ขอโอกาสสักครั้ง
ให้ฉันได้บอกเธอ
ตอนที่ 1
สายฝนกระหน่ำโปรยสายลงบนกระจกหน้าของรถเต่าคันเล็กอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้ที่ปัดน้ำฝนทำงายอย่างหนักนั้น ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของหญิงสาวร่างเล็ก พิมพ์รพี ซึ่งนั่งอยู่ภายในรถนั้นหายหงุดหงิดไปได้ ยิ่งมองออกไปภายนอกรถเห็นน้ำที่สูงเกือบถึงขอบฟุตบาธซึ่งเกิดจากการระบายไม่ทันของท่อน้ำในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพด้วยแล้วยิ่งทำให้รำคาญใจ
นาฬิกาบนหน้าปัดบอกเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเข้าประชุมตลอดทั้งบ่าย ต่อท้ายด้วยการกินเลี้ยงเซ็นสัญญากับลูกค้าทำให้เรี่ยวแรงที่มีอยู่แทบจะหมดไป อยากจะรีบกลับบ้านอาบน้ำนอนให้สบายเสียที
เมื่อหลุดจากสัญญาณไฟแดงที่จอดรออยู่นานมาได้ รถเต่าคันเล็กจึงพุ่งทะยานราวกับลูกจรวดไปตามถนนอันปลอดยวดยานในยามดึกที่มืดสนิดมีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทางเท่านั้นเป็นเพื่อนเดินทาง
ในขณะที่รถยังคงแล่นตะบึงสู่จุดหมายนั้น ใจของหญิงสาว กลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว คิดถึงเตียงนุ่ม ๆ ผ้าห่มอุ่น ๆ ในบรรยากาศอย่างนี้คงจะทำให้นอนหลับสบายยิ่งนัก
แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อแสงไฟจากหน้ารถส่องให้เห็นรูปร่างของอะไรสักอย่าง แม้ไม่ต้องใช้สมองคิดก็สรุปได้ว่าเป็นคน กำลังก้าวเท้าข้ามถนนบนทางม้าลาย
ช่องว่างระหว่างคนกับรถนั้นดูจะใกล้กันเกินไปแม้จะเหยียบเบรคอย่างไรก็คงจะไม่สามารถหยุดรถที่วิ่งมาอย่างเร็วได้ เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ พิมพ์รพีมีโอกาสตัดสินใจ
ไม่รอช้า หญิงสาวเหยียบเบรคจนตัวโก่งมือทั้งสองพยายามหมุนหักพวงมาลัยอย่างเต็มที่ไปทางซ้ายมือ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วช่วงไฟหน้ารถทางขวาเฉี่ยวคนข้างหน้าที่พยายามวิ่งหลบ กระเป๋าเอกสารในมือหล่นกระจาย กอปรกับสภาพถนนที่ลื่นจากน้ำฝนทำให้ท้ายรถปัดหมุนเป็นครึ่งวงกลม หญิงสาวรับรู้ได้ทันทีว่ารถกระแทกถูกอะไรสักอย่างเข้าแล้ว
รถจอดนิ่งสนิท เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าราวกับชั่วกัปชั่วกัลในความรู้สึกของพิมพ์รพี พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นลมไปเสียก่อน เรียกสติที่ขาดหายไปกลับคืนมา สายฝนภายนอกยังคงเทลงมาอย่างไม่เห็นใจ
หญิงสาวก้าวเท้าลงจากรถด้วยขาที่สั่นน้อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนอยู่อย่างระมัดระวัง ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบช็อค เลือดแดงฉานไหลนองออกมาจากศีรษะของร่างที่นอนไม่ได้สติไหลลงท่อเจือจางไปกับสายฝน ขาพับอยู่ในองศาที่แปลกคาดว่าคงจะหักเป็นแน่
ไม่ปล่อยให้ตัวเองตกใจอยู่นานทุกนาทีมีค่าสำหรับชายหนุ่มคนนี้ พิมพ์รพีวิ่งไปที่ร้านค้าซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสองร้อยเมตรหาคนมาช่วยพาเขาขึ้นรถอย่างทุลักทุเล ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าเอกสารโยนไปไว้ที่เบาะหลัง เสร็จแล้วก็ขับปราดออกจากที่เกิดเหตุ ไม่ทันคิดว่าที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะขับรถเร็วเนี่ยแหละ
ภายในรถเงียบกริบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกรวยรินจากชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ หันไปมองเสี้ยวหน้าที่พับห้อยพิงประตู เลือดอาบตัวเสื้อแดงไปหมด ก็ทำให้พิมพ์รพีอดที่จะมือสั่นไม่ได้ พยายามบังคับรถให้แล่นต่อไป ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้เขารอดปลอดภัย อย่าตายนะ อย่าตาย
หญิงสาวค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไรออกมาเมื่อได้ทราบผลว่าคนที่ตนขับรถชนนั้นยังปลอดภัย มีเพียงแค่ขาหักที่ต้องเข้าเฝือก กับหัวแตกเย็บไม่กี่เข็มเท่านั้น
สติที่กระเจิดกระเจิงไปค่อยกลับมาจึงก้มลงมองใบหน้าบนบัตรประชาชนที่หญิงสาวค้นเจอในกระเป๋าตอนที่พยาบาลเรียกให้ไปทำบัตรผู้ป่วย
ศรุต อโนธร ชื่อคุ้น ๆ แฮะ พิมพ์รพีได้แต่พึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
**********
แม้จะได้ผ่านการพักผ่อนมาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ทำให้หญิงสาวดีขึ้นเมื่อได้นอนคิดมาทั้งคืนถึงความผิดที่ตนขับรถโดยประมาทยิ่งเมื่อพิมพ์รพีเดินเข้าไปในห้องคนไข้ในเช้าวันต่อมาเห็นสภาพคนที่นอนเหยียดยาวบนเตียงมีผ้าก็อตพันรอบศีรษะ ขาขวาเข้าเฝือกหนาเตอะจากข้อเท้าถึงเหนือหัวเข่าด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้หน้าซีดขึ้นไปอีก
ค่อย ๆ เดินเข้าไปชิดริมเตียงพิศดูดวงหน้าที่ออกจะเผือดนั้น คิ้วดกหนาขมวดน้อย ๆ เหมือนนอนไม่ค่อยสบายตัว จมูกโด่งขึ้นสันรับกับริมฝีปากบางสีซีด
เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ
พิมพ์รพีมัวแต่คิดเพลิน ๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดเข้ามาของแพทย์เจ้าของไข้
คุณหมอตรวจอาการทั่ว ๆ ไปของคนไข้บนเตียงจดอาการบนชาร์จที่พยาบาลส่งให้กำลังจะออกจากห้องก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงครางเบา ๆ จากคนที่นอนบนเตียง
โอย ตาที่หลับสนิทมาตลอดคืนค่อย ๆ ขยับกระพริบสองสามครั้งก่อนที่จะเปิดออกเรียกร้องความสนใจจากคนทั้งสามในห้องได้เป็นอย่างดี
เมื่อเห็นดวงตาที่ลืมขึ้น พิมพ์รพีก็จำได้ทันทีว่าชื่อและหน้าที่คุ้น ๆ นั้นเป็นเพราะอะไร
****
จากคุณ :
กระปุกกลิ้ง
- [
8 ธ.ค. 47 08:03:37
]