" เจ้าลอดเข้าไปก่อนเถอะ นามอร์ แล้วเวลาลอดเข้าไประวังด้วย ที่มืดและชื้นอย่างนั้นพวกแมงป่องกับงูจะเข้ามาหลบแดดเวลากลางวัน " ชายหนุ่มส่งเสียงเตือนแล้วฝืนทำหน้าชื่น สะกดกลั้นอาการปวดแปลบยามขยับตัวด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลทั้งปากและนัยน์ตา ยิ้มให้อย่างตั้งใจหว่านเสน่ห์เต็มที่ให้สหายตัวน้อยหลงลมแล้วยอมมุดรูเล็กๆนั่นเข้าไปเสียที
แต่เจ้าตัวจ้อยเหมือนกับจะบื้อใบ้ต่อรอยยิ้มตรงหน้าขึ้นมาทันทีทันใด มันเอียงคอเมียงมองร่างสูงซ้ำไปซ้ำมาจากศีรษะจรดปลายเท้าสองสามรอบแล้วยังไม่หนำใจ เดินวนรอบตัวของเขาอีกสองรอบราวกับจะพิศโฉมเสียให้เต็มอิ่ม
" อืออออ ถ้าข้ามุดเข้าไปก่อนแล้วท่านเกิดมุดเข้าช่องนี้ไปไม่ได้ล่ะ " เจ้าหนูปุจฉาขึ้นมา
" ก็หาทางอื่นมุดไปแทน " เขาตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แสร้งแสดงเป็นชายหนุ่มผู้สดใส มองโลกในแง่ดี และเปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน อย่างที่ควรจะเป็น
" ก็แล้วถ้ามันไม่มีทางอื่นอีกล่ะ " ข้อสงสัยของนามอร์ยืดยาวไม่รู้จักจบสิ้น
" ถ้าหนีทางใต้ดินไม่ได้ ก็หนีทางอากาศด้วยการปีนหลังคาเอา " ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและค่อยๆ ขยับท่อนขาที่หนักอึ้ง พาร่างกายของตนไปพิงกับผนังตึกเพื่อเป็นการพักและผ่อนแรงขาข้างที่บาดเจ็บให้รองรับน้ำหนักตัวน้อยลง
พยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเกลี้ยกล่อมสหายต่างวัยให้หาทางหลบหลีกจากไปก่อน
" ไปเถอะนามอร์ ชักช้าจะไม่ทันการ เดี๋ยวกองกำลังราชองครักษ์พวกนั้นจะเข้ามาตรวจค้น แล้วจะถูกรวบเข้าซังเตกันหมด "
" ถ้าอย่างนั้นก็ปีนด้วยกัน " คู่สนทนาย้ำเสียงหนักแน่นแต่ยังปักหลักมั่นในตำแหน่งเดิมไม่ยอมขยับตัวไปไหน
" ท่านปีนก่อน ข้าจะรั้งท้ายระวังหลังให้ "
ความมีน้ำใจของมันสร้างทั้งความซาบซึ้งระคนไปกับความหงุดหงิด จนแสบๆ คันๆ ใน หัวใจและอารมณ์ของเขาอย่างบอกไม่ถูก
" เจ้านั่นแหละปีนก่อน ถ้าเกิดพลาดพลั้งร่วงลงมายังไง เราจะได้รับเอาไว้ได้ ขืนเราปืนก่อน เกิดร่วงลงมาก็คอย่นทั้งคู่ ตัวเล็กๆอย่างเจ้าน่ะจะช่วยเรายังไงไหว " คัซซาร์ส่งเสียงปรามาสไป แล้วทอดตามองร่างเล็กที่ยังยืนขยุกขยิกไปมาแต่ไม่ยอมก้าวขาสักข้างจนรู้แล้วรู้รอด
" จำเรื่องหนูกับราชสีห์ที่ข้าพูดเมื่อคืนได้ไหม หนูอาจช่วยราชสีห์ได้เมื่อถึงเวลาคับขัน " ไอ้หนูพูดลอยๆ แล้วส่งยิ้มยิงฟันขาวสว่างตัดกับหน้ามอมแมมเปรอะเปื้อนจนมองเค้าหน้าของมันไม่ออกมาให้
" ดังนั้นเมื่อถึงคราวคับขันของราชสีห์ เช่น ถูกยิงมาจนเดี้ยง ราชสีห์ก็ไม่ควรอวดเก่ง อ้างสารพัดเหตุผลต่อหนูน้อย เพื่อจะแสดงท่าทีเจ้าป่ารักษาหน้าตาอวดเจ้าหนูต่อไป "
ประโยคของสหายตัวน้อยทำเอาเขาจุก รู้สึกเหมือนโดนกำปั้นต่อยซ้ำ ซัดเข้าที่ท้องเต็มๆ หมัด อย่างไม่ทันตั้งตัว
ไม่รู้ว่าจะปั้นสีหน้าแบบไหนตอบกลับวาจาอาจหาญนั้นไปดี ระหว่างซึ้งใจจนน้ำตาแทบร่วง โกรธจนไม่อยากมองหน้า หรือขบขันจนอยากจะหัวเราะล้มกลิ้งไปกับพื้น สีหน้าสีตาที่ออกมาจึงพิกลจนอีกฝ่ายต้องหัวเราะเสียงดังไม่ขาดเสียง
" โกรธข้าล่ะสิ พูดแทงใจดำขนาดนั้น " เสียงพูดขาดเป็นห้วงๆด้วยเจ้าตัวพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเต็มความสามารถ
" เจ้ารู้ได้ยังไง " เปล่าประโยชน์ที่ชายหนุ่มจะปฏิเสธแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป ในเมื่อเจ้าหนูที่ยืนตรงหน้าออกจะรู้เรื่องของเขาดีขนาดนั้น
" ข้าก็ไม่รู้หรอกจนกระทั่งถึงเมื่อกี้ " มันตอบหน้าตาย อย่างน่าตายในความคิดของเขาจริงๆ
" ก็แค่ดักคอ เห็นท่าทางท่านแปลกไป ตามนิสัยของท่านน่ะ ปกติควรจะกุลีกุจอมุดเข้ารูนั่นเพื่อสำรวจสัตว์เลื้อยคลานนำหน้าข้าด้วยซ้ำ แต่นี่กลับตักเตือนเสียยืดยาว แถม... " นามอร์อมยิ้มน้อยๆ แล้วเอานิ้วมือมอมๆ มาจิ้มที่ริมฝีปากและดวงตาคมจัดของคู่สนทนา
" แถม...ไอ้ยิ้มหวานๆ ตาเยิ้มๆ ของท่านน่ะ ไปใช้กับสาวๆ จะดีกว่า มายิ้มหว่านเสน่ห์หวังผลกับเด็กกะโปโลอย่างข้าก็ยิ่งต้องน่าสงสัยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า "
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 47 20:59:14
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 47 20:57:17
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 47 20:54:06
แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 47 19:12:21
จากคุณ :
ปาล์ม.
- [
วันลอยกระทง 19:09:39
]