CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    =[+] ฉิกจับอิด [+]= นิยายจีนร่วมแต่งแนวทดลอง : ตอนที่ 68 "จีอวี้เย่า" (ความลับโรคผีตายซากตอนท้าย)

    เสี่ยวโกย และฟาหลินซีพำนักอยู่ในจวนตุลาการเป็นเวลาหลายวัน ตลอดเวลาพวกมันล้วนแต่วิ่งวุ่นมิได้หยุดหย่อน เนื่องเพราะพวกมันได้ทำการตรวจสอบตัวยาในขวดเคลือบที่ได้มา ร่วมกับใต้เท้าเล่อ ผู้เป็นแพทย์หลวง นอกจากนี้เล่ออันยังได้อาศัยฐานะของแพทย์หลวงเชื้อเชิญบรรดาผู้มีความรู้ทางการแพทย์มาช่วยเหลืออีกสามคน ทั้งสามล้วนแต่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางในเมืองหลวง

    ทว่าหลังจากผ่านวันแรกไปโดยใช้ความเพียรพยายามอย่างมากมาย ในที่สุดผลการตรวจสอบคืบหน้าไปเพียงเล็กน้อย ที่จริงจะว่าเล็กน้อยก็มิถูกต้องนัก เพราะในที่สุดก็ทราบว่าตัวยาดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า "จีอวี้เย่า" (ยาเสริมกิเลส)

    ตัวยาย่อมมิสามารถบ่งบอกชื่อของมัน และย่อมมิมีผู้ใดสามารถล่วงรู้ชื่อเรียกของมันได้เอง ดังนั้นทั้งหมดที่ทราบถึงชื่อเรียกของตัวยานี้ก็เนื่องด้วย หลังจากที่เทตัวยาออกมาจนหมดแล้ว ก็พบว่าภายในขวดเคลือบดังกล่าว ที่ก้นขวด เขียนตัวอักษรจำนวนสามตัว มันคือคำ "จีอวี้เย่า" นั่นเอง

    นอกจากนี้เล่ออันยังตรวจสอบพบอีกว่า ในสุราของพวกฉิกจับอิดนั้นเมื่อทำการเผาจนระเหยไปหมด จะพบผงสีขาวเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ซึ่งผงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีรูปลักษณะเฉกเช่นกับผงยา "จีอวี้เย่า" ในขวดเคลือบ

    "มิผิดแน่! ตัวยาที่ผสมอยู่ในสุราของฉิกจับอิดเป็นชนิดเดียวกันกับยาในขวดเคลือบนี้!!!!!" แพทย์หลวงกล่าวอย่างหนักแน่น

    "เช่นนั้น แสดงว่าพวกฉิกจงใจวางยาพิษชาวบ้าน กระนั้นหรือ?" เสี่ยวโกยกล่าวขึ้นเสียงดัง

    "วางยานั้นใช่อยู่ ทว่าตัวยาดังกล่าวจะเป็นยาพิษหรือไม่นั้น พวกเรายังคงต้องตรวจสอบกันต่อไป" เล่ออันกล่าวเสียงเรียบ

    ในที่สุดวันที่สองก็ผ่านพ้นไป โดยที่ทั้งหมดมุ่งเป้าหมายในการตรวจสอบไปที่ตัวยา ว่ามันเป็นยาพิษ หรือเป็นตัวยาชนิดใดกันแน่ และผลสรุปของทุกคนก็มาตรงกันที่ "จีอวี้เย่า" มิใช่ทั้งยาพิษ มิใช่ทั้งยาเสพติด เนื่องเพราะตัวมันเองมิเป็นพิษอยู่ในตัวมันเอง และแม้จะผสมกับตัวยาอื่นๆ หรือกระทั่งผสมในสุรา เฉกเช่นที่พวกฉิกกระทำ มันก็ยังมิมีพิษแต่อย่างใด!!!!

    และที่ว่ามันมิใช่ยาเสพติด ก็เนื่องมาจาก ยาเสพติดนั้น ผู้ที่เสพมันเข้าไป แม้ปริมาณที่ทำให้ทุกผู้คนเกิดการติดนั้นจะแต่งต่างกันไปตามเพศ และวัยก็ตาม คือ หากเป็นบุรุษฉกรรจ์ก็จะติดยากยิ่งกว่า สตรี หรือเด็ก หรือคนชรา แต่โดยส่วนใหญ่เมื่อรับเข้าไปถึงปริมาณหนึ่งทุกคนล้วนต้องติดจนสิ้น มิยกเว้นว่าเป็นผู้ใด

    แต่จากการตรวจสอบพบว่า "จีอวี้เย่า" มิว่าใครบริโภคเข้าไปล้วนมิมีอาการติด? หากพูดให้ถูกคือไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเลยจะถูกต้องกว่า!!!  ทั้งนี้ มิเว้นว่าเป็นเฒ่า ชรา ทารก เด็ก ผู้หญิง เมื่อรับประทานเข้าไปล้วนแต่มิมีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ทั้งหมดยังมิสามารถตรวจสอบความนัยออก

    เข้าวันที่สามทั้งหมดพยายามค้นคว้าเรื่อง "จีอวี้เย่า" กันอย่างหนักหน่วง ตุลาการเที่ยงธรรมที่ขอตัวไปสะสางเรื่องราวก็กลับมายังจวนด้วยใบหน้าซีดขาว และอิดโรย

    เสี่ยวโกย และฟาหลินซี กล่าวทักทาย ตลอดเวลาตุลาการเอาแต่พยักหน้ามิพูดจาแต่อย่างใด

    ในที่สุดเสี่ยวโกยมิอาจทนทาน ต้องโพล่งถามออกมา

    "ที่แท้มีเรื่องอันใด? ท่านถึงมีใบหน้ายุ่งยากถึงเพียงนี้?"

    ผู้ตรวจการแปดมณฑลส่ายหน้าอย่างหม่นหมอง กล่าวว่า

    "สถานการณ์ชายแดนตึงเครียดถึงขีดสุด บรรดาชาวบ้านพากันทยอยเข้าภายในกำแพงเมืองมิหยุดยั้ง และนั่นก็ทำให้กำลังทหารที่คอยควบคุม และป้องกันด่านเจี๊ยะหยูกวานมิเพียงพอ ในไม่ช้าท่านอ๋องคงต้องส่งคนมาขอกองหนุนจากเรา"

    "นั่นจะไปยากอันใด ท่านก็จัดส่งกองหนุนไปให้กับท่านอ๋อง มิใช่สิ้นเรื่องหรอกหรือ?" เสี่ยวโกยกล่าวเสียงดัง

    ตุลาการเที่ยงธรรมถอนใจยาว กล่าวว่า

    "หากเป็นยามปกติเราคงมิทุกข์ร้อนกระไร แต่เวลานี้....เฮ้อออ"

    "ที่แท้เกิดเรื่องอันใดแน่?" ฟาหลินซีเอ่ยปากเป็นประโยคแรก

    ตุลาการทอดถอนใจอีกครา กล่าวว่า

    "สถานการณ์ยังเลวร้ายกว่าที่เราคาดคิด เวลานี้เราเรียกเกณฑ์ทหารจนสิ้นทั้งแปดมณฑล ท่านลองคาดเดามีผู้สมัครใจเข้ารับใช้ชาติจำนวนเท่าไร?"

    เสี่ยวโกยกล่าวโดยมิต้องเสียเวลาขบคิด

    "ข้าพเจ้าคาดเดาว่าอย่างน้อยต้องมีแปดพัน ถึงหนึ่งหมื่นเป็นอย่างน้อยกระมัง?"

    ตุลาการเฉินซื่อส่ายศีรษะ และคำตอบของเขาก็ทำเอาเสี่ยวโกยตกใจแทบสิ้นสติ

    "มีเพียงสามพันเศษ แถมยังใช้การมิค่อยได้ มีแต่พวกปวกเปียกอ่อนแอ มีไม่น้อยที่แสดงอาการป่วย ‘โรคผีตายซาก’ รวมอยู่ด้วย!!! แต่ก็มีเรื่องน่าแปลกอยู่..." ตุลาการเที่ยงธรรมสะดุดคิดเหมือนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้

    "มีอันใดหรือ?" ฟาหลินซีถามอย่างสนใจ

    "ในทหารสามพันกว่าคน กลับมีทหารชั้นดีที่เข้มแข็งจนถึงขั้นร้ายกาจอยู่สามร้อยคนเศษ พวกมันมิเพียงไม่มีอาการอ่อนแอของโรค ยังแข็งแกร่งจนน่าประหลาดใจ"

    "ถ้ามีทหารเช่นพวกมันมากๆ ก็คงดี" ฟาหลินซีกล่าว

    "ผิดแล้ว!" ตุลาการเที่ยงธรรมกล่าว

    "มีที่ใดผิดพลาด?" เสี่ยวโกยถามด้วยความสงสัย

    "พวกมันเก่งกาจก็จริง ทว่าความประพฤติกลับมิค่อยดีนัก พวกมันมิเพียงไม่อยู่ในระเบียบวินัย ยังเรียกร้องเบี้ยหวัดเงินเดือนมากขึ้นหลายเท่า ถามราชสำนักก็มีปัญหาด้านกำลังทรัพย์ และถ้าขืนยอมตามพวกมัน ทหารอื่นๆ ก็จะเรียกร้องเอาตามอย่าง สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก"

    เสี่ยวโกย และฟาหลินซีได้ยินก็หันมาสบตากัน

    "ท่านตุลาการเรื่องนี้พวกเรากลับสามารถอธิบายได้" จากนั้นทั้งสองก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับ "จีอวี้เย่า" ที่พวกตนทราบทั้งหมดให้แก่อีกฝ่าย

    ฟาหลินซียังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า

    "ใต้เท้าเล่อแม้มิสามารถตรวจสอบออกว่า "จีอวี้เย่า" เป็นยาอันใดกันแน่ ดังนั้นมิสามารถหาทางถอนพิษของมันได้ แต่ยังโชคดีที่อย่างน้อยพวกเราก็ทราบพวกฉิกแพร่ตัวยานี้ผ่านทางสุรา!!!

    ดังนั้นใต้เท้าเล่อเมื่อหลายวันก่อนพอเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้ ก็ได้ใช้ให้คนไปทำการตรวจสอบผู้ที่ดื่มสุราของฉิกจับอิด เพื่อดูว่าเฉพาะในเมืองหลวงนี้ แต่ละวันมีผู้ดื่มกินเป็นจำนวนเท่าไหร่ ทั้งยังใช้ให้คนตรวจสอบประวัติของคนพวกนั้น โดยการสุ่มจำนวนหลายร้อยคน แล้วในที่สุดก็พบว่าในบรรดาผู้คนทั้งหมดแบ่งออกได้เป็นสามลักษณะด้วยกัน

    นั่นคือ...

    พวกปีศาจสุรา พวกนี้มีแนวโน้มจะกลายเป็นโรคผีตายซาก สูงมาก

    พวกที่ นานๆ ดื่ม ที ยังคงปกติ แต่คนพวกนี้มีน้อยมาก

    และพวกที่ดื่มเป็นประจำ เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง

    ในบรรดาพวกดื่มประจำ 8 ใน 10 ส่วน ล้วนเป็นพวกมีฐานะปานกลาง ถึง ยากจน และมีแนวโน้มจะยากจนลงเรื่อยๆ
    เพราะ ใช้จ่ายเงินสิ้นเปลือง หลายคนขยันขันแข็งแต่ก็ไม่พอใช้ แต่ หลายคนกลับหลีกเลี่ยงงานหนัก และหันไปเอาดีทางเสี่ยงโชคก็มาก บ้างก็ขายทรัพย์สิน กู้ยืมเงิน มากินดื่ม ซื้อของใช้ดีๆ มีรสนิยมสูง

    คนพวกนี้ เริ่มเห็นเงินเป็นเรื่องใหญ่ ไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ หากเป็นสตรี ก็มักหันมาทำอาชีพ นางคณิกากันมากขึ้น และเริ่มมีความละอายลดลง ในขณะที่เหตุการปล้นชิง และฆ่าฟันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

    อีกสองส่วน แบ่งเป็นร่ำรวย และมีแนวโน้มว่าจะรวยขึ้นไปเรื่อยๆ

    กับพวกที่ รวย หรือ เก่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีหาเงินกับคนส่วนมาก เช่น บางคนเป็นช่างตีกระบี่ ก็ทำออกมาเป็นพวกกระบี่ไว้ประดับ สะสมเป็นชุดๆ พวกผู้คนชอบถือเดินไปเดินมา แต่ใช้งานจริงไม่ค่อยได้ เอาไว้ดูสวยๆ เท่านั้น บางคนถือไม่เท่าไหร่ เบื่อแล้วขาย ซื้อใหม่อีก

    ตุลาการเที่ยงธรรมฟังจนคิ้วขมวดมุ่น ถามว่า

    "นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีบุคคลประเภทอื่นอีกหรือไม่?"

    ฟาหลินซีผงกศีรษะ กล่าวว่า

    "พอมีอยู่บ้าง พวกที่เหลือล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติได้ และบางคนก็ลุกขึ้นต่อต้าน เรียกร้องให้ผู้คนเลิกความประพฤติอันเลวร้ายแบบนี้เสีย แต่พวกมันล้วนแล้วแต่ถูกมองเป็นตัวประหลาด หัวโบราณคร่ำครึ ไม่พัฒนาทันยุคสมัย"

    ตุลาการเที่ยงธรรมนิ่งอึ้ง พฤติกรรมฟุ้งเฟ้อ เช่นนี้กลับสอดคล้องกับสภาพทหารในกองทัพที่เกณฑ์มา มิเพียงเท่านั้น สัดส่วนของผู้ที่มิตกเป็นทาสของสุรา และ "จีอวี้เย่า" ก็มีสัดส่วนใกล้เคียงกันกับเหล่าทหารที่ยังมิป่วยเป็นโรค "ผีตายซาก" อีกด้วย!!!

    จากคุณ : ทีมแต่งนิยาย - [ 9 ธ.ค. 47 19:18:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป