CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    * * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงที่สาม)

    * * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงแรก) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3099880/W3099880.html

    * * * * _ _ _ _ _ปี ศ า จ ว สั น ต์_ _ _ _ _ * * * * (ช่วงที่สอง)
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3102946/W3102946.html

    ********************************************


    ๑๓.

    ความคิดต่างๆ หลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามาอย่างไม่เป็นระเบียบ ผมสับสนไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ทำไมไอ้บ้านี่ถึงต้องมาทำกับผมอย่างนี้  ชู้รักอีกคนของคุณลักษมีอย่างนั้นหรือ…ไม่ใช่สิ ทำไมผมจะดูไม่ออกว่าเธอเปลี่ยวเหงาเพียงใด   แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทำไมผมต้องมานอนจมกองเลือดอยู่อย่างนี้  จะขยับจากที่ไปของความช่วยเหลือก็ยังทำไม่ได้  นอกจากเศษกระจกที่ฝังอยู่กลางหลังด้วยฝีตีนของไอ้หมอนั่น  ไม่รู้ว่ากระดูกตรงไหนอีกบ้างที่ถึงขั้นแตกหัก

    ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมาว่า ว่าผมหวังปอกลอกผู้หญิงแก่คราวแม่คราวป้า  ของอย่างนี้ใครไม่รู้สึกกับตัวเองน่ะไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรมันถึงเป็นไปได้  ตอนแรกก็แค่ความสงสาร แล้วความสงสารมันก็เปลี่ยนเป็นความอาทร จนที่สุด…ผมบอกไม่ถูกหรอกนะว่าความรู้สึกของผมตอนนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่  แต่ที่ผมรู้สึกก็คือผมไม่ได้หวังอะไรนอกไปจากอยากจะทำให้เธอสบายใจ  อย่างน้อยๆ เธอก็ควรจะได้มีลืมความทุกข์ตรมได้บ้างในขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของผม

    แปลกนะผู้ชายแก่มีเมียสาวสังคมไม่ค่อยจะด่าประณาม แต่พอหญิงใกล้วัยชราจะมีผัวหนุ่มบ้าง คนกลับด่าว่า ว่าเป็นแมงดามั่งหละ หวังจะหลอกกินฟรีๆ มั่งหละ อะไรต่อมิอะไร  อยากรู้เหลือเกินว่าถ้าคนสักคู่คิดจะรักกันนี่  มันต้องปีนขึ้นไปรักกันหรือทำรักกันบนหัวของใครด้วยหรือ

    ทำไมไอ้นั้นมันต้องเดือดร้อนขนาดนั้น  ถ้าผมไม่พูดอย่างที่มันนึกอยากให้พูดมีหรือที่มันจะเลิกราไปง่ายๆ



    ๑๔.

    รถมัสแตงทรงโบราณสีเขียวอมฟ้า จอดนิ่งซบกับเงาของกำแพงตึก  สายฝนพร่ำชวนความรู้สึกของคนทั้งสองให้เตลิดไปอย่างช่วยไม่ได้  แพรวรพีกำลังทบทวนเหตุการณ์และคำพูดเมื่อครู่ของชายหนุ่ม  นี่เธอพูดหรือทำอะไรผิดพลาดไปบ้างหรือเปล่าหนอ  เขาถึงกล้าที่จะทำท่าเหมือนจะเล่นรักกับเธอเสียตั้งแต่ในรถ

    “นี่ที่ไหน?”  หญิงสาวถามขึ้นอย่างหวาดหวั่น จนลืมใส่จริตอย่างเคย

    “บ้านผมเอง”   เขายังคงซุกไซร้อยู่กับซอกคอ

    “ฉันไม่ได้บอกว่าจะมาบ้านคุณนะ”  เธอยังประวิงเวลา ขณะที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเสียแล้ว

    “แต่คุณก็ไม่ปฏิเสธนี่นา”  ชัชชัยถอนจมูกออกกระทันหัน  “หรือคุณชอบเข้าม่านรูดมากกว่า”

    “บ้าน่ะสิ!”  คราวนี้เธอทำท่าเขินอายได้ทันท่วงที  ทุบถองเขาเบาๆ ที่ทรวงอกแกร่ง เสียงทึบๆ เมื่อมือน้อย กระทบกับเนื้อแน่น  ยิ่งโหมความกระสันรัญจวนใจขึ้นอีกไม่รู้เท่าไหร่

    ชายหนุ่มเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าที่ใต้ตึก  เขาไม่มีทีท่าจะสนใจว่าเธอจะนั่งอยู่ในรถต่อไปหรือไม่  เดินตรงเข้าไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัย แล้วชี้ไปที่รถคันที่มาใช้ที่จอดรถประจำของเขา  

    จนแพรวรพีต้องวิ่งตามออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก

    “คุณนี่ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย”  เธอออกปากต่อว่า เมื่อเขาเดินกลับมาสมทบที่เชิงบันได  “ดูสิ…เปียกหมดเลย…ถ้าชั้นเกิดไม่สบายจนไปทำงานไม่ไหว…คุณจะรับผิดชอบยังไง”

    เขายังคงไม่สนใจ  หันหน้าเดินนำขึ้นบันไดไปเฉยๆ  ทั้งยังไม่ได้เอ่ยปากชักชวนใดๆ

    “นี่คุณ…คุณชัช….นี่คุณ….ไอ้บ้า!!”  แล้วเธอก็วิ่งลงส้นตึง ๆ ตามเข้ามาถึงในห้อง


    ๑๕.

    “โอ้โห!…ห้องนี้คุณอยู่คนเดียวเหรอเนี่ย”  ฉันเผลอถามออกไปด้วยความอิจฉา  “ค่าเช่าแพงหรือเปล่า…”
     
    “หมื่นสอง” เขาตอบเรียบๆ ช่างไม่รู้จักค่าของเงินเอาซะเลยนะ

    “คุณพาผู้หญิงมาบ่อยเหรอ….คุณทำอย่างนี้บ่อยไหม”  ฉันยิงตรงประเด็น เพราะก็รู้ๆ กันอยู่ว่าละครฉากต่อไปจะเป็นอย่างไร

    “ผู้หญิงวิ่งตามผมขึ้นมาเองทั้งนั้น…อย่างคุณสิ”  

    แล้วเขาก็เดินเลยเข้าไปในห้องน้ำ  เสียงปล่อยเบาที่ดังลอดออกมา ทำให้ฉันนึกแขยงและพาลคิดเลยไปถึงห้วงวิกฤติอันใกล้เข้ามาทุกนาที

    “ออกไปข้างนอกกันเถอะ ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า”  อย่างน้อยฉันก็ควรจะเล่นตัวสักเล็กน้อยไม่ใช่หรือ

    “ทำไมเพิ่งมาหิวอะไรตอนนี้….”  

    “น่านะ…แค่ไปส่งฉันก็ได้”   ฉันทำเสียงอ่อน หวังใช้น้ำเย็นเข้าชโลมหัวใจร้อนระอุของเขา

    “ถ้าแบบนี้จะขึ้นมาทำไม!”  แต่เสียงเขากลับห้วนสั้นจนน่ากลัว

    “ก็ว่าขึ้นมาเดี๋ยวเดียวไงเล่า นี่คุณเป็นฉันเป็นอะไร  ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ  คิดว่าไอ้ต่างหูคู่เดียวจะซื้อชั้นได้……” ไม่ทันขาดคำเขาก็เข้ามาโอบรัดฉันแล้วดันให้ล้มลมที่เตียง  

    “ผมก็กำลังหิวเหมือนกัน….”

    “ว้าย!…ว้าย!….ไม่นะ…ไม่…ไม่”   ฉันดีดดิ้นสุดเท่าที่จริตมารยาจะพาให้เป็นไปได้  สายตากวาดมองเครื่องเรือน เครื่องเสียง เครื่องอำนวยความสะดวกทั้งมวล แล้วก็ผ่อนแรงดิ้นรนลงได้อีกมาก



    ๑๖.

    เธอสะบัดหน้าหลบริมฝีปากของผมได้อย่างชำนาญ  เหมือนกับโดนทำอย่างนี้มาบ่อยจนรู้จังหวะดีขนาดนี้   ผมนอนทับเธอไว้ทั้งตัวแล้วจึงใช้สองมือหนึ่งค้ำคาง แล้วอีกมือหนึ่งบีบจมูก

    “ดูซิ…จะกลั้นได้นานแค่ไหน”  ผมกระซิบอย่างเป็นต่อ

    แม่สาวดาวเต้นของผม อึกอักอึดอัดอยู่ครู่เดียว  ก็ต้องพ่นลมหายใจออกทางปาก  ในทันทีนี้แหละ  ที่ริมฝีปากและเรียวลิ้นของผมจะได้ซอกซอนเข้าไปได้ในทันใด

    และ……..

    แล้ว……..

    เธอก็ตอบสนองผมได้เป็นอันดี……….



    ๑๗.

    ในเมื่อความต้องการของคนสองคนตรงกัน  มันจะไปยากอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรดาๆ คนหนึ่ง มีหรือที่จะไม่คิดไขว่คว้าหาหลักยึดที่แน่นอนไว้ให้กับชีวิต  เขามีความเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์พร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตาและ…ฐานะทางการเงิน

    ทีแรกฉันคิดว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษกว่านี้สักนิด  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก  เพียงแค่สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่ควร  ฉันตั้งใจจะทอดเวลาให้เราได้ทำความรู้จักกันอย่างหญิงชายดีๆ คู่หนึ่งจะตกหลุมรักซึ่งกันและกันเสียก่อน  ช่างเถอะผู้คนอีกมากมายนี่นะที่ตกร่องปล่องชิ้นกันก่อนที่จะตกหลุมรัก

    ฉันตำหนิตัวเองอยู่อย่างเดียว คือเผลอแสดงความโลดโผนจัดจ้าน ตามทันลีลารักของเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  ลูกไม้พรหมจารีย์จึงใช้ไม่ได้ไปโดยปริยาย  การกระซี้กระซิกหลังเสร็จสมมันเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว  ฉันจึงได้แต่ทำทีเป็นสุขสมระเริงระรื่นแทน  ซึ่งดูเขาก็พออกพอใจที่มันจบลงอย่างนี้

    “ว้าย!…..ขโมย!”  ฉันกรีดเสียงพร้อมกับถอนตัวเองขึ้นจากร่างเปล่าของเขา  คว้าสลิปตัวบางจ้อยมาปกปิดส่วนสำคัญเท่าที่จะทำได้

    “ชู่ว์!….ฉันเอง…นี่ฉันเอง”  คนในเงามืดจุ๊ปาก  เขาค่อยปีนเข้ามายืนอย่างมั่นคง ท่าทางใจเย็นพิลึกทีเดียว

    “บอกแล้วไงว่าอย่าปีนเข้ามาแบบนี้”  ชัชยังนอนเปลือยอยู่บนเตียงอย่างไม่สะทกสะท้าน เอื้อมตอกบุหรี่มวนหนึ่งออกจากซอง แล้วโยนทั้งซองที่เหลือให้ผู้บุกรุก

    “ชั้นรำคาญไอ้เจ้าของบ้านน่ะ….ทวงอยู่ได้….นี่ยังไม่ทันสว่างมันมาเคาะประตูห้องแล้ว…ขอยืมไฟแช็กหน่อยสิชัช…เอ๊ะ!…หรือว่าชั้นเข้ามาผิดเวลา…แกกำลังมีคนอยู่ด้วย งั้นชั้นไปก่อนดีกว่า”  เขาพูดเองเออเองเสร็จสรรพ  ฉันจับได้ว่าตลอดเวลานี่เขาจ้องมองฉันอยู่ตลอดเวลา

    ฉันค่อยๆ เลื่อนตัวจากเตียง  ตัดใจจากชั้นในชิ้นล่างที่ผู้มาใหม่แทบจะเหยียบย่ำ  หลบเข้าห้องน้ำอย่างเงียบๆ  แล้วถอนใจโล่งอกด้วยอารมณ์หลากหลาย  ดีนะที่เขาไม่คิดจะเล่นรักอย่างพิศดารมากไปกว่านี้  ดีนะที่ไอ้คนที่เข้านั่นดูเป็นมิตรมากกว่าช่องทางที่เขาปีนป่ายเข้ามา ดีนะที่ฉันกำลังเป็นฝ่ายอยู่ข้างบน  จึงถอนตัวได้ทันเวลา

    “ไปก่อนนะ…”  เสียงนายนั่นดังกว่าที่ควร  คงตั้งใจให้ฉันได้ยินด้วย หมายว่าถ้าฉันออกจากห้องน้ำไปเรื่องไหร่ก็สามารถสานต่อบทรักบทที่สามได้ทันท่วงที

    “ทำไมไม่ออกทางประตูล่ะเอ็ง” คราวนี้เป็นเสียงของชัช  “จะสว่างอยู่แล้ว…ใครเห็นแกปีนขึ้นปีนลง เค้าจะสอยร่วงไปเปล่าๆ “  นำเสียงฟังดูสนิทสนมอย่างพระเอกกับพระรอง มากกว่าจะเป็นการห่วงใยกันอย่างเพื่อนที่มีฐานะเสมอกัน  แต่มันไม่สำคัญเท่ากับว่า….จะสว่างอยู่แล้ว…

    “ตายแล้ว!…..”  ฉันผลุนผลันออกมาจากห้องน้ำ  ชัชยังนอนอยู่ในท่าเดิม  เพื่อนเขากำลังจะโหนตัวลงไปตามทางเดิมที่เข้ามา  ทันได้ขยิบตาให้ฉันอย่างทะเล้นๆ

    ฉันหลบตามามองตาชัช  เขากำลังจ้องตรงไปที่ผนังห้อง เมื่อฉันมองตามสายตานั่นไป  นาฬิกาบอกเวลาตีห้าครึ่ง!!!

    “ฉันต้องรีบกลับแล้วหละ…คุณทำให้ฉันเสียเวลามามาก”  ฉันฝืนใจทำเสียงแข็งใส่

    “ผมทำให้คุณเสียเวลา หรือทำให้คุณลืมเวลากันแน่….พูดผิดพูดใหม่ได้นะครับ”

    แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาคว้าข้อมือฉันให้ล้มพาดลงบนเตียงนุ่มอีกครั้ง


    ***********จบช่วงที่สาม*************

    เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้นหรือเรื่องสั้นขนาดยาว ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจ  แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องที่ดัดแปลงเพื่อความบันเทิงใจบวกกับความประทับใจของผู้เขียนเป็นพื้น  หากเพื่อนๆ คุ้นๆ เหมือนผ่านตาก็ขออย่าได้แปลกใจ  ถือเสียว่าเรามาแบ่งปันกันเฝ้ามองเรื่องราวเหล่านี้ด้วยกันเท่านั้น…ดีไหม

    ขอเชิญชวนเพื่อนทุกคนช่วยติติงแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะจ๊ะ….ผู้เขียนยินดีน้อมรับทุกประการ  ^____ ^

















    แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 47 10:34:38

    จากคุณ : เพียงคำ - [ 30 พ.ย. 47 10:31:09 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป