หลังจากถูกเตือนเป็นรอบที่หกสิบสามว่าระวังจะเหยียบกระโปรงเจ้าสาว
เพื่อนเจ้าบ่าวก็กลับมานั่งหน้ามุ่ยที่โต๊ะ
"ทำไมเจ้าสาวถึงต้องใส่ชุดพองเป็นขนมถ้วยฟูด้วยนะ"
เขาบ่นฮึดฮัด
"โทษผู้หญิงไม่ถูกนะ ต้องไปโทษสังคม
เราโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้อยากเป็นเจ้าหญิง"
ฉันตอบ
อ้าว...ก็จริงนี่นา ใครจะบ้าใส่ชุดสุ่มไก่ฟูฟ่องอย่างนั้นเดินไปเดินมาบนถนนได้ทุกวันล่ะ
อย่างเก่ง ในชีวิตหนึ่ง ก็คงได้ใส่แค่ครั้งเดียวในชีวิต
เอ้า! สองครั้งก็ได้...ตามมาตรฐานโดยเฉลี่ยของคนสมัยนี้
เพื่อนสาวที่นั่งร่วมโต๊ะช่วยสนับสนุนๆ
ประมาณว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเจ้าชายคนหนึ่งไปตกหลุมรักสาวสามัญชน
ตรงกลางแตกไปประมาณล้านแปดเวอร์ชัน
แต่ท้ายเรื่องต้องจบลงด้วย...
"แล้วทั้งคู่ก็แต่งงานกันอย่างมีความสุข"
ฉันยักคิ้วให้ ทำหน้าสะใจเหมือนว่า 'เห็นมั้ยๆ'
แต่แทนที่จะมองกลับมาด้วยสายตาเชือดเฉือน
เขากลับมองฉันแปลกๆ ก่อนจะยิ้มเยาะ
"แล้วรู้มั้ย ว่าหลังจาก 'แต่งงานกันอย่างมีความสุข' ตอนต่อไปเป็นยังไง"
เกลียดสีหน้าอีตานี่ตอนนี้จริงๆ
ไอ้ท่าทางเหมือน 'ข้าถือไพ่เหนือกว่า' เนี่ย
อยากตอกหน้าว่า "รู้" ชัดๆ...แต่ไม่รู้
แถมพวกเดียวกันบนโต๊ะก็กำลังส่ายหน้ากันเป็นทิวแถว
ว่าแล้วเขาก็เปิดปากเล่า
"หลังจากนั้น เจ้าชายก็บอกเจ้าหญิงว่าเขาไม่ได้รักเธอเลย
แล้วเจ้าหญิงก็อกแตกตายหลังได้รู้ว่า--"
"ไม่ใช่อกแตกตายย่ะ อุบัติเหตุต่างหาก" ฉันรีบสอดขึ้นกลางคัน
หลังรู้ว่าเรื่องนี้จะพาไปถึงไหน
"เออๆ รถชนตายก็ได้" เขาปัดคำพูดฉัน เหมือนปัดแมลงหวี่
"แล้วไงต่อ" คนรอฟังเร่งให้เล่าต่อด้วยหน้าตางงๆ
ในขณะที่ฉันกับเขากำลังทำสงครามสายตา
มีแต่ฉันกับเขาเท่านั้นที่รู้
เราเพิ่งคุยกันมาเมื่อวาน
ว่าเจ้าหญิงไดอาน่าจะรู้สึกยังไงนะ
ตอนที่รู้ว่าสามีตัวเองหลงรักอยู่กับผู้หญิงที่แก่กว่าแถมสวยน้อยกว่า
จำได้ว่าแกล้งบอกเขาเล่นๆ ไปด้วยสีหน้าจริงจัง
'ขอร้องนะ สมมติวันหลังเราเลิกกัน หาแฟนใหม่ให้สวยกว่าฉันที'
เขาตอบมาด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกัน
'ได้สิ เป็นคำขอที่ไม่ยากเลยนี่'
อยากหัวเราะ...แต่ปรากฎว่าหัวเราะไม่ออก
แถมอีตาบ้ายังหันมาทำหน้า 'ข้าถือไพ่เหนือกว่า' อีก
มันน่าบีบคอให้ตายนัก
"อย่าเริ่มนะ" ฉันรีบเบรคเมื่อเห็นเขาตั้งท่าจะเปิดปากเล่า
เสร็จแล้วก็อธิบายให้เพื่อนฟัง
เรื่องไดอาน่ากับคามิลล่า...
พอได้ยินอย่างนั้น เธอก็หัวเราะชอบอกชอบใจ
บอกว่า เออเนอะ...หยามน้ำหน้ากันชัดๆ
ฉันหันไปดูเขา คาดว่าจะได้เห็นสีหน้าสะใจปนยิ้มเยาะ
แต่เขากลับยิ้มนิ่ง
"แต่เราว่าดีออกนะ เรื่องนี้น่ะ" เขาบอกเรียบๆ ก่อนจะยกน้ำขึ้นจิบ
"ดียังไง น่าสงสารเจ้าหญิงไดอะน่าออก" ฉันถาม
"ทำไมผู้หญิงทุกคนต้องคิดจากมุมของไดอาน่าหมดเลยนะ
ลองคิดว่าตัวเองเป็นคามิลล่าดูสิ..."
ฉันคิดถึงหน้านิตยสารที่พยายามเปรียบเทียบภาพของทั้งสองคน
พร้อมข้อดีข้อเสีย จุดเด่นจุดด้อย และเส้นทางชีวิต อย่างละเอียด
คิดแล้วก็ต้องส่ายหน้าดิก
ไม่เอาอ่ะ
เป็นคนสวยที่แพ้
หรือเป็นคนชนะที่ถูกเปรียบกับคนเก่าไปตลอดชีวิต
ไม่เอาทั้งคู่ได้มั้ย
อยากถามเขากลับนัก
กับนิทานชวนคิดว่า
สมมติมีผู้หญิงสองคน
คนหนึ่งสวยตอนกลางวัน ขี้เหร่ตอนกลางคืน
กับคนหนึ่งสวยตอนกลางคืน ขี้เหร่ตอนกลางวัน
เขาจะเลือกเอาคนไหน
ฮึ! อยากรู้นัก จะตอบได้มั้ย
"ถ้าเราเป็นคามิลล่าเราคงปลื้มสุดๆ" เขาตอบ
ยกแก้วขึ้นมา จิบน้ำ แล้ววางแก้วลง
กระบวนการทั้งหมดนี้อาจจะกินเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
แต่ฉันรู้สึกเหมือนนานเป็นชาติ
และคงไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกอย่างนี้
เพราะคนร่วมโต๊ะเริ่มเร่งเร้า ถามว่าทำไม
เขายิ้ม
ยกแก้วขึ้มา จิบน้ำ แล้ววางแก้วลง
ต้องให้บอกมั้ย ว่าอีกตานี่ทำหน้า 'ข้าถือไพ่เหนือกว่า' ด้วย
ผ่านไปสองชาติ หมอนี่ถึงจะเปิดปาก
"เพราะเรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า
รักแท้มีจริง และรักชนะทุกสิ่ง"
"โอ๊ย ขอกระโถนหน่อย" ฉันแกล้งเบรค
แม้ใจจะเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
คบกันมาร้อยวันพันปี
ไม่เคยได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากหมอนี่เกินวันละสองครั้ง
ไม่ต้องพูดถึงว่า มันมาในประโยคเดียวกันอย่างนี้ด้วย!
ไหนจะคำว่า 'รักแท้' อีกล่ะ!!
ช็อค!!!
ใครใส่อะไรในแก้วใบนั้นหรือเปล่า
ฉันกวาดตามองคนรอบข้าง
เอ...ดูท่าจะไม่ใช่แก้วใบเดียวซะแล้ว
เพราะคนทั้งโต๊ะกำลังซึมซับ 'คำรัก' นั้นช้าๆ
ในขณะที่เพลงหวานเฝือๆ ประเภทเปิดบ่อยกลางงานแต่งงานดังเป็นฉากหลัง
ฉันยกน้ำขึ้นจิบมั่ง เผื่อจะได้ล่องลอยไปกับฝันหวานอย่างเขาๆ
ผู้ชายคนหนึ่งหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเอื้อมมาครองไม่ได้
เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่สาวกว่า สวยกว่า
หวังว่าเขาคงจะลืมเธอได้
แต่เขาลืมเธอไม่ได้
ได้เป็น "ผู้หญิง" คนนั้นก็น่าปลื้มดีนะ
มีแต่ 'รักแท้'ใช่มั้ยที่ทำให้เรามองผ่านรูปลักษณ์ภายนอก
(เสียงคนขี้เหร่ในตัวรีบพยักหน้าตอบว่า "ใช่" อย่างกระตือรือร้น)
และมีแต่ 'รักแท้' สินะที่เอาชนะกาลเวลาได้
อืมม...
ไม่เอาแล้วล่ะ
ไม่อยากเป็นเจ้าหญิงแสนสวย
ไม่อยากได้เจ้าชายขี่ม้าขาวจากไหน
ขอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ
ที่ใครคนหนึ่งเห็นคุณค่าและคิดว่าน่า 'รัก'
ก่อนแยกกันคืนนั้น
ยอมเสียฟอร์มขอเคลียร์กับเขาอีกทีเรื่องที่ว่า
'ได้สิ เป็นคำขอที่ไม่ยากเลยนี่'
แต่แทนที่จะได้เห็นหน้ายิ้มเยาะ
กลับได้เห็นคนปากหนักยิ้มซึ้ง
ท่าทางของในแก้วจะยังไม่หมดฤทธิ์
"ที่ไม่ยาก...เพราะไม่คิดจะหาแล้ว"
เขาตอบ
โอย ขออนุญาตหน่อยเถอะ ขออนุญาตยิ้มเยาะ
ขอทำหน้าสะใจ แล้วร้องก้องในใจว่า
เห็นมั้ยๆ ๆ
เขารัก
:)
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 47 15:05:50
จากคุณ :
นารูมิ
- [
24 พ.ย. 47 12:55:02
]