆห้องและพบเก้าอี้ตัวหนึ่ง จึงลากมานั่งข้างหน้าศีรษะประหลาดนั่นพลางจ้องมองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอย่างพิศวงงงงวย..ผมยังไม่ถึงขั้นวิ่งหนีโครมครามเพราะผ่านประสบการณ์อันพิลึกพิลั่นมามากจนประสาทแข็งแกร่งพอ หรือไม่ก็แทบชาชินไปแล้วโดยอัตโนมัติ

    “กว่าเราจะพยายามทำให้คุณมาถึงที่นี้ได้ มันไม่ง่ายเลยนะ”
    เสียงสังเคราะห์จากอุปกรณ์ซึ่งน่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ชนิดใดชนิดหนึ่งเปล่งเสียงต่อไปเรื่อยๆ

    “ถ้ายังไม่หายเกือบเป็นปรกติ คุณจะไม่มีทางเจอที่นี่ได้เลย เพราะโลกที่คุณอยู่เป็นโลกหลอนทั้งนั้น โลกที่ไม่มีอยู่จริง  เอ..ไม่สินะ...มีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริง บางทีมันไม่สำคัญอะไรเลย ดีใจด้วย…อาการทางจิตคุณเหลืออยู่เล็กน้อยเท่านั้น พวกหมอในสถาบันโรคจิตมันเก่งจริงๆ”

    “คุณเป็นใครกันแน่..”  ผมถามขึ้นอย่างงุนงงสงสัย

    “ผมก็เหมือนคุณนั่นล่ะ”

    “เหมือนผม..”

    “ใช่...คนที่รอดตายจากอาวุธเคมี…อาวุธนิวตรอน...พวกเราเหลืออยู่ไม่มากนัก…ผมแย่กว่าตรงที่ร่างกายดับสลายไปเกือบหมดแล้ว เหลือแค่สมองที่ยังคงทำงานอยู่ คนของผมช่วยผมเอาไว้ได้เท่านี้ ย”

    ช่วยให้เหลือแต่หัวนี่นะ...ผมคิดในใจ แล้วสงครามเคมีที่ว่าทำไมผมไม่เคยรู้เรื่องเลยว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน  เท่าที่รู้ผมมีชีวิตที่ดี ราบรื่นและสวยงามมาตลอดจนเกิดเรื่องบ้าบอคอแตกในตอนหลัง ซึ่งทำให้ต้องถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ในสถาบันโรคทางจิตอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งกลับกลายเป็นว่าชีวิตทั้งชีวิตที่ผ่านมาเป็นเพียงความทรงจำที่เกิดจากอาการทางประสาทเท่านั้น กระทั่งตนเองเป็นใครก็ยังไม่รู้

    “ทำไมเหลือแต่หัวแล้วไม่ตาย..”
    เสียงไร้อารมณ์จากตู้ลำโพงขนาดเล็กดังต่อไป
    “ผมว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากอาวุธเหล่านั้นนะ..ผลที่ทำให้พวกเรา..มีอำนาจทางจิต ทรงพลังขึ้นอย่างเหลือเชื่อ คงเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่งเพื่อความอยู่รอด อำนาจจิตที่สามารถสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาได้

    “ผู้หญิงที่นำทางเข้ามาหายไปไหน”

    ผมเปลี่ยนเรื่องถามจุดที่สงสัยมากที่สุด เสียงสังเคราะห์ครืดคราดเหมือนคนกำลังพยายามหัวเราะ หนังตาชายชรากระตุก ริมผีปากเหมือนเหยียดแสยะ

    “ไม่มีผู้หญิงที่ไหนหรอกคุณ นั่นเป็นเพียงภาพที่เกิดจากความคิดของคุณเอง ผมไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากระตุ้นให้คุณเห็นเท่านั้น อืมม์..ผมยังไม่ได้บอกว่าเครื่องมือพวกนี้มันทำให้คนที่ไม่เป็นและไม่ตายอย่างผมมีพลังจิตมากขึ้นจนสามารถเข้าไปทำให้คุณเห็นเป็นคนที่คุณรักเดินนำทางมานี่ล่ะ”

    “จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว คุณต้องการอะไรกันแน่…ถ้าคุณมีพลังอำนาจขนาดนั้นจริงทำไมมาเบียดเบียนโลกของคนอื่น ทำไมไม่พาตัวเองจมหายไปกับโลกของคุณ”

    ผมร้องอย่างเดือดดาล ลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็กลายเป็นว่าไอ้หมอนี่มันถือวิสาสะเข้าไปเดินเล่นอยู่ในหัวของผมราวกับเข้าไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างน่าชิงชังรังเกียจที่สุด

    “คุณไม่รู้อะไร...” เสียงเรียบๆนั่นกล่าวต่อไปอย่างไม่ยินดียินร้าย
    “ถึงผมจะสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาได้อย่างที่คุณเห็น หรือสัมผัสได้...  แต่ผมควบคุมมันไม่ได้ทั้งหมด...โครงสร้างโลกส่วนตัวของพวกเราขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานของพวกเรา ทุกคน เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่พวกเราจะมีเหมือนกัน... พูดง่ายๆคือผมทำที่นี่ให้เป็นดาวอังคารไม่ได้ ตราบใดที่คนอื่นๆไม่ยอม ผมเดาว่ามันอาจเป็นความเกี่ยวข้องทางควอนตัมสักอย่างที่เรายังเข้าไม่ถึง เราปรับเปลี่ยนได้พียงส่วนย่อยเท่านั้น.....  ถ้าผมต้องการจะสร้างโลกของผมให้เป็นเอกภาพ เป็นตามใจนึก..... ผมต้องทำลายพวกที่เหลือให้หมดเสียก่อน... ทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนสร้างขึ้นไม่ให้เหลือ ไม่ให้มีโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นส่วนรวม..ไม่ต้องมีเสาหลักของจักรวาลที่เป็นส่วนกลาง......หลังจากนั้น ผมก็คือพระเจ้า....พระเจ้าที่สร้างสรรพสิ่งขึ้นมาทั้งหมด ในโลกของผม...สร้างอย่างสมบูรณ์และตามใจต้องการ”

    นั่นเป็นคำพูดของคนบ้าชัดๆ

    “ผมกำลังจะตาย...คนของผมล้มหายตายจากไปเกือบหมดแล้ว เครื่องปั่นไฟก็กำลังจะหมดเชื้อเพลิงในไม่ช้า ถ้าผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องหาร่างใหม่ที่แข็งแรง …หลายคนที่ผ่านมามีร่างที่ไม่สมบูรณ์ ผมจึงทำลายไปจนหมด ใช่...ร่างของคุณ เหมาะสมที่สุด ร่างซึ่งมีสมองผุ ๆ ของคุณบรรจุอยู่อย่างไม่สมควรจะเป็นอย่างนั้น..บ้านิดหน่อยเท่านี้กำลังดี เหมาะในการปรับเปลี่ยนที่สุด  พลังอำนาจในตัวผมมันเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทำลายคู่แข่งประทุจนสมองแทบระเบิดอยู่แล้ว ผมต้องหาร่างใหม่...เพื่อโลกใหม่”

    ทันใดนั้นเอง ดวงตาที่หลับมาตลอดของชายชราพลันลืมตาโพลงขึ้น ประกายตาที่ทรงอำนาจน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยพบเห็น เปล่งประกายมุ่งร้ายหมายขวัญอย่างชัดเจนราวกับมีประกายไฟประทุออกมาจากดวงตานรก

    “ผมจำเป็นต้องล่อให้คุณเข้ามาอยู่ในสนามพลังจิตของผมในระยะหวังผล มันจะได้ผลดีในการเปลี่ยนสมอง ไม่ต้องกังวลหรอก แม้ว่าจะเจ็บนิดหน่อยแค่ปางตายเท่านั้น....”

    “ไอ้บ้าเอ๊ย......”

    ผมร้องด่า คว้าเก้าอี้ยกขึ้นสุดแขน เป้าหมายคือศีรษะมารซึ่งตอนนี้ดูน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน

    แต่สิ่งที่อยู่ในมือตอนนี้เป็นลูกชายที่หายไป เขากำลังดิ้นรนและส่งเสียงร้องราวกับเจ็บปวดรวดร้าว มันทำให้ผมยืนจังงังแข็งทื่อ

    “จะทำร้ายลูกสุดที่รักลงคอเชียวหรือ”

    เสียงแหบพร่าแว่วมาประหนึ่งจะเยาะเย้ยเมื่อเห็นอาการชะงักงันของผม ใช่แล้ว....มันจะต้องใช้พลังของมันสร้างภาพหลอนขึ้นมาในความคิดของผม สิ่งที่อยู่ในมือจะต้องเป็นเก้าอี้อย่างไม่ต้องสงสัย  มันพยายามหลอกล่อให้ผมเกิดความสับสน แต่ไม่มีวันเสียล่ะ เรื่องแบบนี้เคยดูมาบ่อยในภาพยนตร์สยองขวัญ แม้กระนั้นยังรู้สึกเจ็บแปรบในความรู้สึกเมื่อทุ่มร่างเล็กๆนั่นสุดแรงตรงไปยังศีรษะอุบาทว์สุดแรงเกิด

    ร่างน้อยๆลอยไปตามแรงเหวี่ยงได้ครึ่งระยะก็ชะงักวูบเหมือนโดนมือไร้สภาพปะทะเอาไว้ ก่อนหล่นลงสู่พื้น ลูกชายของผมแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แขนขากระเด็นไปคนละทิศละทาง ศีรษะกลิ้งขลุก ๆ หายเข้าไปใต้โต๊ะเลือดแดงฉานเต็มพื้นห้อง อวัยวะภายในกองสั่นระริกอยู่ท่ามกลางทะเลเลือดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง

    ศีรษะน้อยๆกลิ้งขลุกๆ ออกมาจากใต้โต๊ะ เหลือกตาขึ้นมามอง ปากส่งเสียงเล็ก ๆ ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ

    “พ่อฆ่าผมทำไม......ผมเจ็บนะ”

    อยู่ไม่ได้แล้วแบบนี้....นั่นต้องเป็นฝืมือในการสร้างภาพของเจ้าคนนรกนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย ผมกระโจนหนีออกจากห้องสุดชีวิต แต่เผ่นออกไปไม่กี่ก้าวต้องชะงัก สมองลั่นเปรี๊ยะ อะไรบางอย่างที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายกำลังรุกรานเข้ามาในความคิดอย่างตะกรุมตระกราม สิ่งนั้นเห็นชัดเลยว่ามันกำลังเข้าครอบงำความรู้สึกนึกคิด ใบหน้าชายชราอุบาทว์ราวกับขยายเต็มม่านตา

    บันใดอยู่ห่างออกไปไม่กี่ขั้น ผมรวบรวมกำลังที่หลงเหลือโถมตัวลงไปโดยไม่สนใจว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่ชายชราอีกคนหนึ่งซึ่งเจอเป็นคนแรกในตึกแห่งนี้ขวางทางอยู่ พร้อมด้วยไม้ท่อนเขื่อง
    นี่คงเป็นคนของชายชรานรกนั่น

    ผมพุ่งเข้าชน เราทั้งคู่เสียหลักพุ่งลงมาจากบันใด แต่คนที่เอาท้ายทอยฟาดลงพื้นห้องชั้นล่างเป็นชายชราผู้เคราะห์ร้าย ผมหล่นกระแทกอัดเข้าไปยังร่างของแกเต็มแรงอย่างไม่ตั้งใจ ไม่แน่ใจว่ากระดูกของแกจะหักไปกี่ชิ้น แต่ที่แน่ๆ มองเห็นศีรษะซึ่งมีเลือดอาบแดงฉานของชายชราเคราะห์ร้ายบิดผิดรูปในลักษณะที่ไม่ควรเป็นไปได้ตามปกติ

    แบบนี้คงคอหักตายคาที่ ผมตะกายขึ้นมาเตรียมเผ่นหนี พลังของนักวิทยาศาสตร์สติแตกผู้นั้นรุนแรงเกินกว่าจะต้านรับได้

    “คุณหนีไม่รอดหรอก”

    เสียงแหบพร่าสั่นประสาทประทุมาจากชั้นบน  และฉับพลันร่างของชายคนรับใช้ซึ่งนอนศีรษะแตกเลือดอาบก็ทะลึ่งพรวดกระดกขึ้นมาเป็นศพฟื้นคืนชีพ เหมือนหุ่นชักใย

    มันไม่มีทางเป็นไปได้แต่ภาพที่เห็นอยู่ยืนยันชัดเจนว่าตาแก่นี่เพิ่งตายไปหยก ๆ และฟื้นขึ้นมาแบบรวดเร็วชนิดที่ไม่เคยพบมาก่อนในภาพยนตร์เรื่องใด  แกเดินทื่อตรงเข้ามาด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อในขณะที่ผมตะกายหนีไม่คิดชีวิต

    ถอยไปติดผนังห้อง มือซูบซีดก็คว้าใส่ลำคอพอดีกระแทกด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลจนคอแทบหลุดจากบ่า ผมเห็นเงามรณะรางๆอยู่เบื้องหน้าในสายตาอันพร่าเลือนและเจ็บปวด  มือของแกแข็งแกร่งราวคีมเหล็กซึ่งน่าจะหักคอคนได้ไม่ยากเย็นนัก

    จู่ๆก็มีเสียงดังผลั่วะ..ศีรษะของคนรับใช้มรณะระเบิดออก ชิ้นส่วนปลิวไปปะทะผนังด้านข้าง เลือดสีแดงกระเซ็นสาดประทุจากลำคอเหมือนท่อประปาแตก  เศษสมองปลิวกระจายไปติดข้างฝา บางชิ้นยังสั่นระริกราวมีชีวิตกรุกคลานไปตามพื้นราวตัวหนอน  พลังอะไรก็ตามที่บรรจุอยู่ในคราบสังขารค่อนอายุระเบิดออกจากรอยฉีกขาดซึ่งแตกปริไปตามร่างกายอย่างรวดเร็ว

    ใบหน้าเปื้อนเลือดอยู่ด้านหลังของร่างซึ่งโงนเงนประทุเลือดเป็นฝอย ...จิตแพทย์ประจำตัวผมนั่นเอง ในมือคุณหมอเงื้อชะแลงเหล็กท่อนหนึ่งขึ้นสูงและฟาดซ้ำลงไปยังบริเวณลำคอไร้ศีรษะนั่นอีกครั้ง ความแรงและหนักของท่อนเหล็กทำให้ร่างนั้นทรุดฮวบลงกับพื้นสั่นกระตุกไม่หยุดยั้ง สีแดงฉานของเลือดแผ่วงกว้างออกไปทุกขณะ

    “รีบหนีออกจากที่นี่....เราหยุดมันไม่ได้นานหรอก”

    จากคุณ : GTW - [ 23 พ.ย. 47 17:54:44 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป