.
.
.
.
.
.
.
ผมทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเธอร้องไห้
จึงได้แต่กอดเธอไว้แล้วก็ปลอบเธอให้หยุดร้อง
. ผมไม่น่าจะคิดมากเลย
น้ำตาของมิเรอร์ทำให้ผมลืมเรื่องที่คิดไว้ก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น
ผมจึงปรับอารมณ์กลับมาให้เหมือนเดิมได้ และเราทั้งคู่ก็ลืมเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วหันมาใส่ใจกับการพักผ่อนแทน
----------
.
.
.
กลับมาจากการพักผ่อนริมแม่น้ำ เวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันเต็มที่ช่วยให้ฉันรู้สึกผูกพันกับเขากว่าที่เคยและฉันก็รู้ใจตัวเองว่า ฉันรักเขา
และถ้าฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง
เขาก็คิดอย่างเดียวกับฉันเหมือนกัน
เขาเคยบอกฉันไว้นานแล้วว่า มีรูปเก่า ๆ ของเราในห้องสมุด และวันนี้ฉันตั้งใจจะค้นรูปของเรา
คงจะดี ถ้าฉันได้ดูรูปเหล่านั้น
ฉันปล่อยให้เขาขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานตามลำพัง
และตั้งหน้าตั้งตาดูอัลบั้มรูปมากมายที่อยู่ในห้องสมุด
รูปเขาตอนสำเร็จการศึกษา รับรางวัลงานวิทยาศาสตร์
ส่วนอัลบั้มนี้เป็นฉันในทุ่งดอกเดซี่
และก็เป็นรูปวันแต่งงาน
หน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของเราทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์ดี
ฉันกอดอัลบั้มที่ดูไว้ในอ้อมแขน ยิ้มและบอกตัวเองอีกครั้งว่า ฉันรักเขาจริง ๆ
----------
วันนี้มิเรอร์ดูมีความสุขเหลือเกิน
เธอฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีทั้งวัน
และเธอก็ทำให้ผมแปลกใจด้วยการอบพายทูน่าให้ผม
ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยชอบทูน่า และไม่เคยยอมทำอาหารด้วยปลาทูน่าให้ผมเลย
. เธอบอกผมว่า วันนี้เป็นโอกาสพิเศษ
และก็บอกผมว่า เธอรักผม
ผมก็รักคุณนะ
ผมตอบเธอไปอย่างนั้น
รักมากด้วย
-----------
ผมเริ่มเคยชินที่เธอมานั่งอยู่ในห้องทำงาน
ห้องทำงานของผมกลายเป็นห้องทำงานของเราไปแล้วกระมัง
เธอมักจะหอบหนังสือกองโตเข้ามานั่งอ่าน แล้วถ้านึกสนุก ก็จะเข้ามาดูผมทำงาน หรือไม่ก็ช่วยผมทดลอง
หลายครั้งหลายหน เธอช่วยแก้ปัญหาที่คิดไม่ตกของผมด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ผมไม่นึกมาก่อน
กว่าผมจะรู้ตัว เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องทำงานนี้ไปแล้ว
หรือถ้าจะพูดให้ถูก เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมยิ่งกว่าที่เคยเป็น
ผมไม่คิดเลยว่าชีวิตผมจะเติมเต็มได้อีกครั้ง
-----------
เวลาแห่งความสุขของเราดำเนินไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง เขาบอกฉันว่า จะมีเพื่อนมาที่บ้าน
ฉันรุ้สึกตื่นเต้น
ฉันยังไม่เคยเจอเพื่อนของเขาเลย
และเราก็ทำอาหารต้อนรับเพื่อนของเขา
มิเรอร์
จำหมอนี่ได้ไหม เขาแนะนำเพื่อนของเขากับฉัน
ผู้ชายตรงหน้าปรากฏตัวอยู่ในอัลบั้มหลายครั้งหลายหน และก็เป็นคนที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
ทำไมฉันจะจำไม่ได้
จำได้สิคะ
คุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เรานี่นา
ทั้งคู่ยิ้ม
แม้จะเป็นยิ้มที่แปลก ๆ ไปหน่อยก็ตาม หลังจากนั้นเราสามคนก็สนทนาเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อย ๆ
หลังอาหาร
เขาบอกกับฉันว่าจะขอเข้าไปคุยกับเพื่อนของเขาสองคนในห้องทำงาน
ฉันไม่มีอะไรทำ จึงเข้าไปหาหนังสืออ่านเล่นให้ห้องสมุด
แล้วก็เลยไปดูรูปของเราเสียหน่อย
... เสียงคนพูดคุยกันดังอยู่ใกล้หู
ห้องสมุดอยู่ติดกับห้องทำงานของเขาพอดี และหน้าต่างที่เปิดไว้ก็ใกล้กันมาก
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกนะ
ถ้าบทสนทนานั้นจะไม่มีชื่อฉันขึ้นมา
มิเรอร์เหมือนเธอมากเลยนะ
ฉันเห็นครั้งแรกยังตกใจเลย แล้วเพื่อนของเขาก็พูดต่อไป ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำได้สำเร็จ
นายตั้งชื่อได้เหมาะดีนี่
ฉันไม่ได้ยินเสียงเขาตอบอะไร ได้ยินก็แต่เสียงเพื่อนเขาเท่านั้น
แต่เห็นนายเป็นแบบนี้ ฉันก็ดีใจ
ตอนที่เธอจากไปน่ะ นายไม่เป็นผู้คนเป็นคนเลยนี่หว่า
แล้วตอนนี้นายก็กลับมามีชีวิตชีวาอีก
ดีจริง ๆ เพื่อน
ลืมเธอไปแล้วตั้งต้นใหม่แหละดี
ฉันไม่เคยลืมเธอโว๊ย
มิเรอร์นั่นแหละคือเธอ
คราวนี้เสียงเขาตะโกนอย่างหงุดหงิดที่แทรกขึ้นมาช่วยให้ฉันก็ได้ยินเขาชัดเจน
.
.
.
.
ทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกัน
ฉันรู้สึกมึนงงจนไม่ได้ฟังอะไรต่อไป
เลยลงนั่งพิงผนัง แล้วก็คิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด
เธอ เธอที่ไหนกัน
แล้วทำอะไรสำเร็จ
ฉันเปิดอัลบั้มรูปดูอีกครั้ง แล้วก็จ้องชัด ๆ ที่รูปในทุ่งดอกเดซี่
เธอในรูปมีรอยแผลเป็นจาง ๆ ตรงคอนี่นา
ตอนแรกที่ดูรูปนี้ ฉันคิดว่าเกิดจากการอัดภาพเลยไม่ได้สนใจอะไร
ฉันพลิกดูภาพอื่น ๆ ต่อไปอย่างร้อนใจ พอสังเกตก็พบแผลเป็นนั้นคงอยู่ในทุกรูป
จะไม่มีก็ช่วงหลัง ๆ ซึ่งฉันจำได้ว่าถ่ายหลังจากฉันฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
ฉันลูบอัลบั้มในมืออย่างใจลอย ๆ สัมผัสที่มือทำให้เพิ่งสังเกตว่า มีหน้าที่ถูกติดกาวอยู่
เมื่อพยายามเปิดดู
ฉันก็เห็นว่าเป็นรูปในงานศพ
แล้วก็เป็นงานของฉัน!!!
สมองฉันคิดปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด แล้วก็เชื่อมไปถึงคำว่า เธอจากไป กับกองหนังสือที่ฉันเคยอ่านในห้องของเขา
แล้วฉันก็เข้าใจ มิน่าล่ะ ฉันถึงไม่มีความทรงจำใด ๆ นอกเหนือจากที่เขาเล่าให้ฉันฟังเท่านั้น
ฉันเป็นหุ่นที่ถูกสร้างขึ้นมานี่นา
.
.
.
.
ฉันเอามือปิดหน้าร้องไห้เงียบ ๆ
----------
คืนนั้นกว่าเจ้าเพื่อนตัวดีของผมจะกลับบ้านก็ดึกดื่น บ้านที่ปิดมืดบอกให้ผมรู้ว่า มิเรอร์คงเข้านอนไปแล้ว
โดยปกติ เธอมักจะรอเข้านอนพร้อมผม
แต่วันนี้ เธอคงจะเหนื่อยกระมัง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับคนอื่นจริง ๆ ที่ไม่ใช่ผมเสียด้วย
แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจ
อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมรู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะพูดคุยกับเธอในคืนนี้
การสนทนาที่กินเวลาเนิ่นนานนั้นทำให้ผมย้อนคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง
ผมนอนไม่หลับ
ความคิดมากมายเวียนวนอยู่ในหัวเกินกว่าจะข่มตาหลับลงไปได้
แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า คนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วนั้น ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับไปได้เช่นเดียวกัน
---------
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 47 16:27:41
จากคุณ :
หมาเลี้ยงแกะ
- [
24 พ.ย. 47 16:25:53
]