...เอ่อ...คือก่อนอื่นขอชี้แจงก่อนนะคะ ว่าอมราวตีไม่ได้อู้มาแต่งเรื่องสั้นนะคะทุกท่าน >< ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆค่ะ ถ้าไม่จริงขอให้ฟ้าผ่า(ใครที่ไหนที่ไม่ใช่อม)เลยค่ะ
แล้วอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นประการสำคัญที่สุดก็คือว่า....ยอมรับได้เต็มปากว่าเรื่องนี้มาจากตัวอมราวตีเองค่ะ แต่งขึ้นเป็นปีแล้วค่ะ พอดีวันนี้ไปเปิดไฟล์เก่าๆเจอเลยเอามาลงเล่นๆให้อ่านแก้เซ็งนะคะ เรื่องนี้เป็น "มุมมอง" ของคนเขียนค่ะ จึงตั้งขื่อตามนั้น เพราะงั้นหลายๆคนอาจมีความคิดเห็นต่างกัน ก็ไม่ว่ากันค่ะ ^^
...มุมมองกับความทรงจำสีจาง....
นาฬิกาที่ชั้นล่างของบ้านตีเสียงดัง 3 ครั้ง
ฉันพลิกตัวจากการที่นอนคว่ำอ่านหนังสือ
..อ๋อ
แน่นอนว่าต้องเป็นหนังสือการ์ตูน
ตอนนี้ก็บ่าย 3 โมงเย็นแล้ว
. อีกไม่นานก็จะได้เวลาที่ฉันไปร้านหนังสือแล้วสินะ
ฉันคิดก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ
..
อย่าเพิ่งคิดว่าฉันขี้เกียจกันหน่อยเลยน่า
.พวกคุณแค่เห็นชีวิตช่วงบ่ายที่ฉันใช้ พักผ่อน หรือที่ย่าเรียกว่า นอนขึ้นอืด
.เท่านั้นแหละ
นี่แค่เสี้ยวหนึ่งในชีวิตฉัน เห็นแล้วก็อย่ารีบด่วนสรุปนักเลย
.เหมือนกับคุณมองดูเหรียญแค่ด้นเดียวอะไรประมาณนี้แหละ
คุณก็จะไม่เห็นอีกด้านซึ่งอาจสวยงามหรือน่ากลัว
ความเหมือนหรือความตรงข้ามอย่างสุดขั้วนั่นแหละ
แต่ก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่นา
.เอาเถอะ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมฉันว่างนัก ก็นี่มันเดือนเมษายนนี่นา ฉันเป็นแค่เด็กอายุ 15 ธรรมดาๆติดดินคนหนึ่ง
.
เข้าใจหรือยัง ? ไม่ใช่ว่าฉันจะหนีเรียนหรือเกโรงเรียนหรอกน่า
.ที่จริงแล้วฉันออกจะเป็นเด็กดีด้วยซ้ำไป
แต่เอาเถอะ..จะเรียนเก่งหรือไม่เก่งมันก็ไม่ได้วัดจากเกรดเสมอไปหรอก
.เพราะเกรดที่ได้มาจาก สิ่งอื่น ที่ไม่ใช่ความรู้หรือสมองของตนเองจริงๆน่ะ มีทั่วบ้านเมืองเลยนี่?
เอาล่ะ
.ฉันไม่อยากจะคิดเรื่องนี้ให้รกสมองหรอกนะ
เพราะตอนนี้หูของฉันก็รับเรื่องมาเยอะเกินพอแล้ว
.
เรื่องอะไรน่ะเหรอ?
เรื่องภายในครอบครัวของฉันนี่แหละ
และก็เป็นเรื่องเดิมๆซะด้วย
.
เออน่า
เดี๋ยวเก่งจัดการเองน่าพ่อ
บอกจัดการเองก็จัดการเองพ่อไม่ต้องมายุ่ง!
.อีกแล้วๆ
พี่ชายฉันตวาดเสียงลั่นบ้านและท่าจะทะลุเข้าหูพวกชอบสอดรู้ข้างบ้านทั้งหลายเสียด้วย
แล้วเมื่อไรจะจัดการ
นี่น่ะเรื่องเรียนของแกแท้ๆนะ
เพื่อนน่ะมันไม่ตายง่ายๆหรอก!
.เอาเข้าไป พ่อฉันก็ไม่ยอมแพ้เสียด้วย เสียงลั่นไม่แพ้กันเลย
สงสัยจะเป็นกรรมพันธุ์
..
น่า
.เก่ง
เชื่อพ่อเขาเหอะ เขาโตมาก่อนเอ็งน่า.. คราวนี้มีเสียงย่าเข้ามาแทรก
ฉันได้แต่ทอดถอนใจ
.จริงๆเลย
..
อ๋อ
..คงจะสงสัยสินะ ? ว่าแม่ฉันหายไปไหน ?
ไม่ใช่ครอบครัวฉันไม่สมบูรณ์นะ แม่ฉันก็คงอยู่ข้างล่างด้วยแหละ
แต่แม่เถียงไม่ทันการโต้แย้งอันดุเดือดหรอก
ฉันเหรอ?
ฉันก็ขึ้นมาหลบภัยในห้องนอนของตัวเองน่ะสิ มันไม่ใช่ธุระของฉันเลยไม่ใช่หรือไงล่ะ
เรื่องอะไรฉันจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงกับการที่จะโดนพลอยฟ้าพลอยฝนไปกับชาวบ้านด้วยล่ะ
.
..มันก็เป็นแค่กิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งในครอบครัวฉันเท่านั้นเอง
.
ไอ้การที่พี่ชายที่แก่กว่า 4 ปี
..ทะเลาะกับพ่อ
อ๋อ..แน่นอนต้องมีย่ากับแม่มาแจมด้วยอยู่แล้ว
.
แต่ฝันไปเถอะนะ
ว่าฉันจะโดดลงไปร่วมด้วย
คุณเคยได้ยินไหมล่ะ
คำว่า เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ
ฉันไม่อยากเอากระดูก
ที่สงสัยชิ้นต้องโตแน่นอน
มาแขวนคอของฉันหรอก หนักจะตาย!!!
ฉันเหลือบมองนาฬิกาของฉันบนโต๊ะข้างเตียง
.บ่ายสามโมงครึ่งแล้ว
ไปดีกว่าแฮะ
..
แต่ก่อนที่ฉันจะลากสังขารตัวเองลงจากเตียงนั่นเอง
เสียงมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นและค่อยๆห่างไป
.
ตามด้วยเสียงของพ่อฉันว่า
ปล่อยมัน
ตัวใครตัวมัน มันจะไปตายที่ไหนช่างหัวมัน!!
ฉันยักไหล่กับตัวเองอย่างเซ็งๆ
.ให้มันได้อย่างว่าเหอะ
..
ฉันลังเลอยู่
ว่าจะโผล่ลงไปตอนนี้ดีมั้ย
..ถ้าโผล่ไป..ฉันอาจจะ
ไม่สิต้องเจอแน่เลย
.เจอคำพูดที่ฉันเกลียดมากที่สุดในชีวิต
อ๋อ
พี่ไปปุ๊บน้องก็ไป
.พอกันเลยนี่!
คำพูดที่ฟังจนชาชิน
จาก
..คนที่เลี้ยงฉันมา
ย่า
.
คำพูดทำนองนี้ที่ต้องฟังซ้ำๆกันทุกวี่ทุกวัน
..
คำพูดที่เปรียบเทียบตัวของฉันกับคนอื่น
..
ไม่ว่าจะเป็นความประพฤติของฉันกับคนอื่นหรือคนสมัยก่อน
การเรียน
หรือทุกสิ่งทุกอย่าง
.
เขาอยากให้ฉันเป็นอย่างคนอื่น
เหมือนๆกับที่อยากให้พี่เป็นแบบอื่น
..
สมัยก่อน..ฉันอยู่ประถม
.พี่อยู่มัธยม
..
ตัวฉันในตอนนั้น
.มักจะมองพี่
ทะเลาะกับย่าและพ่อ
.
ฉันได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ
.พี่ทำไมต้องเถียงกับย่าและพ่อด้วย?
ทำไมต้องไม่ทำตามที่ย่าและพ่อพูด?
ทำไมพี่ไม่ค่อยอยู่บ้าน?
ทำไมพี่ชอบออกไปนอกบ้าน?
ถ้าพี่ทำตามที่ย่าและพ่อพูดไปซะ
ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือไง?
จนตอนนี้
ฉันก้าวขึ้นมายืนในจุดเดียวกับพี่
.ฉันถึงเข้าใจ
..
พวกเราเป็นลูกหลานของเขา
.
แต่พวกเราไม่ใช่ตุ๊กตาของพวกเขา
ฉันไม่เข้าใจพี่
จนกระทั่งมายืนในจุดเดียวกัน
และฉันก็ไม่เข้าใจพ่อกับย่า
คงจะเพราะฉันยังไม่เคยยืนในจุดนั้น
..
แต่เขาเคยอยู่ในจุดเดียวกับพวกเราไม่ใช่หรือ?
ทำไมไม่เข้าใจพวกเรา?
..ไม่ใช่ฉันไม่รู้คำตอบข้อนี้
ส่วนหนึ่งฉันเข้าใจ
.
เพราะฉัน
พี่
พ่อ
ย่า
เติบโตมาต่างเวลา
คนละยุคสมัยกัน
แต่อีกอย่างหนึ่ง
..มันสำคัญมาก
..
ฉัน..พี่
พ่อ
ย่า
.ไม่ใช่คนๆเดียวกัน!!
ถึงจะมีสายเลือดเดียวกัน
นิสัยบางอย่างที่คล้ายกัน
.แต่ก็เป็นคนละคนกัน!
ฉันกับพี่
.ถูกเลี้ยงมาคนละแบบ
คนละเวลากับพวกเขา
.
ฉันกับพี่
.มีความเป็นตัวของตัวเองพอ
.เชื่อมั่นในตัวเองสูง
.จนอาจเกินไป
.
พวกเราจึงมั่นใจในสิ่งที่พวกเราทำ
เพราะแม้มันจะผิด..เราก็ได้ลองด้วยตัวเอง
มันเป็นความคิดที่ง่าย
และบางทีก็ดูโง่มากเลยใช่มั้ย?
แต่พวกเรารู้ตัวดี
พวกเรายังมีส่วนของความเป็น เด็ก อยู่อีกเยอะ
แต่
ผู้ใหญ่บางคนจะรู้รึเปล่า?
ว่าพวกเขาเอง..ก็มีความเป็น เด็ก อยู่ในตัวเหมือนกัน
พ่อแม่ทุกคนรักลูก
.อยากให้ลูกได้ดี
.ทำไมฉันจะไม่รู้?
แต่สิ่งที่พวกเขาฝัน
กับสิ่งที่พวกเราฝัน
.มันไม่เหมือนกัน
..
เขาพยายามให้สิ่งดีๆกับลูกๆของตัวเองเสมอ
แต่บางครั้ง
ฉันเห็นว่ามันเป็นการ เอาแต่ใจ อย่างหนึ่ง
เคยเห็นเด็กๆ
ที่เล่นหุ่นยนตร์แปลงร่าง
หรือตุ๊กตาไหมล่ะ?
เด็กๆพวกนั้น
.จะพยายามดัดแปลง
ตกแต่ง
ทำให้ของๆตัวเองดีที่สุด
.
ยัดเยียดหลายสิ่งหลายอย่างให้
.และเป็นสิ่งดีๆ
..
ฉันมองภาพพวกนั้นแล้ว
.มองมาที่พ่อแม่
กับลูกๆ
.ผู้ใหญ่
กับเด็กๆ
.
ริมฝีปากของฉันที่มองภาพนั้นยิ้มเหยียดไปในทันที
.เพราะในสายตาของฉัน
มันไม่ค่อยจะต่างกันเลย!!!
หลายๆคนคงมองฉันด้วยสายตาประหลาด
.ว่าทำไมฉันมีความคิดแบบนี้?
อย่าไปสนใจเลยน่า
.ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
ในโลกบิดๆเบี้ยวๆใบนี้หรอก
.
เหมือนกับที่คนเลวร้อยเปอร์เซนต์เต็มของคุณ
.
อาจจะเป็นคนดีที่ไม่มีใครเทียบได้เหมือนกัน
..
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีทางสมบูรณ์แบบ
.
ชีวิต หรือ ครอบครัว หรืออื่นๆ ก็เช่นกัน
..
แม้บางที
เราจะมีความสุข
.แต่บางครั้ง
เราก็จะมีความทุกข์ด้วยเช่นกัน..
ฉันเองก็เป็นคนธรรมดาๆคนหนึ่ง
.ฉันมีความ ดีใจ
ฉันก็มีความ เสียใจ ได้เช่นกัน
ฉันเคยเสียใจ
.เสียใจมาก
.กับบางสิ่งบางอย่าง
..ที่ ครอบครัว ให้ฉัน
.
แต่ฉันก็ยังคิด
.ว่าฉันโชคดี
ที่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้
และฉันจะไม่ลืมมัน
.
เพราะในอนาคต
หากฉันก้าวไปสู่อีกจุด
.จุดที่ผู้ใหญ่
.พ่อ
แม่
ย่า
.ของฉันอยู่
ฉันจะได้ใช้มันได้
.
ความเจ็บปวด
ความทุกข์
.บางที
ก็เป็นสิ่งจำเป็นเหมือนกัน
.
เพราะนี่มันเป็นชีวิต!!!
ชีวิตที่ไม่มีวันสมบูรณ์
มีความทุกข์มากมาย
.แต่ถึงอย่างนั้น
เราก็มีความสุขกับมันได้เช่นกัน
..
ฉันเดินลงจากห้องของตัวเองเอาตอน4โมงเย็น
เป็นอย่างที่ฉันคิด
..ฉันโดนบ่นจริงๆด้วย..แถมโดนเรื่องที่ชอบขึ้นไปหมกบนห้องอีกเรื่อง
.ยาวเลย
แต่ตอนที่ฉันสะพายเป้..เตรียมออกไป
.เสียงของย่าก็ดังแว่วมาว่า
เย็นนี้จะกินอะไร
?
ฉันอมยิ้มกับตัวเอง
ก่อนจะตะโกนตอบรายการอาหารโปรดไป
..ขณะที่จูงจักรยานเตรียมขี่ออกไป
เสียงของแม่กับพ่อแว่วมาอีกคนว่า
.อย่ากลับค่ำล่ะ
..
ฉันต้องตะโกนตอบไปว่า จ้า อยู่แล้ว
.
ฉันฮัมเพลงเบาๆในลำคอ
ขณะขี่จักรยานคู่ชีพไปตามถนน
..มองรอบๆ
ผู้คนมากมาย
ใช้ชีวิตของตนเองไป
..
ทั้งทุกข์
.ทั้งสุข
คละเคล้ากันไป
แต่ถึงงั้น
.มันก็ดี
.ที่มีชีวิตอยู่
ชีวิต
..ที่ไม่สมบูรณ์
..
แต่ก็เป็นชีวิต
..
ของฉัน
..
16.30น.
วันที่ x เดือน y ปี xx
จากคุณ :
อมราวตี
- [
23 พ.ย. 47 23:48:28
]