CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ภาพสะท้อนของกระจกเงา (ตอนหก)


    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ผมทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเธอร้องไห้ … จึงได้แต่กอดเธอไว้แล้วก็ปลอบเธอให้หยุดร้อง …. ผมไม่น่าจะคิดมากเลย … น้ำตาของมิเรอร์ทำให้ผมลืมเรื่องที่คิดไว้ก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น … ผมจึงปรับอารมณ์กลับมาให้เหมือนเดิมได้ และเราทั้งคู่ก็ลืมเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วหันมาใส่ใจกับการพักผ่อนแทน  …



    ----------


    .
    .
    .
    กลับมาจากการพักผ่อนริมแม่น้ำ เวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันเต็มที่ช่วยให้ฉันรู้สึกผูกพันกับเขากว่าที่เคยและฉันก็รู้ใจตัวเองว่า ฉันรักเขา … และถ้าฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง … เขาก็คิดอย่างเดียวกับฉันเหมือนกัน



    เขาเคยบอกฉันไว้นานแล้วว่า มีรูปเก่า ๆ ของเราในห้องสมุด และวันนี้ฉันตั้งใจจะค้นรูปของเรา … คงจะดี ถ้าฉันได้ดูรูปเหล่านั้น …




    ฉันปล่อยให้เขาขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานตามลำพัง  … และตั้งหน้าตั้งตาดูอัลบั้มรูปมากมายที่อยู่ในห้องสมุด … รูปเขาตอนสำเร็จการศึกษา รับรางวัลงานวิทยาศาสตร์ … ส่วนอัลบั้มนี้เป็นฉันในทุ่งดอกเดซี่ … และก็เป็นรูปวันแต่งงาน … หน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของเราทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์ดี … ฉันกอดอัลบั้มที่ดูไว้ในอ้อมแขน ยิ้มและบอกตัวเองอีกครั้งว่า ฉันรักเขาจริง ๆ …



    ----------



    วันนี้มิเรอร์ดูมีความสุขเหลือเกิน … เธอฮัมเพลงเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีทั้งวัน … และเธอก็ทำให้ผมแปลกใจด้วยการอบพายทูน่าให้ผม … ทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยชอบทูน่า และไม่เคยยอมทำอาหารด้วยปลาทูน่าให้ผมเลย



    …. เธอบอกผมว่า วันนี้เป็นโอกาสพิเศษ … และก็บอกผมว่า เธอรักผม …
    ผมก็รักคุณนะ … ผมตอบเธอไปอย่างนั้น … รักมากด้วย



    -----------



    ผมเริ่มเคยชินที่เธอมานั่งอยู่ในห้องทำงาน … ห้องทำงานของผมกลายเป็นห้องทำงานของเราไปแล้วกระมัง … เธอมักจะหอบหนังสือกองโตเข้ามานั่งอ่าน แล้วถ้านึกสนุก ก็จะเข้ามาดูผมทำงาน หรือไม่ก็ช่วยผมทดลอง …




    หลายครั้งหลายหน เธอช่วยแก้ปัญหาที่คิดไม่ตกของผมด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ผมไม่นึกมาก่อน  … กว่าผมจะรู้ตัว เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของห้องทำงานนี้ไปแล้ว … หรือถ้าจะพูดให้ถูก เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมยิ่งกว่าที่เคยเป็น



    … ผมไม่คิดเลยว่าชีวิตผมจะเติมเต็มได้อีกครั้ง



    -----------



    เวลาแห่งความสุขของเราดำเนินไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง เขาบอกฉันว่า จะมีเพื่อนมาที่บ้าน … ฉันรุ้สึกตื่นเต้น … ฉันยังไม่เคยเจอเพื่อนของเขาเลย … และเราก็ทำอาหารต้อนรับเพื่อนของเขา


    “มิเรอร์ … จำหมอนี่ได้ไหม” เขาแนะนำเพื่อนของเขากับฉัน


    ผู้ชายตรงหน้าปรากฏตัวอยู่ในอัลบั้มหลายครั้งหลายหน และก็เป็นคนที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว … ทำไมฉันจะจำไม่ได้


    “จำได้สิคะ … คุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้เรานี่นา …”


    ทั้งคู่ยิ้ม … แม้จะเป็นยิ้มที่แปลก ๆ ไปหน่อยก็ตาม หลังจากนั้นเราสามคนก็สนทนาเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อย ๆ  


    … หลังอาหาร … เขาบอกกับฉันว่าจะขอเข้าไปคุยกับเพื่อนของเขาสองคนในห้องทำงาน … ฉันไม่มีอะไรทำ จึงเข้าไปหาหนังสืออ่านเล่นให้ห้องสมุด … แล้วก็เลยไปดูรูปของเราเสียหน่อย


    ... เสียงคนพูดคุยกันดังอยู่ใกล้หู … ห้องสมุดอยู่ติดกับห้องทำงานของเขาพอดี และหน้าต่างที่เปิดไว้ก็ใกล้กันมาก … ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอกนะ … ถ้าบทสนทนานั้นจะไม่มีชื่อฉันขึ้นมา


    “มิเรอร์เหมือนเธอมากเลยนะ … ฉันเห็นครั้งแรกยังตกใจเลย” แล้วเพื่อนของเขาก็พูดต่อไป “ไม่น่าเชื่อว่านายจะทำได้สำเร็จ … นายตั้งชื่อได้เหมาะดีนี่”


    ฉันไม่ได้ยินเสียงเขาตอบอะไร ได้ยินก็แต่เสียงเพื่อนเขาเท่านั้น …“แต่เห็นนายเป็นแบบนี้ ฉันก็ดีใจ … ตอนที่เธอจากไปน่ะ นายไม่เป็นผู้คนเป็นคนเลยนี่หว่า … แล้วตอนนี้นายก็กลับมามีชีวิตชีวาอีก … ดีจริง ๆ เพื่อน … ลืมเธอไปแล้วตั้งต้นใหม่แหละดี …”


    “ฉันไม่เคยลืมเธอโว๊ย … มิเรอร์นั่นแหละคือเธอ …” คราวนี้เสียงเขาตะโกนอย่างหงุดหงิดที่แทรกขึ้นมาช่วยให้ฉันก็ได้ยินเขาชัดเจน  …

    .
    .
    .
    .
    ทั้งสองคนกำลังพูดอะไรกัน  … ฉันรู้สึกมึนงงจนไม่ได้ฟังอะไรต่อไป … เลยลงนั่งพิงผนัง แล้วก็คิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด



    … เธอ เธอที่ไหนกัน … แล้วทำอะไรสำเร็จ …


    ฉันเปิดอัลบั้มรูปดูอีกครั้ง แล้วก็จ้องชัด ๆ ที่รูปในทุ่งดอกเดซี่ … เธอในรูปมีรอยแผลเป็นจาง ๆ ตรงคอนี่นา … ตอนแรกที่ดูรูปนี้ ฉันคิดว่าเกิดจากการอัดภาพเลยไม่ได้สนใจอะไร … ฉันพลิกดูภาพอื่น ๆ ต่อไปอย่างร้อนใจ พอสังเกตก็พบแผลเป็นนั้นคงอยู่ในทุกรูป … จะไม่มีก็ช่วงหลัง ๆ ซึ่งฉันจำได้ว่าถ่ายหลังจากฉันฟื้นขึ้นมาเท่านั้น …



    ฉันลูบอัลบั้มในมืออย่างใจลอย ๆ สัมผัสที่มือทำให้เพิ่งสังเกตว่า มีหน้าที่ถูกติดกาวอยู่ … เมื่อพยายามเปิดดู … ฉันก็เห็นว่าเป็นรูปในงานศพ … แล้วก็เป็นงานของฉัน!!!



    สมองฉันคิดปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด แล้วก็เชื่อมไปถึงคำว่า ‘เธอจากไป’ กับกองหนังสือที่ฉันเคยอ่านในห้องของเขา … แล้วฉันก็เข้าใจ มิน่าล่ะ ฉันถึงไม่มีความทรงจำใด ๆ นอกเหนือจากที่เขาเล่าให้ฉันฟังเท่านั้น …ฉันเป็นหุ่นที่ถูกสร้างขึ้นมานี่นา …


    .
    .
    .
    .

    … ฉันเอามือปิดหน้าร้องไห้เงียบ ๆ  



    ----------



    คืนนั้นกว่าเจ้าเพื่อนตัวดีของผมจะกลับบ้านก็ดึกดื่น บ้านที่ปิดมืดบอกให้ผมรู้ว่า มิเรอร์คงเข้านอนไปแล้ว … โดยปกติ เธอมักจะรอเข้านอนพร้อมผม … แต่วันนี้ เธอคงจะเหนื่อยกระมัง … นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับคนอื่นจริง ๆ ที่ไม่ใช่ผมเสียด้วย … แต่ผมก็รู้สึกโล่งใจ … อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมรู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะพูดคุยกับเธอในคืนนี้ … การสนทนาที่กินเวลาเนิ่นนานนั้นทำให้ผมย้อนคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง …




    ผมนอนไม่หลับ … ความคิดมากมายเวียนวนอยู่ในหัวเกินกว่าจะข่มตาหลับลงไปได้ … แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า คนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วนั้น ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับไปได้เช่นเดียวกัน


    ---------

    แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 47 16:27:41

    จากคุณ : หมาเลี้ยงแกะ - [ 24 พ.ย. 47 16:25:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป