6. เนโรจากประเทศแห่งเกาะ
แล้วนี่พวกท่านแวะมาที่คฤหาสน์คารานิสต์ก่อน หรือว่าเพิ่งกลับจากปราสาทเดอวินด์เล่า ?
มิเชลมองคนถามด้วยสีหน้าค่อนข้างทึ่ง
ทำไมคุณเอลซ่าถึงรู้ว่าพวกเรากำลังจะไปปราสาทเดอวินด์ล่ะคะ ? พวกข้ายังไม่ได้บอกสักหน่อย
เอลซ่ายิ้มบาง ๆ แต่ก็เพียงแค่ริมฝีปาก เพราะยิ้มนั้นไปไม่ถึงดวงตาของเธอ
ต่อให้รีมามีสายลับที่เก่งกาจเพียงใดก็ตาม แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คารอสจะรู้ว่าข้ามาถึงรีมาในวันนี้ ดังนั้น
เหตุผลเดียวที่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองจะออกจากเมืองมาไกลถึงชนบทแบบนี้ได้ก็คือมาเยี่ยมเพื่อนสนิทที่สุด
ของเขาเองเท่านั้น
พันโทเฟอร์นาดีมองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับพร้อมถอนใจ
เจ้ายังคงเดาเก่งเหมือนเดิมเลยนะยายเด็กแว่น.. ข้ากำลังจะพาหวานใจของข้าไปเยี่ยมเกเบรียลจริง ๆ
นั่นล่ะ แต่บังเอิญเห็นนกยักษ์หน้าตาพิกลมีปีกตั้งสี่ปีกตัวหนึ่งบินขึ้นจากหลังคาของคฤหาสน์เสียก่อน...
เพียงเท่านั้นมิเชลก็ตบเพียะเข้าไปที่ต้นแขนของคู่หมั้นหนุ่มด้วยความลืมตัว
เอ๊ะ ! ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่ให้เรียกหวานใจ..
เนโรรีบก้มหน้าลงเพื่อกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถ ส่วนเอลซ่าต้องอมยิ้มพลางส่ายหน้าเล็กน้อย แม้
ว่าทั้งสองจะไม่พบหน้ากันมานานถึงแปดปี แต่นิสัยส่วนใหญ่ของเพื่อนเก่าคนนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
นั่นเขาเรียกว่าวิงซ์ ...ไม่ใช่นกยักษ์หน้าตาพิกลอย่างที่ท่านว่า..
คารอสเป็นฝ่ายทำหน้าพิกลแทน มือข้างหนึ่งลูบไปมาบนรอยนิ้วมือที่ต้นแขน แต่ก็ยังปากแข็ง
ก็ไม่ใช่นกประจำถิ่นของรีมานี่.. ข้าจะได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของมัน..
ต่อให้ถกเถียงกันอีกนานเท่าไหร่ เอลซ่าก็รู้ดีว่าคงต้อนผู้ที่เคยเป็นทั้งเพื่อนและคู่ปรับเก่าไม่ลง ดังนั้น
ทางที่ดีเธอควรจะเป็นฝ่ายถอยก่อนคงจะเหมาะกว่า ไม่อย่างนั้นคงคุยกันไม่รู้เรื่องไปอีกนาน
เอาเถอะ... ข้าไม่เถียงท่านแล้ว.. ตกลงว่าถ้าท่านจะพามิเชลไปเยี่ยมเพื่อนสนิทก็เชิญตามสบาย ...
ข้าจะพาเนโรไปพบท่านลุงธีโมที่ในเมืองสักหน่อย
ใบหน้านวลเนียนของมิเชลยังแดงเรื่อด้วยความกระดากไม่หาย แต่เมื่อได้ยินเพื่อนใหม่พูดเช่นนั้น เธอ
ก็ต้องโพล่งขึ้นด้วยความแปลกใจ
อ้าว ! คุณเอลซ่าไม่ร่วมทางไปกับพวกเราล่ะคะ ? ข้าคิดว่าท่านเป็นเพื่อนเก่ากับคุณเกเบรียลด้วยเสีย
อีก ?
แม้คารานิสต์สาวจะไม่ต้องการให้สาวงามจากโซเวลที่เธอเพิ่งได้รู้จักคบหาคนนี้ต้องมารับรู้เรื่องเก่า ๆ ที่
เกิดขึ้น แต่เอลซ่าก็ยังนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ด้วยสีหน้าลังเลใจอยู่บ้าง ก่อนจะพูดขึ้นแบบคนที่ตัดสินใจได้
ข้าไม่แน่ใจว่าท่านพันโทเดอวินด์จะยินดีที่ต้องพบหน้าข้าอีกครั้ง.. ดังนั้นข้าแยกไปกับเนโรคงจะดี
กว่า..
ยิ้มของคารอสตอนนี้ฝืดสนิท
เจ้ายังติดใจเรื่องนั้นอยู่อีกหรือเอลซ่า ?
หญิงสาวยกมือขวาของตนขึ้นมองอย่างชั่งใจ นิ้วเรียวในถุงมือสีขาวสะอาดนั้นว่างเปล่าไร้เครื่อง
ประดับที่เคยสวมในวัยเด็ก และเป็นเครื่องเตือนใจให้เอลซ่าจดจำสิ่งที่เป็นบทเรียนราคาแพงของเธอ
ข้าได้รับคำเตือนจากเจ้าของบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง การไปเหยียบปราสาทเดอวินด์อีกครั้งคงไม่ใช่ทาง
เลือกที่ดีนักในเวลานี้..
นายทหารหนุ่มผมแดงยกมือขึ้นลูบสันจมูกของตนอีกครั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ
เรื่องครั้งนั้น... ข้าเองก็ผิดต่อเจ้าไม่น้อยไปกว่าเกเบรียลหรอกนะ.. ข้ามองว่าเจ้าเป็นเด็กโกหก ถึงกับ
อาสาเกเบรียลที่จะไปสืบความจริงที่เพลเทียด้วยตนเอง..
เอลซ่าแค่นยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก
ปกติข้ากับท่านก็เล่นกันแรงอยู่แล้ว เรื่องที่ท่านไม่เชื่อข้านั้นมันไม่แปลก.. ถ้าท่านออกรับแทนข้าสิ
นั่นถึงจะประหลาด..
ดวงตาของคารอสมีรอยระลึกได้
...แต่เกเบรียลมักจะเข้าข้างเจ้าเสมอ ไม่ว่าข้าโวยวายกับเจ้าอย่างไรก็มักจะออกโรงปกป้อง แถมยัง
แก้ตัวแทนเจ้าบ่อย ๆ ...อย่างนี้ใช่ไหมเจ้าถึงได้โกรธเกเบรียลนักเมื่อเขาไม่ไว้ใจเจ้า..
ความเจ็บปวดที่นึกว่าหมดสิ้นไปนานแล้วกลับผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลมีแววหม่นเมื่อพูด
เรียบ ๆ
ข้าไม่โกรธ ...แค่รู้ตัวว่าประเมินความสำคัญของตัวเองสูงเกินไปสักหน่อย ที่แล้วมาข้าเอาแต่เกาะติด
อยู่กับพวกท่าน คงเหมือนกับตัวน่ารำคาญอยู่บ้างใช่ไหม ?
คารอสอึ้งไปทันที แม้จะรู้ดีว่าพวกเขาเคยทำร้ายจิตใจของเด็กสาวคารานิสต์ไว้อย่างร้ายกาจ แต่ก็ไม่
นึกว่ามันจะมีผลรุนแรงถึงเพียงนี้
ข้าจะไม่โกหกเจ้าหรอกนะเอลซ่า ...ข้ายอมรับว่าเคยรำคาญยายเด็กแว่นบ้างเหมือนกัน แต่ก็เฉพาะ
บางครั้งที่เจ้าทำตัวเอาแต่ใจเท่านั้นล่ะ ...ปกตินิสัยของเจ้าก็อยู่ในขั้นใช้ได้ ไม่ใช่ตัวน่ารำคาญตลอดเวลา
หรอกน่า..
เอลซ่ายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
ไม่นึกเลยนะว่าจะมีวันที่ท่านชมข้ากับเขาเหมือนกันคารอส... ขอบคุณที่ตรงไปตรงมากับข้า..
ชายหนุ่มผมทองจากประเทศแห่งเกาะเพียงยืนรับฟังคำสนทนาเงียบ ๆ โดยไม่ออกความเห็น แต่บุตรี
ของนายพลลาร์คเลือกที่จะหันไปมองระหว่างคู่หมั้นของตนกับเพื่อนใหม่สลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
ก่อนถามตรง ๆ ตามนิสัย
พวกท่านมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า ? พอจะบอกให้ข้าได้รู้เรื่องด้วยได้หรือไม่ ?
เฟอร์นาดีหนุ่มทำหน้ายุ่ง ด้วยไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้คู่หมั้นสาวรับฟังอย่างไรจึงจะเหมาะสม แต่เอ
ลซ่ากลับหันไปยิ้มให้กับเพื่อนใหม่
เรื่องโบราณตั้งแต่สมัยข้ายังเด็กนัก ...แต่ถ้าท่านอยากรู้ก็เอาไว้ถามคารอสเวลาว่าง ๆ คงจะดีกว่า
เพราะต้องใช้เวลาเล่านานทีเดียว..
มิเชลหันขวับไปมองทางชายหนุ่มผมแดงที่ยืนเกาหัวอยู่แกรกกราก
ว่าไงคะ ? ท่านพันโทเฟอร์นาดี ?
คารอสมองตาดุ ๆ ที่คู่หมั้นสาวใช้แล้วก็รู้ว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่น
เอาเป็นว่าเดี๋ยวข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเองก็แล้วกัน ...เรื่องมันยาวอย่างที่เอลซ่า บอกกับเจ้านั่นล่ะ
เมื่อได้รับคำรับรอง สีหน้าของเบลโฟร์สาวจึงดีขึ้น
ค่อยน่าฟังหน่อย ...ข้านึกว่าท่านจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของข้าเสียแล้ว..
พันโทหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ พูดอุบอิบกับตัวเองเบา ๆ
ขืนพูดแบบนั้นมีหวังข้าต้องถูกเชือดแน่...
มิเชลได้ยินเสียงบ่นเพียงแว่ว ๆ จนต้องหันกลับมามองหน้าคู่หมั้นด้วยความระแวง
ท่านว่าไงนะ ?
คารอสรีบโบกมือปฏิเสธ
เปล่าจ้ะ ข้าไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง..
ดวงตาสีฟ้ากระจ่างเขม้นมองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ก่อนจะยอมพยักหน้ารับ
ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป..
แต่เนโรและเอลซ่ามีโสตประสาทที่ดีกว่าเบลโฟร์สาวอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาได้ยินทุกคำพูดของ
คารอสเลยทีเดียว ทำเอาทั้งสองคนต้องกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ เพราะไม่กล้าหัวเราะออกมาดัง ๆ ให้
กลายเป็นเป้าหมายถูกเพื่อนสาวคนใหม่หันมาเล่นงานแทน
โดยเฉพาะเอลซ่านั้นนึกไม่ถึงว่าคู่ปรับเก่าที่เคยแกล้งเธอสารพัดในวัยเด็ก ตอนนี้กลับเจอคนที่ร้ายกว่า
ไม่อย่างนั้นจะ หงอ ถึงขนาดนี้หรือ ?
คารอสตีความสายตาเยาะเย้ยของคารานิสต์สาวออกได้ไม่ยาก แต่เมื่อมีคู่หมั้นสาวเป็นกำแพงขวาง
ระหว่างสองฝ่าย เขาก็ได้แต่ถลึงตาจ้องตอบเป็นเชิงปรามเท่านั้น หากล้าต่อปากต่อคำไม่
ถ้าคุณเอลซ่ากับคุณเนโรไม่ไปกับเราจริง ๆ ข้ากับคารอสก็คงจะไม่รั้งพวกท่านไว้หรอกค่ะ ...ยังไงพวก
ท่านก็ยังมีเรื่องสำคัญต้องไปคุยกับท่านผู้บัญชาการสูงสุดอีกหลายอย่างใช่ไหมคะ ?
เนโรฟังน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลของสาวน้อยตรงหน้าแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะนึกขำท่าทางของพันโท
เฟอร์นาดีขึ้นมาอีกไม่ได้ มุมปากจึงมักกระตุกเป็นพัก ๆ เมื่อพยายามกลั้นหัวเราะตอบ
ข้าขอขอบคุณคุณมิเชลที่เข้าใจพวกเรา ...หากท่านทั้งสองจะไม่ว่าอะไรแล้ว ข้ากับเฟ..เอลซ่าคง
ต้องขอตัวก่อน..
คารอสหัวเราะหึหึ
ความจริงต้องเป็นพวกเราต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายขอตัวก่อน ..เพราะนี่มันบ้านของเอลซ่าต่างหาก..
ชายหนุ่มผมทองชะงักไปเมื่อได้ฟังเช่นนั้น แต่เอลซ่ากลับแยกเขี้ยวยิ้ม
ก็เพราะใครบางคนไม่เอ่ยปากขอตัวอย่างเหมาะสม เนโรเลยต้องพูดขึ้นก่อนไงล่ะ เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ก็
ต้องให้บอก..
คิ้วเข้มของคารอสเริ่มผูกเข้าหากัน
ยังปากเสียไม่เปลี่ยนเลยนะยายเด็กแว่น ..ให้โอกาสหน่อยล่ะไม่ได้
บรรยากาศเก่า ๆ ที่คุ้นเคยระหว่างคนทั้งสองเริ่มย้อนกลับมาอีกครั้ง เอลซ่าจึงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
เอาเป็นว่าท่านจะไปก็รีบไปเสียทีสิ ...จอดรถม้าขวางประตูบ้านข้าอยู่แบบนั้น ข้าจะออกจากบ้านก็เลย
ไม่ได้ออกกันพอดี
มิเชลมองหน้าของทั้งสองฝ่ายแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าเป็นแค่การหยอกล้อระหว่างเพื่อนเก่าแก่ จึงไม่ค่อย
ตกใจไปกับถ้อยคำที่ฟังเหมือนไล่แขกของเจ้าของบ้าน
เราไปกันเถอะค่ะคารอส ...รถม้าของเราจอดขวางประตูอยู่จริง ๆ
คารอสแกล้งทำเป็นกวาดตามองคารานิสต์สาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนส่ายหน้า
พูดอย่างกับว่านางจะนั่งรถม้าไปแบบที่คนปกติเขาทำกันอย่างงั้นล่ะ ...ข้าว่าพวกนางคงบินไปมากกว่า
ล่ะมั้ง
เอลซ่าหัวเราะออกมากับท่าทางของอีกฝ่าย
เอาเป็นว่าพวกท่านไปก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปทางไหนมันก็เรื่องของข้า..
มิเชลเห็นการโต้เถียงชักจะมีเค้ายืดเยื้อ จึงรีบลากแขนของคู่หมั้นให้เดินลงเนินไปพร้อม ๆ กันกับนาง
พลางบ่นอุบอิบไปตลอดทาง
ส่วนเอลซ่านั้นโบกมือให้ทั้งสองด้วยสีหน้าแจ่มใสขึ้น
ข้าขออนุญาตไม่ไปส่งนะคารอส ...ว่าง ๆ ค่อยพบกันใหม่..
พันโทหนุ่มและคู่หมั้นโบกไม้โบกมือตอบกลับมาแต่ไกล ก่อนที่ทั้งสองจะโดยสารรถม้าออกจากเขตรั้ว
ของคฤหาสน์ไปในที่สุด
ดังนั้นบนเนินเขาค่อนข้างสูงแห่งนี้จึงเหลือเพียงเอลซ่าและเนโรเพื่อนจากแดนไกลของนางเพียงสองคน
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 47 02:28:25
จากคุณ :
noOne
- [
24 พ.ย. 47 23:26:01
]