7. ข้อมูลจากกษัตริย์ไวล์ด
แม้จะรู้ว่าในที่สุดเธอก็ต้องอธิบายความเป็นมาทั้งหมดให้กับเพื่อนสนิทของท่านพ่ออารานัสโดยละเอียด แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง เอลซ่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
"เอ่อ... ก็ที่ข้าบอกท่านลุงว่าข้าได้ชื่อใหม่ว่าเฟรย์เมื่อครั้งที่ผ่านพิธีชำระวิญญาณของชาวเทม่านั่น..."
ธีโมเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะได้ยินอะไรประหลาด ๆ มากกว่าชื่อใหม่ของหลานสาว จึงเอนกายลงพิงพนักเก้าอี้อย่างรอคอย ก่อนจะพยักหน้า
"เอ้า ! มีอะไรจะเล่าก็ว่าไป ...ข้ากำลังรอฟังอยู่"
เอลซ่ามองท่าทางเอาจริงของอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ จะอย่างไรนางก็จากมหานครรีมาไปตั้งแปดปีเต็ม ๆ จนลืมไปแล้วว่าเวลาที่ท่านลุงธีโมทำท่าเอาจริงเอาจังนั้น ออกจะน่ากลัวไม่หยอก หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพยายามเรียบเรียงคำพูด
"เมื่อตอนที่ชาวเทม่ายังอยู่ในวัยเยาว์นั้น ดวงตาของชาวเทม่าจะเป็นสีม่วงเข้ม ...แต่เมื่อได้ผ่านพิธีชำระวิญญาณแล้ว สีของนัยน์ตาก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามพลังอำนาจที่แฝงอยู่ในชาวเทม่าผู้นั้น ยิ่งมีพลังอำนาจสูงส่งเพียงใด สีแดงในประกายตาก็จะยิ่งเข้มขึ้น..."
ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งมหานครรีมาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
"แบบเดียวกับนัยน์ตาของท่านโมเร็กลุงของเจ้าใช่หรือไม่ ? ข้าจำได้ว่านัยน์ตาของลุงแท้ ๆ ของเจ้ามีสีแดงเจืออยู่เข้มข้นยิ่งนัก..."
เอลซ่าก้มศีรษะรับคำ
"ปกติแล้วสีนัยน์ตาของชาวเทม่าจะเปลี่ยนไปเป็นการถาวร สีแดงในดวงตาจะคงความเข้มตลอดทั้งชีวิตของชาวเทม่าผู้นั้น ....แต่กับผู้ที่เป็นลูกครึ่งระหว่างชาวเทม่ากับชนต่างเผ่าแล้ว สิ่งเหล่านี้อาจผิดเพี้ยนไปได้หลายแบบ กรณีของข้าก็จัดเป็นหนึ่งในข้อยกเว้น"
"ข้อยกเว้นแบบไหน ?"
"คือ.... ปกติแล้วดวงตาของข้าจะเป็นสีน้ำตาลแบบเดียวกับที่เป็นมาตั้งแต่เกิดน่ะค่ะ แต่ถ้าข้ามีอารมณ์ที่รุนแรงหรืออยู่ระหว่างที่ใช้พลังอำนาจ ดวงตาของข้าก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจ้าราวกับเปลวไฟ ....นัยน์ตาแห่งเทม่าก็เลยให้ชื่อใหม่กับข้าว่าเฟรย์.."
ธีโมซึมซับคำพูดของหลานสาวต่างสายเลือดโดยละเอียด ก่อนจะพูดอย่างนึกได้
"อืมม์... ข้าจำได้ว่าตอนที่ท่านลุงเอียนสอนภาษาเทม่าแบบง่าย ๆ ให้กับข้า เคยบอกว่าคำว่าเฟรย์ ในภาษาเทม่าแปลว่าไฟ ...สรุปว่านัยน์ตาแห่งเทม่าตั้งชื่อเจ้าตามสีของดวงตาอย่างนั้นเถอะ ?"
ขณะที่เอลซ่าจะพยักหน้ารับคำ ตาบ้าเนโรตัวแสบก็แกว่งนิ้วไปมาอย่างกวนประสาท ก่อนจะพูดแทรกขึ้นไม่เบานัก
"อ้ะ อ้ะ ...ไหน ๆ ก็จะบอกแล้วเจ้าก็บอกไปให้หมดดีกว่าน่าสาวน้อย มันคงไม่ทำให้เจ้าเป็นพวกผ่าเหล่าไปมากกว่านี้นักหรอก.."
เอลซ่าหันขวับไปทางเพื่อนจากดินแดนแห่งหมู่เกาะทันที
"เนโร ! ขืนเจ้ากวนโมโหข้าอีกรับรองว่าข้าจะจับเจ้าลงกะทะทำเนโรผัดพริกแบบที่กษัตริย์ของเจ้าชอบกินเลยล่ะคราวนี้.."
นัยน์ตาสีเขียวเข้มนั้นกระพริบปริบ ๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อยลง
"ไม่พูดแล้วก็ได้... เจ้ารีบ ๆ เล่าสิอย่ามัวโอ้เอ้ กว่าจะถึงตาข้าพูดบ้างมีหวังหลับอยู่ตรงนี้พอดี.."
"เนโร....."
หางเสียงฮึ่มฮั่มนั้นขู่จนชายผมทองชักจะหวาดเสียว ต้องยกมือเป็นเชิงยอมแพ้แล้วทำมือไม้ด้วยท่ารูดซิบปากเป็นอย่างดี
แต่แค่นั้นก็พอแล้วที่จะสะกิดความสนใจของธีโมให้เกิดขึ้น
"ตกลงมันมีอะไรมากกว่านี้อีกหรือเอลซ่า ?"
หญิงสาวถลึงตาใส่เพื่อนอีกครั้งก่อนจะหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้กับผู้เป็นลุง
"ก็.... ปกติแล้วพลังอำนาจของชาวเทม่าจะมีหลายแบบขึ้นกับพรสวรรค์ของแต่ละคน ส่วนใหญ่จะสามารถคุมพลังของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ...มีหลายคนบอกข้าว่าสีม่วงในดวงตาเป็นสัญลักษณ์ของความมีสเถียรภาพของพลังแห่งชาวเทม่า ...ทีนี้ข้ากลับไม่มีสีม่วงเจือปนในดวงตาแม้แต่น้อย แล้วสีก็ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าเวียนหัว ใครต่อใครก็เลยบอกว่าพลังของข้าไม่มีความเสถียร สภาผู้เฒ่าก็ไม่ยอมรับว่าข้าเป็นชาวเทม่า..."
ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งมหานครรีมาชักงง
"อ้าว ! ก็เจ้าไปอยู่ในดินแดนแห่งหมอกตั้งแปดปีเต็ม ๆ พวกเขายังไม่รับเจ้าเป็นชาวเทม่าอีกหรือนี่ ? ทำไมท่านโมเร็กไม่ส่งเจ้ากลับมาบ้านเสียให้เรียบร้อย ? ถ้าเจ้ากลับมาล่ะก็ท่านลุงเอียนจะต้องดีใจมากแน่"
เอลซ่ากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
"คือว่า.... เมื่อข้าถูกตัดสินว่าไม่ใช่ชาวเทม่า ข้าก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในดินแดนแห่งหมอกอีกต่อไป ...แต่นัยน์ตาแห่งเทม่าพบว่าพลังอำนาจในตัวข้านั้นหากปล่อยให้กลับมารีมาโดยไม่รู้จักควบคุมเสียก่อน ข้าคงจะก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเกิดมากกว่าที่จะกลับมาทำประโยชน์ให้.."
ธีโมเริ่มขมวดคิ้ว
"แล้วเจ้าไปอยู่ไหนมาตลอดแปดปีนี้ ? ข้าเข้าใจว่าเจ้ากำลังเรียนรู้ศาสตร์ต่าง ๆ ของชาวเทม่าอยู่ในดินแดนแห่งหมอกอย่างสงบเสงี่ยมเสียอีก ?"
หญิงสาวหันไปมองเพื่อนที่ร่วมทางมาด้วยเป็นเชิงให้ช่วยอธิบาย แต่ก็พบว่าชายผมทองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งหันไปมองทางอื่นเสียอย่างงั้น จึงได้แต่พูดต่อไป
"ข้าถูกส่งให้ออกมาจากเขตแดนของดินแดนแห่งหมอก ..ดีที่นัยน์ตาแห่งเทม่ารู้จักกับกษัตริย์ไวล์ดผู้เป็นประมุขประเทศแห่งเกาะจึงพาข้าไปฝากไว้ที่นั่น โดยทุก ๆ ครึ่งปีท่านลุงโมเร็กและท่านป้าซิลเวียจะมารับข้ากลับไปฝึกฝนการใช้พลังในทวีปใต้ อีกครึ่งปีนั้น ข้าต้องเรียนรู้การปรับความเสถียรของพลังกับผู้พิทักษ์ของกษัตริย์เป็นหลัก จนกว่าที่ข้าจะควบคุมการใช้พลังได้อย่างสมบูรณ์ข้าต้องถูกจำกัดบริเวณไม่ให้ออกไปที่อื่นนอกเหนือจากพื้นที่ที่นัยน์ตาแห่งเทม่าอนุญาติ.."
เมื่อได้ยินเอลซ่าพูดว่า เธอจำเป็นต้อง เรียนรู้ จากผู้พิทักษ์ของกษัตริย์ เนโรก็อดไม่ได้ต้องหันมาทำหน้านิ่ว
เจ้าว่าไงนะ ? เรียนรู้การควบคุมพลังอย่างนั้นหรือ ? ข้าว่านัยน์ตาแห่งเทม่ากะจะใช้ข้าเป็นเป้าซ้อมมือให้เจ้าต่างหาก ไม่ใช่มอบหมายให้สอนการควบคุมพลังอะไรสักหน่อย
ธีโมหันไปมองทางชายรูปงามผิวคล้ำที่มีท่าทางขุ่นเคือง ก่อนจะถามอย่างใจเย็น
หมายความว่าท่านเนโรมีตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์ของกษัตริย์ประเทศแห่งเกาะอย่างนั้นหรือ ?
เนโรยืดตัวตรงอย่างภาคภูมิ ก่อนจะโค้งกายน้อย ๆ
หากท่านจะไม่ถือสาว่าข้ามีอายุได้ประมาณสามเท่าของท่านแล้วล่ะก็ ..ข้าขออนุญาตเรียกท่านว่าท่านลุงธีโมตามแบบของเฟรย์เพื่อนข้าก็แล้วกัน..
หยุดนิดหนึ่งจึงยิ้มพลางกล่าว
ข้าทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ของกษัตริย์มาตั้งแต่ห้าสิบปีที่แล้วเมื่อข้าอายุครบร้อยปีพอดี แต่ตอนนี้ข้าเกษียณตัวเองแล้ว เพราะข้ามอบตำแหน่งให้กับบิสโก้หลานชายของข้าทำหน้าที่สืบต่อจากข้า..
ธีโมทำหน้ายุ่ง เกาศีรษะอย่างไม่แน่ใจก่อนจะถาม
ท่านก็เป็นชาวเทม่าด้วยหรือ ? ไหนท่านโมเร็กบอกข้าว่าชาวเทม่าจะเริ่มแก่ตัวลงเมื่ออายุห้าสิบไง ? ทำไมท่านอายุตั้งร้อยห้าสิบแล้วยังไม่เห็นแก่เลยล่ะ ?
เนโรกระพริบตาปริบ ๆ
ข้าบอกท่านเมื่อไหร่ว่าข้าเป็นชาวเทม่า ? ข้าอยู่ในตระกูลผู้พิทักษ์ของกษัตริย์ต่างหาก ไม่เคยข้ามไปอาศัยในทวีปใต้สักครั้งเดียว..
เอลซ่าเห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ จึงรีบเข้ามาปรับความเข้าใจ
ท่านลุงธีโมคงไม่เคยได้ยินเรื่องของผู้พิทักษ์ในประเทศแห่งเกาะมาก่อนน่ะเนโร เจ้าก็อธิบายให้มันเข้าใจง่าย ๆ หน่อยสิ
เนโรมองหญิงสาวอย่างชั่งใจ
แน่ใจนะว่าจะให้ข้าอธิบาย ? ก็ด้ายยย
เมื่อเอลซ่าเริ่มเห็นว่าเนโรกำลังจะใช้วิธีไหนอธิบาย เธอก็ต้องร้องเสียงหลง
เฮ้ย ! เจ้าอย่าทำเสื้อพ่อข้าขาดเชียวนะ !
สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของผู้บัญชาการสูงสุดแห่งมหานครรีมาทำให้เลือดในกายเขาเย็นเฉียบด้วยความหวาดหวั่น เมื่อร่างสูงสง่าของชายผมทองที่อยู่ตรงหน้ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกไปอย่างฉับพลัน
ม่านตาสีเขียวนั้นเป็นสิ่งแรกที่เปลี่ยนไป มันแคบเล็กและรีเข้าหากันจนกลายเป็นนัยน์ตาสีเขียวลึกล้ำของเสือร้าย
มุมปากทั้งสองข้างของชายผมทองมีเขี้ยวขาวงอกยาวออกมาเห็นได้ถนัดตา สองมือคล้ำเข้มนั้นก็กลายเป็นกรงเล็บแหลมคมที่น่าหวั่นเกรง
ไม่ว่ามองทางไหนชายผู้นี้ก็ไม่อาจเป็นมนุษย์ไปได้เด็ดขาด !
เสียงหัวเราะของเนโรในยามนี้มีกังวานดุร้ายก้องลึกอยู่ในทรวงอกคล้ายกับเสียงคำรามของเสือมากกว่าเสียงทุ้มนุ่มของชายคนเดิม
นาน ๆ จะมีคนขอให้ข้าแปลงร่างแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบเจ้านะเฟรย์ ..แต่เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าร้องขอข้าก็จะยอมสักครั้งเป็นบรรณาการพิเศษจากประเทศแห่งเกาะแก่ท่านผู้บัญชาการสูงสุดของมหานครรีมา
เจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้มันน่าเกลียดนี่นา ...ไม่มีใครเขาอยากเห็นหรอก..
ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ ข้าถึงไม่ค่อยชอบแปลงร่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ไง.. เอาเป็นว่าแค่นี้พอหรือยัง ?
พอแล้วล่ะน่า.. แค่นี้ท่านลุงธีโมก็ช็อกจะแย่แล้ว..
เกือบหนึ่งนาทีเต็ม ๆ ที่ธีโมได้แต่อ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว กว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้อีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางถกเถียงกันระหว่างครึ่งคนครึ่งเสือนามว่าเนโรกับเอลซ่าหลานสาวต่างสายเลือดของเขาเอง
ท่านไม่ใช่มนุษย์ !!!
จากคุณ :
noOne
- [
25 พ.ย. 47 21:01:22
]