CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ให้หัวใจ...ตามหารัก(ตอนที่ 8)

    “วันนี้จะมารับช้าหน่อยนะ”

    เสียงทุ้มที่พักหลัง ๆ มักอ่อนโยนเสมอ บอกคนที่ก้าวลงจากรถ

    ลลนาหันกลับมาพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งยิ้มน้อย ๆ ตามแบบไปให้ ธันว์มองร่างบางที่ตอนนี้ชักกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ก่อนจะส่งยิ้มตอบ



    ทุกวันหลังจากส่งลลนาเรียบร้อยแล้ว ธันว์จะขับรถขึ้นเรือเฟอรี่เพื่อข้ามฝั่งไปยังซีแอตเทิล ที่นั่นเขามีสำนักงานตัวแทนอยู่ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นที่ทำงานประจำที่ธันว์ใช้ติดต่อไปยังสาขาต่าง ๆ เขานึกถึงน้ำเสียงแปลกใจของเลขาคนสนิท ที่แทบจะเรียกว่าเริ่มสร้างทุกอย่างมาด้วยกันแล้วก็อดขันไม่ได้



    “อีกครั้งได้มั้ยค่ะ”

    ธันว์นึกถึง ดานี เลขาสาวสวยที่ครอบครองความโสดเพื่อแต่งกับงาน ซึ่งทำเสียงแปลกใจใส่เขา เพียงแค่เขาบอกว่ามีอะไรให้ติดต่อมาที่ซีแอตเทิล เพราะว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีก 6 เดือน



    “ไม่ได้ครับ”

    ธันว์จำได้ว่าตัวเองตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี และก็คงผิดปกติพอควร เพราะคนที่รู้ใจเจ้านายอย่างดานีทักกลับมาทันทีเช่นกัน



    “นี่คุณธันว์ตัวจริง ใช่มั้ยค่ะ”

    คนถามปนเสียงหัวเราะนั้น เล่นเอาเขาหัวเราะตามไปด้วย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เสียงหัวเราะของเขายิ่งทำให้ปลายสายทวีความแปลกใจขึ้นอีกเป็นเท่าตัว



    “รับทราบและจะดูแลทุกอย่างให้ค่ะ”

    ดานีเป็นฝ่ายตัดบทจากเขาและวางสายลงก่อน ธันว์ก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าเขาตอนนี้คือตัวตนจริง ๆ รึเปล่า ธันว์ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะยอมทิ้งงานเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ และเขาก็เป็นนักธุรกิจโดยสายเลือด 6 เดือนนี้ธันว์ถือว่าเป็นการลงทุน เพราะเขาต้องใช้เวลาทั้งหมดเพื่อให้ลลนาเรียนรู้เขาในทุกด้าน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ เขาจึงทุ่มเททุกอย่าง อย่างน้อยคำตอบสุดท้ายที่อยากได้ยินก่อนกลับเมืองไทย ก็ไม่ใช่คำปฏิเสธ เพราะคราวนี้ธันว์ใช้หัวใจตัวเองเป็นต้นทุน และก็ทุ่มสุดตัวซะด้วย



    หิมะที่เริ่มลงปรอย ๆ แม้จะไม่มาก แต่หิมะแรกสำหรับคนขี้หนาวอย่างลลนา ก็เล่นเอาเธอแทบจะกลายเป็นตุ๊กตาแช่แข็ง ร่างบางที่ยืนรอธันว์ที่เดิมเช่นทุกวัน ย้ายตัวเองเข้ามาในตึกเพราะทนความหนาวไม่ไหว เวลาเย็นเช่นนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนที่นี่กลับกันไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงบางคนที่ยังอยู่เพื่อใช้ห้องสมุด และอาศัยหลบหิมะภายนอก



    “วันนี้เสื้อโค้ทท่าจะไม่พอ”

    เสียงนุ่ม ๆ ที่แม้ไม่เห็นก็รู้ว่าคนพูดกำลังยิ้ม ทำให้ลลนาต้องหันไปหาต้นเสียง ที่เดินส่งยิ้มมาก่อนตัวด้วยซ้ำ



    “สวัสดีค่ะ”

    เธอทักเมื่อเขาเดินมาถึง และเช่นเคยคือดึงของในมือเธอไปถือไว้ให้ แม้วันนี้จะมีถุงมือบาง ๆ แต่ด้วยความที่หนาวกว่าปกติก็ทำให้ลลนาเอามือซุกกระเป๋าทันทีที่มือว่าง



    “วันนี้กลับเย็นนะครับ”

    เจรามี่ทัก เพราะทุกวันเขาจะเห็นเธอมายืนรอตรงใต้ต้นเมเปิลต้นใหญ่หน้าประตูเสมอ และไม่นานก็จะจากไปพร้อมรถสปอร์ตสีขาวคันเดิมเช่นทุกครั้ง จนทำให้เขาที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยได้รู้ว่าว่าการหาโอกาสคุยกับผู้หญิงซักคนจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้



    “คุณธันว์...เอ่อ...ผู้ปกครองฉันติดธุระน่ะคะ”

    ลลนาบอกคนตรงหน้า เธอรู้สึกว่าเขาค่อนข้างเป็นมิตร และไม่รู้สึกอันตรายซักนิดยามใกล้ชิดด้วย ผิดกับใครบางคน...



    “งั้นคงอีกนาน เพราะหิมะตกแบบนี้คงขับเร็วไม่ได้ด้วย”

    คนที่รอโอกาสมานาน รีบฉวยทันที ก่อนจะชวนเธอไปนั่งม้านั่งข้างตึก ที่ไม่โดนลมหนาว เพราะเป็นมุมอับลมพอดี โดยมีกาแฟแก้วเล็กจากตู้กดอัตโนมัติเป็นของกำนัลแห่งการเป็นมิตร



    เจรามี่มองคนที่ใช้มือตนเองกุมแก้วกาแฟเล็ก ๆ นั้นสองมือ โดยไม่มีวี่แววว่าจะแตะกาแฟในแก้ว



    “มือผมอุ่นกว่าแก้วอีก”

    แม้สีหน้าคนพูดจะยังคงยิ้มเช่นทุกครั้ง แต่น้ำเสียงจริงจังก็ทำให้คนที่กุมแก้วกาแฟเพื่ออาศัยไออุ่นแทบจะปล่อยแก้วหลุดจากมือ

    แม้ธันว์จะแสดงออกหลายอย่างให้เธอรับรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่คนพูดน้อยก็ไม่เคยเอ่ยอะไรไปมากกว่าปกติ คำพูดที่จีบอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ธันว์ไม่เคยใช้ซักนิด



    ลลนาไม่ได้ก้มหน้าหลบตา เธอสบสายตาเป็นมิตรอย่างจริงใจและเปิดเผยขึ้นมอง



    “ค่ะ”

    เธอรับคำเขา แล้วก้มลงจิบกาแฟในถ้วยช้า ๆ ไม่นึกโกรธคนพูดตรงไปตรงมาข้างตัว ที่บัดนี้เขยิบตัวเองเข้ามาใกล้เธอกว่าเดิม แต่ก็ไม่ถึงกับติด และลลนาเองก็พอใจที่เขาให้เกียรติ



    “ค่ะนี่ แปลว่ายอมรับมือผมแทนแก้วกาแฟรึเปล่าครับ”

    เจรามี่รุกต่อ แต่เปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงทีเล่นทีจริง เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกลัวจนหนีเขาไปก่อน



    “ถ้ากาแฟหมด แก้วก็หมดความหมาย ยังอยากจะเป็นอยู่รึเปล่าค่ะ”

    คนที่ปกติไม่ค่อยพูดว่าเสียงเรื่อย ๆ ไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าเลียนน้ำเสียงเหมือนใครบางคนมาจนเกือบเหมือน

    ลลนาจัดการกาแฟอึกสุดท้าย ก่อนจะส่งแก้วกาแฟเปล่า ๆ ให้คนข้างตัวไว้คิดต่อ ส่วนตัวเธอเองคว้าอุปกรณ์ตนเองที่เขาวางไว้ได้ ก็ลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มให้คนที่ยังคงนั่งมองแก้วกาแฟในมือราวกับว่าเป็นของแปลก


    “ขอบคุณที่เลี้ยงค่ะ”

    เธอลาเขาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร คราวนี้เจรามี่ไม่ได้คิดจะตาม เขามองแก้วกาแฟเปล่าในมือ ที่ยังคงมีทั้งไออุ่นจากกาแฟและเจ้าของมือที่ส่งถ้วยให้เขา สำหรับเขา แม้จะยังไม่เข้าใจที่หญิงสาวต้องการสื่อ แต่แก้วกาแฟเปล่า ๆ ใบนี้มีค่าสำหรับเขาแน่นอน รอยริมฝีปากเล็ก ๆ บนขอบแก้วเห็นเป็นรอยจาง ๆ เขาก้มลงแตะริมฝีปากตนเองลงไปเบา ๆ อย่างน้อยก็ขอกำลังใจให้ตัวเองหน่อย



    **********



    “รอนานรึเปล่า”

    ธันว์ถามขึ้นทันทีที่ร่างบางก้าวขึ้นนั่งเรียบร้อย แม้จะสั่นศีรษะตอบ แต่ไอเย็นจากร่างบางที่เขารู้สึกได้ ก็ทำให้ธันว์รีบเร่งความเร็วให้ถึงบ้านเร็วขึ้น และเมื่อเข้าบ้าน ทันทีที่ลลนาถอดเสื้อโค้ทแขวนที่ข้างประตู ธันว์ซึ่งเดินตามหลังมาก็คว้าข้อมือไว้ทันที



    “วันนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน”

    ดวงตาช่างสงสัยที่ไม่ได้เห็นมานานกลับมาอีกครั้ง ธันว์ยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า ก่อนจะส่งถุงกระดาษใบใหญ่ที่ถือติดมือมาจากรถให้



    “ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง”

    ธันว์ที่จูงมือมาส่งเธอถึงหน้าห้องบอกกึ่งสั่ง ก่อนจะปิดประตูให้

    ลลนาเดินลงไปนั่งที่เตียง เปิดถุงดู ชุดราตรียาวพาดข้างเปิดไหล่สีครีม เนื้อผ้าพลิ้วนุ่มมือจนเธอไม่กล้าใส่ นอกจากนั้นยังมีกระเป๋าและส้นสูงเข้าชุดกัน รวมไปจนถึงกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่เมื่อเปิดออก ภายในเป็นสร้อยคอทองคำขาวเส้นเล็กบาง ซึ่งมีจี้เล็ก ๆ รูปเกล็ดน้ำแข็งคล้องไว้



    หลังจากอาบน้ำสระผมเป็นที่เรียบร้อย คนที่นั่งมองตนเองและชุดเครื่องสำอางค์ที่มาพร้อมกับของในถุงอย่างไม่มั่นใจนัก ก็ตัดสินใจเติมแป้งบาง ๆ ให้ตัวเอง ตามด้วยอายเชโด้สีฟ้าอ่อน และบลัชออนสีออกอมส้ม ตบท้ายด้วยลิปสีชมพูอ่อน ก่อนจะหมุนตัวเองหน้ากระจกช้า ๆ อย่างไม่มั่นใจนัก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยได้แต่งตัวแบบนี้กับใครเขา ยิ่งแต่งหน้าด้วยแล้วยิ่งไม่เคยใหญ่





    ร้านอาหารริมทะเลที่กรุกระจกรอบด้านกันลมหนาว คือสถานที่ที่ธันว์พาเธอมา ร่างสูงในสูทสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งแม้จะเห็นบ่อย ๆ แต่เธอก็ยังคิดว่าวันนี้เขาน่ามองกว่าปกติ แต่ถึงอย่างนั้นลลนาก็แทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาคนข้าง ๆ เลย เพราะสายตาเขาที่มองมานั้น แม้จะแสดงความชื่นชมอย่างเปิดเผยแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกร้อน ๆ ทั้งใบหน้าตลอดจนแทบทั้งตัว



    อาหารอิตาเลี่ยนอย่างง่าย สามอย่างถูกยกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าได้รับการสั่งการไว้ล่วงหน้า แสงเทียนจากทุกโต๊ะภายในร้านสะท้อนภาพลงพื้นน้ำตรงหน้า ทำให้บรรยากาศดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง



    “ชอบรึเปล่า”

    คนช่างเผด็จการถามความเห็นเธอเป็นครั้งแรก และเมื่อคำตอบคือการพยักหน้ารับ ก็เล่นเอาคนเคยยิ้มยาก ยิ้มหวานให้



    “สุขสันต์วันเกิดครบ 24”

    เสียงทุ้ม ๆ กับความอบอุ่นจากมือหนาที่วางทับมือเธอไว้เบา ๆ เล่นเอาลลนาเอียงคอมองเขาอย่างแปลกใจ



    เธอเองลืมไปด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันเกิด และก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าจะจำได้ แต่ถ้าจะพูดให้ถูก เขาก็ไม่เคยลืมแม้แต่ปีเดียว ของขวัญต่าง ๆ ถูกส่งให้เธอตรงเวลาไม่เคยขาด



    ช่อดอกไม้เล็ก ๆ ที่มีกุหลาบแดงสีสดกลีบหนาเพียงดอกเดียวในช่อ เล่นเอาคนรับวางสีหน้าไม่ถูก แม้จะไม่มีคำพูดแต่สายตาที่ส่งมาพร้อมกับดอกไม้ก็ไม่ต้องใช้ภาษาใด ๆ ในการแปล คนอันตรายที่เธอแอบว่าในใจ ทำตัวน่ารักจนลลนาชักไม่มั่นใจว่า เธอจะทนเป็นแมงเม่าที่ไม่บินเข้ากองไฟไปได้อีกนานเท่าไหร่



    เมื่อออกมาจากร้าน รถสปอร์ตคันเล็กก็มาจอดอยู่ภายในสวนสาธารณะ ซันรูฟด้านบนถูกเปิดออก ธันว์เอื้อมมือมาจัดการเอนเบาะให้คนข้าง ๆ ก่อนจะพับคอนโซลกลางเก็บและเลื่อนเบาะสองตัวมาชิดกัน มือหนาจับศีรษะเล็กทุยมาซบบ่า ก่อนที่ตัวเองจะซบกลับลงไปอีกที



    “จุดนี้จะเห็นดาวชัดที่สุด”

    เขาเอ่ยเรียบ ๆ เสื้อสูทตัวใหญ่ถูกคลุมให้คนขี้หนาวข้าง ๆ พร้อมกับอ้อมแขนอบอุ่นที่โอบไว้หลวม ๆ จนบางครั้งลลนาก็นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมเธอถึงไม่เคยปฏิเสธเขาได้เลยซักครั้ง



    “ดาวตก”

    คนที่เงยหน้าขึ้นมองตามเขา อุทานเบา ๆ ก่อนจะรีบก้มหน้าลง หลับตาทำท่าตั้งใจอธิษฐาน และเมื่อลืมตาขึ้น หน้าคม ๆ ของใครบางคนก็มาอยู่ตรงหน้าห่างไม่ถึงคืบ



    “ขออะไร”

    น้ำเสียงอ่อนโยนก็จริง แต่ท่าทางที่ถามก็บ่งบอกชัดเจน ว่าต้องการคำตอบ

    คนที่ตอนแรกคิดจะไม่ตอบ แต่เมื่อสบตาที่อยู่เกือบติดกันแล้วก็ต้องถอนใจ



    “ใจคอจะอยากรู้แม้กระทั่งความฝันเลยรึค่ะ”

    เสียงประชดปนน้อยใจที่ธันว์เพิ่งเคยได้ยิน ทำให้คนเอาแต่ใจส่ายหัวช้า ๆ



    “ก็อยากรู้จริง ๆ นั่นแหละ”

    “เอาไว้สมหวังแล้วค่อยบอกก็ได้”

    คนที่ทำท่าจะอ่อนข้อให้ ตบท้ายได้น่าหมั่นไส้พอควร เพราะสุดท้ายก็เท่ากับว่ายังไงเธอก็ต้องบอกเขาอยู่ดี ลลนาส่งค้อนให้เขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มกับดาวบนฟ้า ก็จะให้เธอทำหน้ายังไงในเมื่อคนข้าง ๆ กระชับวงแขนแน่นขึ้น และซบหน้ากับไหล่เธอนิ่ง ๆ ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปช้า ๆ



    นาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัด บอกเวลาอีก 5 นาทีจะเริ่มวันใหม่ และเมื่อเวลาเดินผ่านไป ใครบางคนที่ซบไหล่บางนิ่ง ๆ มานาน ก็เริ่มนับถอยหลัง



    “ 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1”

    ไม่มีคำพูด คนที่นับเกือบจบถึงศูนย์ ประทับริมฝีปากลงแตะบนหน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มให้อย่างอบอุ่น ลลนาหลบตาลงเช่นทุกครั้ง แต่คราวนี้ศีรษะเล็ก ๆ เอนลงไปซบบ่ากว้างเองเป็นครั้งแรก และสำหรับธันว์ แค่นี้ก็เกินพอ



    ดวงดาวบนท้องฟ้ามากมายกระพริบแสงระยิบ ราวกับว่ากำลังพิจารณาคำอธิษฐานของใครบางคน ว่าสมควรจะสมหวังรึเปล่า แต่ดูจากท่าทางของคนสองคน ที่แอบมองกันด้วยสายตารักใคร่และเอื้ออาทร บางทีคงอาจจะมีคนสมหวังไปแล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้

    จากคุณ : น้องเล็ก - [ 2 ธ.ค. 47 18:09:35 A:10.12.1.42 X:202.28.27.3 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป