"สวัสดีปีใหม่พา ให้บรรดาปวงท่านรื่นรมย์ ฤกษ์ยามดีเปรมปรีชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขี........ ให้สิ้นทุกข์ สุขเกษมเปรม.........ปี่ปปปปปปี่.......ปี กึก...กึก.... ให้โชคดีวันปีใหม่เอย"
เสียงเพลงปีใหม่เปิดผ่านลำโพงขนาดใหญ่
วนแล้ววนอีกจนรู้สึกว่า เทปคงจะยืด มีเสียงประหลาด ๆ ดังลอดลำโพงมาก่อนจะจบได้อย่างสวยงาม
ฝัดพาแม่ไปปล่อยให้ซื้ออาหารสำเร็จรูปในตลาดตามใจหล่อน
เขาเดินดูโน่นดูนี่ไปช้า ๆ เรื่อย ๆ เพลินตาไปกับสีสวย ๆ ของกล่องของขวัญที่หน้าร้านค้าห่อเอาไว้ล่อตาล่อใจ
นั่นแม่ค้าขายไฟกระพริบ ๆ วิ่งได้ด้วยอยู่ในกล่อง สีสรรมันสวย
มันน่าจะมีขายไว้สำหรับประดับให้หมาบ้างนะ ไม่งั้นจะซื้อไปประดับให้ไอ้จุดสักหน่อย คงเท่น์พิลึก
วันนี้มันครึกครื้นในใจยังไงพิกล หรือว่ามันเป็นปีใหม่นะ
อืม วันนี้รู้สึกเริ่มต้นปีได้อย่างกระชุ่มกระชวย
แสดงว่า ปีนี้ทั้งปีต้องมีอะไรดี ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตแน่นอน
ชิชะ อย่างเมื่อวานนี้ปะไร
เราก็หนีจากยายสรรค์มาถึงนี่แล้ว เจ้าหล่อนยังตามมาให้เห็นหน้าถึงนี่จนได้
หนึ่งปีเต็ม ๆ ที่ทำงานที่เดียวกันกับหล่อน
ไอ้เราก็อยากจะสานสัมพันธ์ แม่งงงงงงงโชว์แต่บั้นท้ายอยู่นั่นแหละ
ไอ้เรื่องจะให้มองหน้ากันตรง ๆ อย่าหวัง
ขนาดตอนเช้าที่เราพยายามจะมอง แม่คุณยังแค่พยักหน้า หล่อนหลบหน้าหลบตาเราจะตาย
เชอะ แม่คุณฟอร์มจัดซะจนเราเซ็ง
หนอยแน่ทีเมื่อวานนี้หล่อนปล่อยฟอร์มลอยไปกับน้ำทะเลหมด น้ำจะเน่าไหมเนี่ย?
แต่ที่จริงก็ดี อย่างน้อยก็ยังน่ารักกว่ายัยกิ้งก่าที่ทำเป็นแต่หน้าซีเรียสหรอกน่า
สิบสองเดือนเต็ม ๆ ที่เราไม่เคยได้พูดกัน
ฮะฮ่า แล้วเป็นไง อุตส่าห์มาถึงนี่หล่อนยังตามมาให้เราใกล้ชิด ใกล้ชิด อืมม ผิวหล่อนเนียนดีแท้
อย่างนี้ไม่เรียกบุพเพสันนิวาสแล้วเรียกอะไรว่ะ
ฝัดคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาและกลับตาลปัตรได้ภายในชั่วข้ามคืน เขาคิดเข้าข้างตนเองอย่างคนส่วนใหญ่
แน่นอน มันอาจจะเห็นแก่ตัว แต่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่หว่า
"ปี๊นนนนนนนนนนนนนนน ปี๊นนนนนนนไอ้บ้าเอ๋ย อยากเป็นผีไม่มีญาติหรือไงว่ะ" เสียงรถบีบแตรยาว พร้อมกับเสียงอวยพรยามเช้ามาอีกยาวเหยียด
ใครตะโกนหว่า ? สติของฝัดกลับมาสู่ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ไม่แปลกนี่หว่า ใคร ๆ เขาก็เดินกันยั้วเยี้ยะเต็มถนนไปหมด มันจะบีบแตรไปทำไม
ฝัดหันหลังกลับไปมอง อ้าว ไม่มีใครอยู่ด้านหลังเขาเลย นอกจากมีคนวิ่งข้ามไปมาเร็ว ๆด้านหน้า แค่นั้น
มีแต่เขานั่นแหละที่เดินอยู่กลางถนนเพลิดเพลินอยู่คนเดียว นี่มันด่าเราเหรอ ?
ความบ้าที่มีอยู่ในตัวตนของทุกคนได้ถูกใช้ในเช้าวันนี้เช่นกัน
ฝัดหยุดกึกหันหน้าไปประจันกับไอ้คนขับรถนั้นที่หยุดรถห่างจากเขาไม่ถึงเมตร
มันเป็นความบ้า ที่เกิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
ต่อให้คนมีหิริ โอตัปปะ อุเบกขา ขันติ ฯลฯ อะไรขนาดไหน มันก็คน
ในเมื่อได้ยินเสียงด่าจากไอ้นักเลงในคราบคนขับรถนั่น มันก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
นายคนขับรถเปิดกระจกรถไฟฟ้า ตะโกนคำนักเลงออกมาอีกว่า "แน่ะ ยังมามองหน้าอีก นี่มันเหล็กนะโว้ย ไม่ใช่จิ๋ม"
ฝัดได้ยินดังนั้นยิ่งโมโหมากขึ้น เขาสะกด ๆ ๆ คำว่า เย็น ๆ ๆ ๆ
แต่มันสะกดไม่ได้สักที เดินอาด ๆ ตรงไปที่คนขับรถนั่น
นายคนขับรถก็ไม่ใช่ย่อย เปิดประตูออกมา ทำท่าถกแขนเสื้อให้ดูน่าเกรงขาม
ยังไม่ทันที่ฝัดจะได้ตอบหรือจัดการอะไรอีกต่อไป
พลันมีเสียงหนึ่งพูดดัง ๆ ขึ้นมาท่ามกลางไทยมุงที่ยืนดูลุ้นหวังว่าจะได้ดูมวยฟรี
"อะไร อะไร อะไรกัน" เสียงคุ้น ๆ หู มาจากทางด้านหลัง แล้วมาปรากฏตัวยืนอยู่ข้าง ๆ เขาและคนขับรถอย่างรวดเร็ว ฝัดไม่ต้องเสียเวลาหันหน้าไปมองด้วยซ้ำ
"อ้าว คุณสัตยรักษ์ ไปไงมาไงคะเนี่ย รู้จักกับพี่โมด้วยหรือคะ" คูณสรรค์ก้าวมาปรากฏตัวพร้อมกับส่งเสียงทักทายอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
"อ้าว คุณแจ๋วรู้จักไอ้บ้านี่ด้วยเหรอ ?เสียงถามที่ยังแสดงความไม่พอใจมาจากผู้ชายที่ชื่อ โม
" ค่ะ" คุณสรรค์ตอบสั้น ๆ แล้วถามต่อว่า "แล้วนี่มีอะไรกันเหรอคะ"
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ " ฝัดตอบเสียงอ่อนอ่อยลงอย่างช่วยไม่ได้
เขาเริ่มไม่แน่ใจว่า นายพี่โมนี่เป็นญาติข้างไหนของคุณสรรค์คนที่เขาหมายปอง
อาจจะเป็นพ่อของนายตั้มก็ได้ ทำคะแนนไว้ก่อนดีกว่า
"อะไรไม่มี บีบแตรก็แล้ว ยังเดินลอยชายทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ นี่ยังเดินเข้ามาจะหาเรื่องอีก อย่างนี้หมายความว่ายังไงหา นักเลงหรือ?" พี่โมของคุณสรรค์ได้ที เล่าทำนองฟ้องให้คุณสรรค์คนกลางฟัง
"อ้าวคุณ พูดอย่างนี้ไม่สวยนะ คุณจะขับเข้ามาทำไม เห็นป้ายด้านหน้านั่นไหมล่ะ ว่าเขามีป้ายห้ามเลี้ยว นอกจากรถที่มาส่งของ" ฝัดทำมือไม้ประกอบคำพูดชี้ให้ดูป้ายที่เห็นไม่ไกลจากนั่น
"มอเตอร์ไซด์มันวิ่งได้ อั้วก็วิ่งได้ ก็เข้ามาซื้อของใช้บริการในตลาดนี้เหมือนกัน จะให้ขนกันให้แขนห้อยหรือไง " พี่โมเถียงเข้าข้างตัวเอง ทั้งที่เห็นป้ายที่ฝัดชี้ให้ดูแล้ว
"พี่ พี่ พี่ครับ รถพี่ขวางถนนอยู่ ผมผ่านไม่ได้ ขยับหน่อยได้ไหมครับ " เสียงเด็กรุ่นหนุ่มแปลกหน้า เข้ามาบอกอย่างสุภาพ เขาคงเป็นคนขับรถส่งของในตลาดนี้แหละ
"เออ ไอ้น้อง ไหนบอกหน่อยสิ ว่าถนนนี้รถคนมาซื้อของขับผ่านได้ไหม" ฝัดถามคนขับรถบรรทุกหนุ่มนั่นทันที
"อ้าว พี่ไม่ได้นะครับ โน่นครับพี่ต้องเลี้ยวซ้ายออก แล้วไปทะลุซอยหน้าได้เหมือนกัน
ซอยนี้เขาให้แต่รถบรรทุกเล็กของร้านค้าและรถมอเตอร์ไซด์เท่านั้นครับ พี่ขับออกไม่ได้หรอก
เพราะด้านหน้ามันเป็นตลาดนัดเช้า เขาเอาของวางไว้ตามทางเดินไปหมด พี่ต้องถอยออกแล้วล่ะ" นายคนขับรถวัยรุ่นอธิบายยาวยืด
"อ้าวมันจัดผังตลาดยังไงว่ะ ไม่มีทางออก " เสียงอุทานดังมาจากพี่โมซึ่งไม่รู้จักคำว่าผิด กลับพาลโทษสิ่งอื่นว่าผิดไปเรื่อย
"เอางี้พี่ เรามาช่วยกันเอาไอ้พวกรถเข็นพวกเข่งเปล่าหน้าร้านตรงโน้นขึ้นไปบนทางเท้าก่อน แล้วผมจะเลี่ยงเข้าไปจอดแทน แล้วพี่ค่อย ๆ เลี่ยงถอยออกมาแล้วกันนะครับ " นายคนขับวัยรุ่นออกความคิดเห็นว่าให้ช่วยกัน
คุณสรรค์มองหน้าฝัด ฝัดไม่ได้พูดอะไรแต่กลับเดินห่างไปที่ร้านตรงที่นายคนขับวัยรุ่นบอก
โดยมีนายคนขับรถบรรทุกเล็กนั้นตามหลังมาติด ๆ พี่โมของคุณสรรค์ยืนเกาะขอบประตูรถยืนมองเฉย ๆ
เข่งเปล่า ๆ ลังเปล่า และรถเข็น ที่กันท่าที่จอดรถเอาไว้หน้าร้านขายของติด ๆ กันของสองสามร้านนั้น ถูกยกขึ้นไปบนทางเท้า
คนขับรถวัยรุ่นขึ้นไปประจำที่นั่ง โดยมีเด็กท้ายรถกระโดดลงมาทำท่าโบกไม้โบกมือให้สัญญาณคนขับอยู่เหยง ๆ
คุณสรรค์ขึ้นมานั่งข้างคนขับ เอาถุงพลาสติกเล็ก ๆ เบา ๆ สองสามถุงที่หิ้วไว้ในมือวางไว้บนตัก และหันหน้าไปดูเหตุการณ์ทางด้านหลังรถ
สายตาของเธอมองนายฝัดไม่วางตา เธอเห็นอะไรบางอย่างในการกระทำของเขาวันนี้อีกแล้ว
เธอรู้สึกมีความประทับใจ และ มีความเศร้าใจไปในเวลาเดียวกัน
ไม่มีใครรู้ความในใจของเธอในขณะนี้ แม้แต่พี่โมที่นั่งข้าง ๆ นี่ก็ตาม
พี่โมค่อย ๆ ถอยรถราคาแพงออกไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งผ่านรถบรรทุกเล็กมา
ฝัดน้นเดินไปยืนรออยู่ตรงก่อนทางโค้งเรียบร้อยแล้ว ทำท่ายกมือขึ้นห้ามรถคันใหม่ที่จะเข้ามา
เพื่อให้ความสะดวกแก่รถของพี่โมถอยหลังตั้งลำเพื่อที่จะเลี้ยวซ้าย
คุณสรรค์สบตากับนายฝัดก่อนที่พี่โมจะหักเลี้ยวไป ฝัดมองท้ายรถไปจนลับออกถนนใหญ่ไป
ทำไม......เหมือนใจถูกกระชากไปต่อหน้าต่อตานะ..... มันวาบหวิวพิกล........ เราเป็นอะไรนะ
มีต่อ
จากคุณ :
NATTI นัทตี้
- [
4 ธ.ค. 47 03:38:53
]