CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    หนังไทยที่มาฉายถึงออสเตรเลีย – บทความวิเคราะห์--เล่าสู่กันฟัง

    เมื่อวานเย็นในขณะที่ผมกำลังนั่งพิมพ์เรื่องเล่า “วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก” ตอนจบอยู่นั้น ก็มีเพื่อนสนิทสามคนได้มาเยี่ยมทักทายเนื่องจากพวกเค้าขับรถผ่านมาละแวกที่ผมอยู่พอดี ด้วยความคิดถึง(เค้าบอก) จึงเต็มใจมาเคาะประตูโดยไม่หวังเบียร์เย็นๆ มาดับกระหายในตอนบ่ายที่ร้อนระอุถึง 28 ดีกรีเซลเซียสแต่อย่างใดเลย

    พวกเค้าทั้งสามได้ขัดขวางงานเขียน—วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก—ให้เป็นนิยายรักขาดตอนไปชั่วคราว ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็ได้รับคำแนะนำจากหลายๆ คนที่ส่งมาทาง “หลังไมค์” โปรแกรมส่งข้อความที่พันธ์ทิปเอื้ออำนวยต่อการด่าลับหลังเป็นอย่างดีว่า –เควินควรจะเขียนในบางเรื่องให้มี “ไคลแมกซ์” หน่อยได้ป่ะ เพราะว่าเรื่องราวจะได้มีอรรถรสเพิ่มขึ้น—ผมจึงนำเอาความเห็นมาปรับปรุงยกเครื่องกันใหญ่ เผื่อวันข้างหน้าอาจจะได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยการเขียนหนังสือก็เป็นได้

    จนปัญญาเหลือเกินกับไอ้ไคลแมกซ์ที่ว่านี้ เพราะผมเองประสบการณ์น้อย แต่ว่า – ผมสัญญาจะไปค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับไคลแมกซ์ให้บรรลุนะครับ ขอติดไว้ก่อน—

    เนื้อหาสาระที่สามเกลอ(ที่ไม่ใช่ พล-นิกร-กิมหงวน)ได้คุยกันเมื่อวานพอจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ผมจึงนำใจความโดยสรุปมาเขียนไว้ตรงนี้นะครับ
    (สามคนประกอบด้วย ไนเจล วีระพล และ กอร์ดอน) หมายเหตุ กอร์ดอน นั้นคนไทยออกเสียงยาก(เสียง r ในพยางค์แรก) เพื่อนฝูงไทยด้วยกันจึงทับเป็นชื่อไทยว่า Kra dor ซึ่งเจ้าตัวมารู้ความหมายอีกครึ่งปีให้หลัง ได้โวยวายใส่พวกเราอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น

    ไนเจลเกิดความประทับใจกับหนังไทย ที่ได้มาฉายในโรงใหญ่ที่นี่(ปีก่อนๆ)และอยู่ในโรงนานกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งนานกว่าหนังฮอลิวูดบางเรื่องอีก—หนังที่ว่านั้นคือ Iron Ladies หรือชื่อไทยว่า สตรีเหล็ก (ภาคแรก) เค้าสงสัยว่าทำไมคน(ฝรั่ง)ให้ความสนใจกับหนังเรื่องนี้มาก ทั้งที่เสียงในฟิล์ม ยังเป็นเสียงไทยอยู่ แต่คนดูอาศัยอ่าน ซับไตเติลเอาเองเพื่อติดตามเรื่องราว วีระพล ได้ให้ความเห็นไว้ว่า

    -เมื่อเปรียบเทียบกับหนังไทยเรื่องอื่นแล้ว หนังเรื่องสตรีเหล็กตรงกับคอนเซ็ปของฝรั่งคือ คนแสดงไม่จำเป็นต้องหล่อ ต้องสวย แต่ขายความสามารถเอาในนั้น และบทในนั้นทำให้พวกเค้าเด่น ต่างจากหลายๆ เรื่องที่หม่อมอะไรต่อมิอะไรเป็นคนสร้าง ต้องใช้ดาราค่าตัวแพงๆ ต้องเป็นพระเอกตัวสูง-ขาวจวั๊ะ น้องๆ ตุ๊ด – ผมได้สอดไปว่าพระเอกที่ไม่หล่อแต่เต็มไปด้วยความสามารถจึงไม่ค่อยเกิดในเมืองไทย (ยกเว้นคนที่แสดงเรื่อง องค์บาก) ถ้าดำปึ๊ดอย่างดาราโปรดของผม แซมมิล ลี แจ็คสัน (Samuel Lee Jackson) ในเรื่อง   Negotiator, Rule of engagement และอีกหลายเรื่อง กับดาราโปรดอีกคนหนึ่ง มอร์แกน ฟรีแมน ในเรื่อง Seven ที่แสดงคู่กับ แบรด พิทท์ คิดว่าถึงแม้พวกนี้จะเปี่ยมไปด้วยความสามารถแต่คงเกิดยากในเมืองไทย –เหตุผลคำเดียว “ไม่หล่อ” ทั้งนี้มีคนไทยอีกไม่น้อยที่ชอบของสวยๆ งามๆ และคนหล่อๆ นั้นเป็นอะไรที่ดูดี ถึงแม้ไม่ได้เป็นแฟนแต่ขอให้ได้เดินใกล้ๆ แล้วมันอิ่มใจ(เจ้าค่ะ สาวบางคนบอกผม)

    ด้วยเหตุนี้เองรึเปล่าที่ชายไทยไม่หล่อทั้งหลาย ต่อให้ดีแทบตายคุณก็ยังหาคู่ยากอยู่ดีนะแหล่ะ แต่พอคุณทำตัวไม่ดีปุ๊บ ก็โดนอีกแหล่ะ ชาติชั่วตัวดำ แน่ะ...

    วีระพลสาธยายต่อไปว่า หนังไทยงบน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับหนังฮอลีวู๊ดแล้วมันคนละเรื่องกันเลย เพราะงบการสร้างของหนังฟอร์มใหญ่ในฮอลีวู๊ดนั้นหลัก 400 ล้านดอลล่าร์(ยูเอส) ขึ้นไป ซึ่งนั่นมันเป็นงบประมาณระดับโครงการใหญ่ๆ ของบ้านเมืองเราทีเดียว ดังนั้นหนังเรื่องสตรีเหล็กที่มาผงาดเคียงบ่าเคียงไหล่กับหนังฮอลีวู๊ดได้นั้น จึงบอกได้เลยว่า “ฝีมือ” ครับ

    หนังเรื่องนั้นไม่มีฉากเลิฟซีนและเด็กดูได้—วีระพล บอกต่อไปว่า หนังไทยหลายเรื่องนั้นทำฉากเลิฟซีนโจ่งแจ้งเกินไปขาดศิลปะ น่าจะให้มันมืดๆ หน่อยก็ได้หรือบางฉากก็ไม่ต้องให้เห็นคนเมกเลิฟกัน ให้คนดูจิตนาการเดาเอาเองก็ได้ ซึ่งจะดูดีกว่า แล้วเก็บเอามันสมองไปคิดในส่วนอื่นๆ บ้างก็ดี

    หนังเรื่องสตรีเหล็กไม่มีฉากเลิฟซีน จึงอยู่ในคลาส PG คือเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ซึ่งเรื่องของคลาสสิไฟด์หนังนี้ผมจะได้เขียนให้ละเอียดอีกทีหนึ่งถ้ายังมีใครติดตามอ่านอยู่ เพราะเห็นว่าเมืองไทยเรายังขาดความจริงจังในเรื่องนี้อยู่ ตราบใดที่ กบว ยังนิ่งเป็นสากกระเบืออยู่อย่างนั้น เยาวชนไทยเราถูกคุกคามจากสื่อที่ไม่เหมาะสมหนักเข้าไปทุกวัน

    หนังไทยมีตลาดน้อย คือเวลาสร้างออกมาแล้วคนไทยด้วยกันเป็นคนดู และอาจจะมีประเทศเพื่อนบ้านด้วยที่สนับสนุนเช่น สปป. ลาว หรือ ประเทศกัมพูชา ในออสเตรเลียนั้นผมได้เห็นหนังไทยหลายๆ เรื่องถูกพากษ์ทับเป็นเสียงเขมร และโปสเตอร์อะไรต่างๆ พิมพ์เป็นภาษาเขมรอยู่พืด ซึ่งก็แอบภูมิใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นเพื่อนต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้ความสนใจ

    กอร์ดอนมีคำถามในวงสนทนาว่าแล้วเวลาคนไทยดูหนังฝรั่ง เข้าใจได้ดีมั้ย – ผมอาสาตอบคำถามนี้ให้ การดูหนังฝรั่งในเมืองไทยนั้น โดยส่วนตัวแล้วผมเกลียดซับไตเติลมาก เพราะรกตาและที่แย่ไปกว่านั้น เค้าชอบให้ความหมายผิดอยู่เรื่อย แต่อย่างไรก็ดีคนส่วนใหญ่นั้นยังต้องอาศัย ซับไตเติลอยู่เพราะอุปสรรคความเข้าใจภาษาอังกฤษ—น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนใส่ซับไตเติลต้องให้ความหมายเป็นภาษาไทย ซึ่งบางคำมันมีความหมายไปได้หลายอย่าง จะฟันธงไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้เพราะหนังมันจะหักมุมเอาตอนหลัง

    อย่างเช่นในหนังเรื่อง  Hook ที่มี รอบบิน วิลเลี่ยมส์ และ ดัสติน ออฟแมน แสดงเป็น ปีเตอร์แพน ขับเคี่ยวกับ กัปตันฮุก ในเรื่องตอนหนึ่งมีอยู่ว่า ผู้เฒ่าแก่ๆ ที่อยู่กับ เวนดี้ หญิงแก่ๆ เหมือนกัน ผู้เฒ่านั้น lost my marbles (สำนวนความหมาย คือเสียสติ หรือแปลตรงตัวว่า ลูกแก้วหาย) ซึ่งในที่นี้หนังจงใจให้คนดูคิดไปว่า เสียสติ—แต่คนดูก็มาถึงบางอ้อในตอนหลังว่า ผู้เฒ่านี้ไม่ได้เสียสติแต่อย่างไรแต่แกเคยเป็นเด็กในเนฟเฟอร์แลนด์นั้นมาก่อนและทำถุงลูกแก้วหาย--- ถ้าท่านเป็นคนให้ซับไตเติลท่านจะทำอย่างไรครับ เพื่อไม่ให้หนังเสียรสชาด  

    โจ๊กที่เล่นคำนั้นก็อีก คนดู(ไทย)หลายๆ คนจะไม่เก๊ต เพราะว่าโจ๊กต่างๆ เกี่ยวเนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันและสภาพแวดล้อม หลายๆโจ๊กที่คนไทยจะไม่ขำเพราะว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำในชีวิตประจำวันของคนไทย และไม่สามารถจินตนาการดักหน้าได้ อย่างเช่น

    (เหตุการณ์ในฉาก มีนักบวชกับลูกศิษย์สองคนอยู่ในเหตุการณ์ ลูกศิษย์นั้นกำลังคุยกันและมองไปที่หญิงสาวสองคน)

    ลูกศิษย์ 1--You can have the girl on the right and I’ll take the one on the left
    (เอ็งเอาคนทางขวาไปก็แล้วกัน ส่วนข้าจะเอาคนทางซ้าย)

    ลูกศิษย์ 2 – What about the monk?
    (แล้วพระ—ลูกพี่—เราล่ะ)

    ลูกศิษย์ 1 --   The monk can have nun (none) (พ้องเสียงคำว่า นัน ในที่นี่เพื่อให้ความหมายกำกวมว่า พระน่ะหรือ ก็เอาชีไปก็แล้วกัน และกำกวมในความหมายว่า พระนะหรือ เสียใจด้วย เอาใครไม่ได้หรอก) นี่ก็เหมือนกันถ้าท่านเป็นคนให้ซับไตเติล ท่านจะทำอย่างไร
    หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง—เหตุการณ์ในฉาก ในรถไม่ที่นั่งไม่พอ ผู้ชายด้วยกันต้องยัดกันไป 5-6 คน)
    ชายคนแรก---บอกกับชายคนที่สอง เอ็งไปนั่งตักคนนั่นก็แล้วกัน
    ชายคนที่สอง--- จะบ้าหรอไง เอ็งก็รู้ว่าไอ้นั่นมันเป็นคนกรีก (ฮา...)

    โจ๊กนี้เกี่ยวข้องกับพื้นเพค่อนขอดผู้ชายกรีก(ใครๆ ก็รู้กันเป็นสากล)ทั้งนี้เพราะเรื่องครหามีอยู่ว่า ผู้ชายกรีกชอบเข้าประตูหลัง เพราะว่าหญิงกรีกนั้นตามธรรมเนียมแล้วต้องเก็บความบริสุทธิไว้ให้ตอนที่แต่งงานด้วยเท่านั้น แต่ว่าถ้าแฟนชายทนไม่ได้จริงๆ ก็ให้เข้าหลังบ้านไปก่อน ประมาณว่าผู้ชายกรีกนั้นมีไม่น้อยที่ติดอกติดใจ ได้หน้าไม่ลืมหลัง--- อย่าหาว่าผมทะลึ่งนะครับ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้กันเป็นสากลไปแล้ว ประเทศใหนๆ ก็รู้กันไม่ใช่จะค่อนขอดกันที่ออสเตรเลียที่เดียว

    ร่ายยาวซะหลายหน้า--- ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านมาจนจบ ขอความเห็นด้วยนะครับ ท่านมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติม ขอความกรุณาเขียนมานะครับ ในคอมเมนท์ จะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นที่แว๊บเข้ามาอ่านด้วย สำหรับวันนี้ ขอบคุณและสวัสดีครับ

    แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 47 22:28:25

    แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 47 12:01:24

    แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 47 11:33:48

    จากคุณ : เควิน ลี - [ 25 พ.ย. 47 10:11:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป