CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ประตู...พลังแห่งรัก (ตอนเดียวจบ)

    ผมทรุดตัวลงนั่งข้างผนังซึ่งเต็มไปด้วยเศษดินหิน วางท่อนไม้ในมือลงข้างๆ  แรงกายดูเหมือนจะเลยขีดจำกัดของความเหน็ดเหนื่อย แต่แรงใจกลับยิ่งทวีมากขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป รอยสกัดเจาะเป็นแนวยาวรูปบานประตู ซึ่งเกิดบริเวณผนังห้อง ชัดเจนขึ้นทุกทีผมมองผลงานพิสดารของตนเอง ยิ้มและพูดดัง ๆ

    “ที่รัก อีกไม่นาน ผมก็จะเห็นหน้าคุณแล้ว…”

    แม้ไม่มีเสียงตอบ แต่ผมรู้ว่าเธอรออยู่อีกห้องหนึ่ง ห้องซึ่งอยู่ข้างๆ นี่เอง บางทีเธออาจยังคงนอนหลับ เพราะวันนี้เธอคอยส่งเสียงเป็นแรงใจให้ผมทั้งวัน

    อะไรคือสาเหตุของการเจาะผนังอันทั้งหนาทั้งแข็ง ให้เป็นรูปประตู..

    ก็ความรักอย่างไรล่ะครับ จะมีพลังอะไรยิ่งใหญ่กว่านี้

    คงต้องยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าผมรักเธอเข้าเต็มเปา รักทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า  เราเพียงพูดคุยกันผ่านรอยแยกเล็กๆ ตามผนังเท่านั้น นานวันเข้าก็ก่อให้เกิดเป็นความรัก น่าแปลกที่เสียงผ่านเข้ามาได้จนชัดเจนพอที่จะได้ยิน คุณคงหาว่าผมบ้าคิดฝันไปองใช่ไหม ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ สติสัมปชัญญะของผมยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบแม้ว่าจะถูกขังอยู่ในห้องประหลาดนี้ก็ตาม

    +++++++

    ผมแน่ใจว่าเป็นเป็นห้อง ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้

    ผมจำไม่ได้ว่าเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้เมื่อไร อย่างไร และทำไม

    ห้องสีขาวขนาดใหญ่พอๆ กับห้องพักหรูหราตามโรงแรมขนาดใหญ่ เพียงแต่ไม่มีเครื่องตกแต่งอะไรมากมาย มีเพียงเก้าอี้ยาวและโต๊ะเล็ก ๆ ชุดหนึ่ง กับ เตียงไม้ธรรมดาที่พอจะซุกหัวนอนได้  ไม่มีหน้าต่างหรือประตู…นรกแท้ๆ

    ห้องทั้งห้องจึงดูเหมือนกล่องขนาดใหญ่ที่ปิดตาย

    ตอนแรกผมเองก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าใครก็ตามที่จับผมมายัดใหญ่กล่องใบนี้ คงไม่มีเจตนาจะให้ตาย เพราะยังรู้สึกมีอากาศระบายเข้าออกอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่หายังไม่เจอเท่านั้นว่าอากาศผ่านมาทิศทางใด เหมือนกับแสงสว่างในห้อง ซึ่งยังค้นไม่เจอว่ามีการซ่อนหลอดไฟไว้ที่ไหน บางทีอาจเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจนคิดไม่ถึงก็เป็นได้

    จากการตรวจสอบจนป่านนี้ ยังไม่พบว่าจะออกจากห้องนี้ได้อย่างไร ห้องซึ่งมีแต่ความเงียบเกือบจะเป้นความเงียบที่แท้จริง ถ้าไม่รวมเสียงจากกิจกรรมต่าง ๆ  ตามประสาของคนพยายามหาทางออก

    เวลาในห้องผ่านไปอย่างไม่อาจระบุได้ว่ากี่ชั่วโมงหรือกี่วัน     ผมจึงใช้เวลาไปกับการสำรวจพื้นห้องทั้งสี่ด้านและพื้นด้านล่างทุกตารางนิ้ว แต่ไม่มีร่องรอยอะไรจะบอกใบ้ว่ามีกลไกลับซึ่งสามารถเปิดออกสู่โลกภายนอกได้

    การอยู่กับตัวเองในบริเวณแคบ ๆ แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิตแน่นอน เราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือมีอะไรเกิดขึ้นข้างนอกห้อง

    ความทรงจำที่เหลืออยู่ของผมก็ดูเลือนลาง เหมือนกับว่ามีใครสักคน หรืออะไรสักอย่างลบความทรงจำจนขาดหายเป็นช่วงๆ ความทรงจำที่เหลือก็ดูจะปะติดปะต่อจนไม่ค่อยเป็นรูปร่างแบบรุ่งริ่งจนแทบจะไม่มีความหมาย

    บางทีผมอาจจะประสบอุบัติเหตุ จนสมองกระทบกระเทือนอย่างหนัก หรืออาจจะโดนมนุษย์ต่างดาวจับตัวมาทดลองอะไรบางอย่าง หรืออาจจะเป็นเพียงการฝันร้ายที่รอการตื่นขึ้นมาเท่านั้น หรือบางทีผมอาจจะตายไปแล้ว และวิญญาณลงมาสิงอยู่ในห้องนี้ ทุกอย่างก็มีสิทธิ์เป็นได้ทั้งนั้น

    แต่ในที่สุดผมก็เริ่มรู้ว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่ถูกขังอยู่ในห้องแบบนี้  เมื่อวันหนึ่งมีการพยายามติดต่อออกมาจากรอยแยกตามผนังห้อง รอยแยกซึ่งเกิดจากกาลเวลา และขอบคุณพระเจ้า…..คนแรกซึ่งผมติดต่อได้เป็นผู้หญิง  มันทำให้ห้องที่อ้างว้างเยือกเย็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

    ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นห้องของไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ วันทั้งวันพร่ำบ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระบ้าบอคอแตก แน่นอนว่าเราพูดคุยกันบ้างตามมรรยาท เพราะผมต้องการให้เวลากับเสียงหวานๆ มากกว่าเสียงแหบๆ ใหญ่ๆ  และผมยังรู้สึกได้ว่ายังมีห้องอื่นๆ อยู่ถัดไปอีกมากมาย แต่มันห่างเกินกว่าจะติดต่อสื่อสารได้ชัดเจน

    ผมและเธอเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น พูดคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไป เพราะเราพบว่าความทรงจำในอดีตก่อนหน้านี้คือความว่างเปล่าเหมือนกัน ราวกับว่าพวกเรา จุติแรกเกิดขึ้นมาในห้องนี้ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่นอน

    จากคนรู้จักเป็นคนคุ้นเคย จากคนคุ้นเคยเป็นความรักและคนรัก
    นานวันเข้า ผมเริ่มอยากเห็นหน้าเธอ  ช่วงแรกก็กลัวเหมือนกัน…กลัวว่าถ้าเธอมีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงามอย่างที่คิด ผมจะทำอย่างไร…. จะวิ่งหนีไปทางไหน…แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรักก็เริ่มเลยทะลุขีดจำกัดของความรักแบบธรรมดาสามัญ เธอจะรูปร่างหน้าเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ความเหงา ความอ้างว้าง  และการพูดคุยอันยาวนาน ก่อให้เกิดปาฎิหาริย์แห่งความรักยิ่งใหญ่

    และในที่สุดผมก็เริ่มเจอะผนังด้วยอุปกรณ์ตามมีตามเกิด ขาเก้าอี้บ้าง ขาเตียงบ้าง ถ้ามีความตั้งใจจริงก็คงไม่มีอะไรขัดขวางได้หรอกครับ ประตูไม่มี เจาะเองก็ได้ ไม่ง้อเทวดาหน้าไหน นั่นเป็นความคิดที่ทำให้ผม สกัด เจาะ ผนังเป็นรูปบานประตูแทนที่จะเป็นช่องหรือโพรงธรรมดา

    เธอเองก็พยายามจะเจาะผนังเข้ามาเหมือนกัน แต่ผมห้ามไว้ แน่ล่ะ….แบบนั้นมันออกจะเสียงเชิงชายไปหน่อย งานหนักๆ แบบนี้ เป็นงานของลูกผู้ชายตัวจริงเท่านั้น..พอเพียงเสียงหวานๆ และกำลังใจก็พอที่รัก

    ส่วนไอ้คนซึ่งอยู่ผนังตรงข้าม พอได้ข่าว มันหัวเราะเยาะแทบตาย แต่ช่างหัวมัน….คนจำพวกที่ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเองไม่รู้พลังและคุณค่าของความรักเท่าไรหรอก  มีหลายครั้งที่เรานั่งพิงผนัง พูดคุยกันจนนั่งหลับกันไปข้างหนึ่ง  หลังพวกเราพิงกัน เพียงมีผนังบ้าๆ มากั้นเท่านั้น ถ้ามีใครแอบมองมาจากข้างนอก คงนึกว่าพวกเราเหมือนคนบ้าไม่มีผิด

    ห้องเริ่มเต็มไปด้วยฝุ่นและเศษดินเศษหินมากขึ้นตามช่องที่ขยายออกไปเรื่อยๆ อีกไม่นานที่รัก…ผนังแค่นี้กั้นผมไม่อยู่หรอก และผมพร้อมที่จะฆ่าใครก็ได้ถ้ามาขัดขวาง


    +++++

    …..โดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ และไม่ทันคาดคิด  รอยแตกแยกปริจากรอยเจาะที่ผมทำเอาไว้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ  ก่อนผนังจะถล่มทลายลง ท่ามกลางเศษอิฐฝุ่นผงและเศษหินกระจัดกระจาย มือขาวซีดสองข้างไขว่คว้าออกมาจากช่องขนาดคนจะลอดออกมาได้สูงจากผนังไม่ถึงเมตร

    มือนั้นราวกับจะดิ้นรนออกมาจากห้วงแห่งความทุกข์ทรมานซึ่งอยู่เบื้องหลัง ตะกุยตะกายอย่างเอาเป็นเอาตายและไม่คิดชีวิต  ก่อนที่ศีรษะของเจ้าของมือจะโผล่ออกมากลางฝุ่นควัน

    ผมนั่งตะลึงตัวแข็งทื่อ ตัวเย็นเฉียบ เลือดแทบจับตัวเป็นก้อนแข็ง

    แน่นอนว่าไม่ได้ลุกขึ้นวิ่งหนี เพราะไม่รู้ว่าจะหนีออกจากห้องนี้ได้อย่างไร

    เมื่อโผล่ออกมาได้หน่อยหนึ่ง ร่างนั้นก็หยุดตะกาย มือห้อยลงอย่างปราศจากความหมาย  ตามนิ้วมือมีรอยบาดแผลและเลือดไหลเป็นทาง อันเป็นผลจากการตะกายผนัง หากใบหน้าที่กำลังหันมองไปมาอย่างสำรวจตรวจตรานั้นกลับมีรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ดูแล้วไม่ชอบใจเอาเสียเลย  สีแดงของเลือดเลอะเทอะตามบริเวณใบหน้าเต็มไปหมด เศษเนื้อห้อยรุ่งริ่งราวกับใบหน้าครูดไปตามถนนขรุขระ ศีรษะด้านซ้ายยุบลงไปเหมือนถูกทุบ และทันใดนั้นศีรษะนรกนั่นก็บีดหมุนสองรอบราวกับไม่มีกระดูกคอต่อ บิดจนขาดหล่นลงบนพื้น แถมกลิ้งมาหยุดเงยหน้าขึ้นมาเหลือกตามองอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

    “เฮ้ย….!!!!!”

    ผมร้องเสียงหลง ถีบเท้ายันออกไปไม่คิดชีวิต  เจ้าผีหน้าเละนี่โผล่ออกมาจากห้องสุดที่รัก ไม่….มันต้องไม่ใช่เธอเด็ดขาด ไม่ใช่…..ให้ตายดับลับหายก็ไม่มีทางเป็นไปได้ นี่มันต้องเป็นฝันร้ายเท่านั้น

    ใช่ฝันร้ายจริงๆ

    เสียงของตนเองปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากท่านิ่งพิงอิงผนังหลับแบบมาตรฐาน หัวใจยังเต้นแรงอยู่เลย  ขอบคุณพระเจ้าหรือซาตานตนไหนก็ได้ ที่ทำให้มันเป็นเพียงความฝัน  ผนังไม่มีโพรงน่าเกลียดแบบนั้น คงมีแต่รอยเจาะเป็นทางยาวรูปบานประตูที่ผมทำเอาไว้เท่านั้น ไม่มีซากสยอง  คิดได้แค่นี้ความปลอดโปร่งโล่งใจก็วิ่งมาเป็นกอง  นึกแล้วอยากกระโดดเตะตัวเองสักสามที ที่บังอาจฝันอุบาทว์…ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คงอยากบ้าตายไปเสียก่อน ให้รู้แล้วรู้รอด

    “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

    เสียงใสๆ หวานๆ ถามออกมาจากผนังอย่างร้อนรนและเป็นห่วง  ผมรีบหันไปยิ้มให้ผนังพลางรีบตอบไปเพื่อให้เธอคลายจากอาการวิตกกังวล

    “ไม่มีอะไรหรอกที่รัก ผมแค่ฝันร้าย”

    “ฝันว่าอะไรคะ”

    “เอ่อช่างเถอะครับ มันไม่สำคัญอะไรหรอก”

    แน่ล่ะ….ใครจะบอกความจริงได้ ฝันแบบนั้นมันฟังดูไม่ดีแน่นอน  ผมคว้าเศษไม้ซึ่งทำหน้าที่เป็นค้อนและสิ่วจำเป็นขึ้นมาอีกครั้ง กำลังใจอัดฉีดเข้ามาเต็มกายเต็มใจ

    “อีกไม่นานที่รัก ผมจะไปหาคุณ”

    ว่าพลางออกแรงขุด เจาะ ทุบ ต่อไป อย่างสุดกำลัง มือไม้จะเจ็บจะปวดก็ช่างหัวมัน ความรัก คนรัก กำลังรออยู่ห่างออกไปไม่กี่คืบ

    ….

    …

    ประตูใกล้สำเร็จแล้ว
    ตอนนี้ผมคิดว่าถ้ากระโดดกระแทกแรงๆ มันอาจพังครืนลงไปอีกด้านได้ รอยเจาะเป็นร่องลึกพอสมควร มันคงคล้ายหลักการของการหัดแผ่นพลาสติกหรือตัดกระจกประมาณนั้น เราไม่จำเป็นต้องกรีดให้ทะลุ ถ้าออกแรงพอก็สามารถหัดแผ่นพลาสติกหรือกระจกได้ ไม่รู้สิ…ผมคิดแบบนี้ จะถูกหรือไม่ช่างหัวมัน

    ผมบอกให้เธอหลบห่างออกจากผนัง  สูดลมหายใจเต็มปอด รวบรวมกำลังทั้งหมดพุ่งเข้าชนผนังนั้นเต็มแรง

    ผนังหนาพังครืนออกเป็นรูปประตูขึ้นมาทันที  แผ่นหินสี่เหลี่ยมล้มครืนลงอีกด้านหนึ่ง ดังสนั่น ผมทำสำเร็จแล้ว หัวซุกหัวซนไปตามแรงเฉื่อย และในที่สุดก็ไปซบอยู่กับอกใครคนหนึ่ง

    เธอสวยจริงๆ แม้ว่าจะไม่สวยอย่างที่วาดภาพเอาไว้ แต่ก็สวยอีกแบบหนึ่ง  ไม่มีอะไรพลิกความคาดหมาย เพราะถึงเธอจะไม่สวยหุ่นไม่ดี ผมก็จะไม่เปลี่ยนใจ  ยิ่งสวยแบบนี้ก็เสร็จผมสิครับ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ดีเกินคาด ไม่รู้ว่าทำบุญเก่าไว้แต่ปางไหน…

    ในช่วงเวลานั้น ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่สนใจฝุ่นที่ยังกระจายอยู่ทั่วห้อง ไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่แถวนั้นหรือไม่ ที่ผมสนใจคือวงหน้าและนัยน์ตาสดใส พร้อมรอยยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจของเธอ

    จะมีอะไรวิเศษไปกว่าการได้อยู่กับคนที่ตนเองแสนรัก

    อิจฉาตัวเองจริงๆ

    ++++

    ……

    ……


    ในงานพิธีล้างป่าช้าศพไม่มีญาติ ผู้คนซึ่งมาร่วมทำพิธีต่างก็พากันงวยงง เมื่อพบว่าหลุมศพแห่งหนึ่งว่างเปล่าอย่างไม่น่าเป็นไปได้ และพอขุดดูหลุมศพถัดไป ยิ่งพากันแปลกใจมากขึ้นไปอีก แน่ล่ะ..คนเป็นจะเข้าใจโลกของคนตายได้อย่างไรกัน?

    หลุมศพแห่งนี้มีโครงกระดูกสองโครงกระดูก ที่เคยเป็นของคนสองคน นอนกอดก่ายกันอยู่ราวกับเป็นคนรักซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน จนวาระสุดท้าย….


    จบ

    จากคุณ : Psycho man - [ 25 พ.ย. 47 23:57:09 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป