CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    เปลวไฟในสายลม [8] : เกเบรียลแห่งเดอวินด์

    8. เกเบรียลแห่งเดอวินด์


        ก่อนหน้าที่เอลซ่าและเนโรจะเข้าพบผู้บัญชาการสูงสุดธีโม  พลาเนียสเพียงไม่นานนัก  รถม้าของพันโทคารอส  เฟอร์นาดีก็เข้าจอดเทียบตรงหน้าประตูของปราสาทเดอวินด์ตามวัตถุประสงค์ในตอนแรกของผู้เป็นเจ้าของ

        แต่สีหน้าของมิเชล  เบลโฟร์ในยามนี้ไม่ใช่หญิงสาวผู้สดชื่นแจ่มใสดั่งเช่นตอนที่อยู่ ณ คฤหาสน์คารานิสต์  แต่กลับค่อนข้างจะบึ้งตึงด้วยอารมณ์ที่กรุ่นอยู่ภายใน

        คารอสเองก็มีสีหน้าลำบากใจ  หางเสียงที่ใช้นั้นอ่อนลงจนเกือบจะกลายเป็นขอร้อง

        “ข้ารู้ว่าเจ้าชอบเอลซ่าเลยนึกโกรธแทนนางแบบนี้  …แต่เจ้าก็น่าจะเห็นใจเกเบรียลบ้างนะคุณหนูมิเชล  เรื่องครั้งนั้นเกเบรียลต่างหากที่เป็นคนที่ต้องเสียใจมากที่สุด  หญิงคนรักที่กำลังจะหมั้นหมายกลายเป็นสายลับจากแคว้นอื่น  แล้วยังจะมาทะเลาะกับเอลซ่าด้วยความเข้าใจผิดอีก..”

        ในระหว่างทางที่ผ่านมา  คู่หมั้นสาวชาวโซเวลของเขารบเร้าให้ชายหนุ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อแปดปีก่อนให้ฟังในทันที  คารอสซึ่งขัดไม่ได้จึงจำเป็นต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยคร่าว ๆ เพราะรู้ว่าใกล้จะถึงปราสาทเดอวินด์ของเพื่อนรักเต็มทีแล้ว

        แต่เมื่อคารอสเล่าจบ  คู่หมั้นสาวก็มีปฏิกิริยาแบบที่เขานึกกลัวอยู่ก่อนจริง ๆ  นั่นคือโกรธแทนเอลซ่าที่ต้องถูกทำร้ายจิตใจทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิด  …เพื่อนนายทหารบางคนเคยบอกว่า พวกผู้หญิงมักจะเข้าข้างเพศเดียวกันเสมอ…  ซึ่งดูเหมือนคราวนี้ก็เช่นกัน

        มิเชลเหลือบมองคู่หมั้นด้วยสายตาขุ่น

        “ข้าไม่ได้โกรธเพื่อนท่านแทนคุณเอลซ่า  ข้ารู้ว่าข้าจะไปตำหนิคนที่กำลังตกอยู่ในความรักแบบนั้นไม่ได้  …ข้ากำลังโมโหท่านต่างหาก !”

        “อ้าว ! ทำไมเป็นข้าล่ะ ?”

        ชายหนุ่มร้องเสียงหลงด้วยผิดคาด  แต่มิเชลกลับส่ายหน้าอย่างเหลืออด

        “ข้าล่ะแปลกใจจริงที่คุณเอลซ่ายังยอมพูดจาดี ๆ กับท่านอยู่อีก ?  ถ้าเป็นข้าล่ะก็คงไม่คิดจะมองหน้าท่านไปชั่วชีวิตเลย !”

        คารอสลูบสันจมูกที่เริ่มชื้นเหงื่อ

        “เดี๋ยวก่อนมิเชล…  ข้าไม่ได้เป็นคนที่ไปทะเลาะกับเอลซ่าสักหน่อย ?”

        มิเชลพยักหน้า  แต่ยังคงส่งสายตาแบบเดิมมาที่เขาไม่ผิดเพี้ยน

        “ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง  …แต่ตอนนั้นคุณเอลซ่าเพิ่งสิบสี่  แล้วท่านก็เป็นเพื่อนของนางไม่ใช่หรือ ?  ท่านควรที่จะต้องรับฟังเหตุผลของนาง  …ควรต้องช่วยเหลือนางบ้าง..  ไม่ใช่เอะอะก็เข้าข้างแต่คุณเกเบรียลข้างเดียวแบบนั้น !”

        ชายหนุ่มผมแดงเริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง  น้ำเสียงเริ่มเจื่อนลงเมื่อไม่มีข้อแก้ตัว

        “ก็ตอนนั้นข้าไม่คิดนี่ว่ามารีอาจะเป็นสายลับจริง ๆ”

        เบลโฟร์สาวสะบัดหน้าพรืด

        “พวกท่านเห็นแก่หน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนั้นล่ะสิ ?  ฟัง ๆ ดูแล้วนางคงจะงามมากใช่หรือไม่ ? ถึงขนาดได้ชื่อว่าเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งในแคว้นรีมาทีเดียว..”

        คารอสชักจะอึ้ง

        “เจ้าไปฟังมาจากไหน ? ข้ายังไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังนี่นา ?”

        มิเชลส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

        “ท่านคิดว่าข้าเพิ่งมาอยู่ที่แคว้นรีมาหรือไง ?  เพื่อนข้าในเมืองนี้ก็มีตั้งมากมาย  แล้วตัวคุณเกเบรียลเพื่อนท่านก็เนื้อหอมหยอกอยู่ซะที่ไหน ?  ข้าได้ยินเรื่องที่คุณเกเบรียลต้องอกหักจากสายลับหญิงแสนสวยมาตั้งแต่ปีแรกที่มาเรียนแล้วด้วยซ้ำไป  แค่ยังไม่รู้ว่านอกจากจะอกหักแล้ว  ยังไปทำร้ายจิตใจเด็กสาวที่น่ารักอย่างคุณเอลซ่าด้วย..”

        เฟอร์นาดีหนุ่มอยากจะเถียงประโยคสุดท้ายของคู่หมั้นสาวเต็มแก่  แต่ก็พูดไม่ออกเพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้มิเชลโมโหมากกว่าเดิม  เลยได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายยกนิ้วขึ้นจิ้มแรง ๆ ไปที่ไหล่หนาของเขาเอง

        “ท่านบอกข้าเองนะว่าท่านเป็นคนที่อาสาไปสืบความจริงที่เพลเทีย ?  …แล้วไหนจะเป็นคนที่ยุยงให้คุณเกเบรียลคิดว่าคุณเอลซ่าเป็นเด็กโกหกอีก ?”

        ดูเหมือนความผิดของเขาจะเริ่มเพิ่มขึ้นทุกทีพร้อม ๆ กับแรงจากปลายนิ้วของคู่หมั้นสาว  จนคารอสต้องรีบคว้ามือของเธอเอาไว้

        “ข้าไม่ได้ยุยง  …ข้าแค่อยากจะปลอบใจเกเบรียลในตอนนั้นให้สบายใจขึ้นเท่านั้นเองหรอกนะมิเชล…”

        มิเชลอยากจะแค่นเสียงออกมาดัง ๆ  แต่มารยาทที่ฝึกมาตลอดชีวิตทำให้ไม่อาจตัดใจทำจริง ๆ ได้

        “ถึงไม่เจตนาแต่ก็ยังผิดอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ  …ที่ถูกน่ะท่านควรจะช่วยพูดแทนนาง  หรือไม่ก็เกลี้ยกล่อมให้คุณเกเบรียลใจเย็นกว่านั้น  ไม่ใช่ปล่อยให้ไปเอะอะเอากับคุณเอลซ่า…”

        ขณะที่มิเชลมีท่าทีจะขุดเอาความผิดพลาดของเขาออกมาสับให้ละเอียด  คารอสก็ต้องถอนใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อมีเสียงเคาะประตูรถม้าพร้อมกับใบหน้าคุ้นเคยที่โผล่มาตรงหน้าต่างขัดจังหวะได้ทันท่วงที

        “นี่พวกท่านจะเถียงกันอีกนานไหมครับ ?  ข้าจะได้เข้าไปบอกคุณเกเบรียลให้รอก่อน..”

        มิเชลชะงักบทอบรมของเธอไปทันที  ใบหน้านวลแดงระเรื่อด้วยความกระดาก  ส่วนคารอสนั้นรีบฉวยโอกาสเปลี่ยนเรื่องทันที

        “รามุสมาพอดี..  ไปบอกเกเบรียลว่าพวกเรามีเรื่องมาคุยด้วย..  อ้อ.. แล้วก็อย่าลืมบอกให้จิลเลียนให้เตรียมอาหารเย็นเพิ่มขึ้นด้วยนะ..”

        พ่อบ้านรับคำด้วยสีหน้าเยือกเย็นตามปกติ  คารอสจึงหันไปชวนคู่หมั้นสาว

        “พวกเราเข้าไปข้างในปราสาทกันก่อนดีกว่านะคุณหนูมิเชล …มีอะไรค่อยคุยกันต่อข้างในเถอะ…”

        เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะแบบนี้  แม้มิเชลจะยังมีอีกหลายอย่างอยากจะ ‘จัดการ’ กับคู่หมั้นหนุ่มให้มากกว่านี้  เธอก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

        คารอสรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อหญิงสาวยอมให้เขาช่วยรับมือของเธอเมื่อตอนที่ก้าวลงมาจากรถม้า  แม้ว่าหัวคิ้วของบุตรสาวนายพลลาร์คจะยังขมวดอยู่ไม่เลิก  แต่สีหน้าก็คลายลงจากความบึ้งตึงเมื่อครู่ไม่น้อย

        พ่อบ้านรามุสเชิญคนทั้งสองให้เข้าไปรอเจ้าของปราสาทในห้องสมุดซึ่งเจ้านายของเขาชอบใช้เวลาขลุกอยู่เป็นวัน ๆ อย่างไม่ลังเล  เพราะคารอสนั้นสนิทสนมกับผู้เป็นเจ้าของเสียจนแทบไม่อาจนับเป็นแขกของปราสาทแห่งนี้ได้อีกแล้ว

        หากเป็นเวลาปกติ  มิเชลคงจะตื่นตาตื่นใจกับการตกแต่งที่สวยงามภายในปราสาท  แต่เมื่ออารมณ์ยังขุ่นมัวไม่จาง  หญิงสาวก็ได้แต่เดินตามพ่อบ้านแห่งปราสาทเดอวินด์ไปเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา  ทำให้คารอสมักจะเหลือบมองไปยังคู่หมั้นหมาด ๆ ของเขาอย่างไม่สบายใจสักเท่าไหร่



        เกเบรียลวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะเล็กด้านข้างพลางถอนหายใจ  ดวงตาสีอำพันของชายหนุ่มเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย  

        นี่เป็นการพักร้อนครั้งแรกในรอบสองปีของชายหนุ่ม  เนื่องจากท่านอาจารย์ธีโมเห็นว่าลูกศิษย์คนโปรดที่กลายมาเป็นมือขวาคนสนิทนั้นโหมงานหนักเสียจนไม่เหลือเวลาไปทำสิ่งอื่นอีก  ความตึงเครียดบนใบหน้าของพันโทเดอวินด์เห็นได้ชัดเสียจนนายทหารฝึกหัดยังรับรู้ได้โดยไม่ต้องให้ใครบอก

        กำหนดเวลาพักสิบวันที่ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งมหานครรีมาระบุมานั้นช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า  เกเบรียลถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในกรมทหารหากไม่ได้รับคำสั่งเรียกตัว  รวมถึงมีคำสั่งไปยังเพื่อนและลูกน้องของเขาด้วยว่า  ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนจริง ๆ แล้วก็ไม่ต้องมารบกวนการพักผ่อนของเกเบรียลถึงปราสาทเดอวินด์เด็ดขาด

        เกเบรียลรู้ดีว่าอาจารย์และผู้บังคับบัญชาของเขาทำแบบนี้ด้วยความหวังดี  แต่เมื่อต้องมาพักร้อนจริง ๆ ชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถคลายความเครียดที่ฝังอยู่ในสมองออกไปได้สักเท่าไหร่

        ดังนั้นเมื่อคารอสและมิเชลมาถึง  สีหน้าเหนื่อยหน่ายของชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นยินดีขึ้นมาในทันที

        “คารอส..  คุณหนูมิเชล..  มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

        คารอสกวาดตามองเพื่อนในเครื่องแต่งกายอยู่กับบ้าน  พร้อมทั้งผมยาวประบ่าที่ค่อนข้างยุ่งแล้วก็ต้องส่ายหน้า

        “ได้ยินว่าเจ้าทำงานหนักเสียจนท่านอาจารย์ต้องบังคับให้พักร้อน…  แต่มาดูแบบนี้แล้วก็ยังไม่ค่อยโทรมเท่าไหร่นี่นะ ?”

        มิเชลเองก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาสำรวจ  ก่อนทักบ้างว่า

        “คุณเกเบรียลผอมลงไปหรือเปล่าคะ ?”

        เกเบรียลก้มลงมองตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมาไม่แจ่มใสนัก

        “ข้าว่าข้าดูเหมือนเดิมนะ  …ว่าแต่พวกท่านไปไหนกันมาล่ะ  ? หรือว่าตั้งใจมาหาข้าโดยเฉพาะ ?”

        คารอสหันไปสบตาคู่หมั้นสาว  เห็นรอยบึ้งตึงของนางหายไปหมดแล้ว  เหลือเพียงความห่วงใยในสภาพของเจ้าของปราสาทเสียมากกว่า  จึงพยักหน้า

        “ก็ตั้งใจมาหาเจ้านั่นล่ะ…  มีข่าวดีมาบอก…”

        เกเบรียลเชิญคนทั้งสองให้นั่งลงพลางหันไปสั่งเครื่องดื่มจากรามุสพ่อบ้านที่ยังยืนรออยู่ตรงหน้าประตูอย่างเงียบ ๆ  แล้วค่อยหันกลับมาถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

        “ข่าวดีอะไรรึ ?  ข้าถูกสั่งพักให้อยู่แต่ในบ้านแบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว  ไม่ได้รู้ความเป็นไปในรีมาสักอย่าง…”

        ทั้งคารอสและมิเชลยังคงลังเลไม่นั่งลงตามคำเชิญ  ใบหน้าของคารอสนั้นมีรอยยิ้มอย่างภาคภูมิฉายชัด  ส่วนมิเชลนั้นก็หน้าแดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่  ก่อนที่ชายหนุ่มผมแดงจะเป็นฝ่ายกระแอมขึ้น

        “เอ่อ…  ข้าพามิเชลมาบอกข่าวเจ้าว่า  พวกเราหมั้นกันเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้เอง…”

        ใบหน้าคมค่อนข้างซูบของเกเบรียลแดงขึ้นด้วยความดีใจ  ลุกจากเก้าอี้เข้ามาคว้าไหล่ของเพื่อนไว้แน่น

        “ดีใจด้วยคารอส !  …ข้ายินดีด้วยจริง ๆ”

        ว่าแล้วก็หันไปทางสาวงามจากโซเวลด้วยดวงตาเป็นประกาย

        “คารอสเพื่อนข้าถึงจะปากเสียไปหน่อย  แต่ก็เป็นคนจริงใจ  …คุณหนูมิเชลเลือกคนไม่ผิดแล้ว…  ข้าขอให้พวกเจ้าทั้งสองมีความสุขมาก ๆ   …รีบแต่งงานแล้วมีหลานให้ข้าได้อุ้มเร็ว ๆ ได้ก็ยิ่งดี..”

        คารอสฟังเพื่อนพูดแล้วก็ซึ้งใจนัก

        “ขอบใจเจ้ามากเกเบรียล …พวกเราขอรับคำอวยพรจากเจ้าไว้…”

        มิเชลเองแม้จะเขินจนหน้าแดง  แต่ก็ยังยิ้มรับ

        “ขอบคุณคุณเกเบรียลสำหรับคำอวยพรค่ะ  …ว่าแต่เมื่อไหร่จะถึงตาข้าอวยพรให้กับท่านบ้างล่ะคะ ?”

        ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย  รอยยิ้มยินดีนั้นจางลง  แต่ยังคงตอบตรง ๆ

        “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก…  เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะโชคดีพบคนที่เหมาะสมได้ง่าย ๆ ใช่หรือไม่ ?”

        หยุดนิดหนึ่งจึงยิ้มพลางเย้าขึ้นว่า

        “ว่าแต่คารอสเจ้าก็เป็นพวกใจร้อนเหมือนกันนะ  …แอบหนีงานไปโซเวลมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ทำไมไม่บอกให้ข้าได้รู้บ้าง ?”

        คารอสหน้าแดงขึ้นนิดหน่อย

        “ข้าไม่ได้ไปถึงโซเวลหรอก…  พอดีท่านนายพลลาร์คแวะมาเยี่ยมมิเชลตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน  ข้าเลยถือโอกาสขอให้ท่านอาจารย์ธีโมไปเป็นธุระขอหวานใจให้ข้าเมื่อวานนี้เอง…  ที่ไม่ได้บอกเจ้าก็เพราะท่านอาจารย์บอกว่าไม่ให้ข้ามากวนเวลาพักผ่อนของเจ้า  แถมยังขู่ข้าเสียอีกว่าถ้าท่านนายพลไม่ยกลูกสาวให้ข้าแล้วล่ะก็  …ข้าจะได้ไม่ต้องหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บ…”

        มิเชลสะดุดหูในคำพูดของคู่หมั้นหนุ่มทันที

        “เอ๊ะ !”

        แต่คารอสรีบหันมายิ้มประจบคู่หมั้นเป็นการดักคอ

        “อย่าเพิ่งโกรธข้านะคุณหนูมิเชล  …ข้ากับเกเบรียลคุยกันแบบนี้จนเคยชินกันแล้ว…”

        เกเบรียลหัวเราะออกมาเต็มเสียง  ข่าวดีที่เพื่อนรักและคู่หมั้นนำมานั้นสร้างความยินดีให้กับชายหนุ่มอย่างแท้จริง

        มิเชลปรายตาสีฟ้าสดใสไปทางคู่หมั้นเล็กน้อย  ก่อนจะเปรยขึ้นบ้าง

        “คารอสท่านไม่บอกข่าวดีอีกอย่างให้คุณเกเบรียลได้รู้ด้วยล่ะคะ ?”

        เฟอร์นาดีหนุ่มชะงักไปพร้อม ๆ กับที่เกเบรียลหันมามองด้วยสายตาแจ่มใส

        “ยังมีข่าวดีกว่านี้อีกหรือ ?  หรือว่าเจ้าได้เลื่อนตำแหน่ง ?”

    จากคุณ : noOne - [ วันลอยกระทง 20:48:41 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป