.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ ปกติเธอจะกระโดดเข้ามากอดคอผมแรง ๆ แล้วก็หัวเราะอย่างดีใจนี่นา ... แต่เอาเถอะ ผมก็รู้ตัวดีว่า พูดออกไปไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไหร่ ... ถ้าผมตอบมิเรอร์ไปว่าผมรักเธอ แล้วเธอคนนั้นของผมล่ะ แค่นี้ผมก็ผิดต่อเธอไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ... ผมสร้างตัวแทนของเธอขึ้นมา แล้วก็หลงรักตัวแทนของเธอแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เธองั้นหรือ ... ผมควรจะทำเช่นไร
----------
ตอนที่ผมขึ้นมาที่ห้อง มิเรอร์นอนเอามือทั้งสองประสานกันไว้ที่อก ดูเธอกำลังหลับสบาย ไม่มีการลุกขึ้นมาบ่นที่ผมดูทีวีจนดึกอย่างที่ชอบทำ ผมจูบเธอเบา ๆ ที่หน้าผาก ห่มผ้าให้เธอ แล้วก็ล้มตัวนอนบ้าง
เมื่อผมตื่นขึ้นมา เธอก็ยังนอนหลับอยู่เช่นนั้น ผมจึงตัดสินใจไม่กวนเธอ อาบน้ำ แล้วก็ลงไปข้างล่าง ... วันนี้ผมน่าจะทำอาหารที่เธอชอบนะ ผมบอกกับตัวเอง มิเรอร์ดูเศร้าสร้อยติดต่อกันมาหลายวัน และผมก็มันแต่หมกมุ่นกับความคิดขัดแย้งของตัวเอง จนไม่ได้เอาใส่ใจเธอมากเท่าที่ควร
ผมเริ่มต้นลงมือรวนแฮม
ผู้หญิงที่ผมตั้งใจทำอาหารให้ยังไม่ลงมาสักที จนกระทั่งผมทำอาหารเช้าเสร็จ จึงตัดสินใจขึ้นไปดูเธอเอง ... มิเรอร์ยังคงนอนอย่างสงบนิ่ง
มิเรอร์ ผมจับปลายเท้าเธอเบา ๆ เพื่อปลุกเธอ
มิเรอร์ เธอยังไม่มีทีท่าจะได้ยิน ... เธอแกล้งหลับหรือเปล่านะ บ่อยครั้งที่เธอชอบเล่นอย่างนี้ แล้วก็จะไม่ลุกจนกว่าผมจะเข้าไปจูบเธอนั่นแหละ ... เธอบอกว่าเธอเป็นเจ้าหญิงนิทรา
ผมยิ้มเมื่อคิดถึงท่าทางเอาแต่ใจของเธอตอนนั้น แล้วก็ปลุกเธอต่อ เจ้าหญิงครับ .. ตื่นเถอะนะ วันนี้ผมมีแฮมรวนให้คุณด้วย
แต่เจ้าหญิงของผมก็ยังนอนหลับอยู่เช่นนั้น สิ่งที่ผมเอามาหลอกล่อไม่ได้มีผลอะไรกับเธอเลย ... เธอยังนอนนิ่งจนน่าตกใจ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้เธอจนชิดแล้วก็สังเกตว่า เธอไม่ขยับเลยใด ๆ เลย ไม่เคลื่อนไหว และก็ไม่หายใจ!!
อาจเป็นเพราะวงจงบางอย่างในตัวของมิเรอร์ที่ผิดปกติไป ผมสันนิษฐานเบื้องต้นไว้เช่นนั้น บางทีสิ่งนี้อาจมีผลต่อพฤติกรรมของเธอในช่วงหลัง ๆ ก็ได้ ไม่เช่นนั้น เธอที่แสนจะเริงร่า แจ่มใส มีชีวิตชีวาจะเปลี่ยนเป็นเศร้าซึมไปได้อย่างไร
... ผมโกรธตัวเองยิ่งนักที่ไม่ได้ใส่ใจเธอ จนละเลยทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ไป
ผมอุ้มเธอขึ้นไปห้องหลังคา แล้วก็จัดแจงตรวจเธออย่างสะเอียด ... จนแล้วจนรอด ผมก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ตอนนี้ผมมีแต่ความเป็นห่วงเธอเต็มหัวใจ ผมไม่ควรจะเอาเวลาไปนั่งคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่ผ่านมาเลย ...
จนเย็น ผมก็ยังหาสาเหตุไม่พบ ... เลยเดินลงมาชงกาแฟให้ตัวเอง แล้วก็นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช่นนั้น แฮมที่ผมรวนให้เธอ เย็นชืดไปนานแล้ว และตัวของมิเรอร์เองก็เหมือนกัน ... ผมยอมไม่ได้ และผมก็ทนไม่ได้ด้วย!!
กว่าจะรู้ตัว ... ผมก็ปาแก้วกาแฟในมือไปที่ผนังเสียแล้ว ... เศษแก้วชิ้นเล็ก ๆ ที่กระเด็นมาบาดมือผมจนเลือดซิบ ๆ นั้นเรียกสติผมกลับมาอีกครั้ง ... แล้วผมก็เดินไปหามิเรอร์อีกรอบ ... ผมจะต้องทำให้เธอกลับมาให้ได้ ...
----------
ในหนังสือบอกฉันว่า หุ่นที่ถูกสร้างขึ้นจะไม่มีวันตาย ไม่มีวันแก่เฒ่า แต่ถ้าหุ่นนั้นมีความรู้สึกมาก ๆ จนเหมือนมนุษย์ วันหนึ่ง เมื่อเกิดรู้สึกล้ามาก ๆ เข้า ก็เหมือนกับที่มนุษย์เรียกว่า แก่เฒ่า และหุ่นก็อาจจะปิดสวิตช์ตัวเองให้หยุดการทำงานได้ ... และในแง่นี้ก็เหมือนกับการตายของพวกมนุษย์นั่นเอง
ฉันอ่านหนังสือของเขาจนหมดทุกเล่ม ทำไมตอนนั้น ฉันถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวเหลือเกินนะ ... น่าขันที่ฉันคิดไปเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่ความจริง มันก็เป็นสิ่งที่เกิดกับฉันเอง ... ไม่สิ มันเป็นสิ่งที่ฉันเป็นต่างหาก
.
.
.
.
มิเรอร์ ... มิราจ
จะเป็นภาพสะท้อนหรือภาพลวงตา ก็ไม่ดีทั้งนั้น ... ฉันอยากให้เขารักฉัน และมองมาที่ฉันที่เป็นมิเรอร์ ... ไม่ใช่มองมาที่ฉันซึ่งเป็นตัวแทนของเธอ ...ฉันมีความรู้สึกเห็นแก่ตัว และเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างมนุษย์ใช่ไหม ความรู้สึกที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่ดีเลย...
.
.
.
.
.
หนังสือบอกฉันละเอียดถึงวิธีการในการปิดสวิตช์การทำงานและการรับรู้ความรู้สึกต่าง ๆ ... ไม่ยากเลยที่จะทำเช่นนั้น เมื่อเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า
.
.
.
.
.
.
ฉันตัดสินใจที่จะปิดสวิตช์ตัวเอง ...
---------
ทำไมผมถึงแก้อาการที่เธอเป็นไม่ได้สักทีนะ
วงจรในตัวมิเรอร์ยังทำงานดีอยู่ และระบบก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่นา ... เธอจะจากผมไปเหมือนที่ครั้งหนึ่งเธอคนนั้นจากผมไปเช่นนั้นหรือ ... แค่ความคิดนั้นก็ทำให้ตัวผมเย็นยะเยือกด้วยความกลัว ... ผมไม่ต้องการจะอยู่คนเดียวอีกแล้ว ... ที่สำคัญ ผมทนไม่ได้ถ้าจะไม่มีมิเรอร์อยู่กับผม
มาตอนนี้ ผมรู้แล้วว่ามิเรอร์สำคัญและมีความหมายกับชีวิตผมเสียเหลือเกิน ... เธอทำให้ผมยิ้มทำให้ผมหัวเราะ ... เธอไม่เคยจะเรียกร้องอะไรจากผมเลย ... และโลกของผมมีเธอเป็นจุดศูนย์กลางผมนั่งกุมมือเธอไว้ แล้วภาพของเธอในอดีตตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมามองผม และยิ้มให้ผมเป็นครั้งแรกก็แจ่มชัดขึ้นมาในมโนภาพ ผมยิ้มกับตัวเองเมื่อคิดถึงตอนนั้น ผมจำได้ว่าตัวเองตื่นเต้น และดีใจมากมายจนต้องข่มอารมณ์ให้สงบนิ่ง โดยเฉพาะเมื่อสายตาและท่าทางของเธอบอกความลังเลไม่แน่ใจกับสิ่งรอบตัว ผมก็ต้องนิ่งพอที่จะเป็นหลักให้เธอได้
หลังจากนั้น ผมก็เห็นภาพเธอที่กระโดดแจ่มใสอยู่กับทุ่งเดซี่ ตอนนั้นกระมัง ที่เธอมีทีท่าผ่อนคลาย ลดความระมัดระวังผมมากขึ้น และเวลาที่ใช้ไปด้วยกันก็ทำให้เธอเริ่มเปิดใจรับผมมากขึ้นทีละน้อย ... ผมยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เธอบอกรักผม ตอนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องอื่น ๆ ในโลกไม่มีความหมาย ความสำคัญไปมากกว่านี้แล้ว และสายตาของเธอที่จ้องมองอย่างแน่วแน่มาที่ผมยิ่งช่วยเน้นย้ำความหมายของคำว่ารักที่เธอพูดมา ...
ผมไม่สามารถข่มน้ำตาที่ไหลออกมาให้ย้อนกลับได้ ... ผมไม่อาจทำอะไรเพื่อให้เธอฟื้นคืนมาได้เลยหรือ
ถ้าเช่นนั้น ผมก็ต้องทำใจใช่ไหม
... ต่อไปนี้ไม่มีเธออีกแล้ว ไม่มีเธออีกแล้วจริง ๆ ...
... แล้วผมก็ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ...
.
.
.
.
.
.
จากคุณ :
หมาเลี้ยงแกะ
- [
7 ธ.ค. 47 22:44:42
]