ที่โรงพยาบาลหลวงวันนี้ ดูคึกคักเป็นพิเศษ อาการขององค์ฟารุคที่ผ่านการผ่าตัด
บายพาสเมื่อคืนนอนพักอยู่ในห้องไอซียู ดีขึ้นเป็นลำดับ อาจมีแนวโน้มที่จะได้เสด็จกลับวัง
ขณะที่ท่านอัมม์ ซิดราสีหน้าหม่นหมอง เขาทราบข่าวการเสียชีวิตของบุตรชาย พร้อม
กับการแจ้งข่าวจากเจ้าชายซาเลม เจ้าชายที่ใครต่อใครคิดว่าสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
พระองค์กำลังจะกลับสู่นครหลวง อัลอัดดิ ภายในไม่กี่ชั่วโมง
อัมม์ ไม่แปลกใจที่จุดจบของบุตรชายนอกคอกลงเอยเช่นนั้น มันหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ
และเกือบพาลทำให้เขาหมดสิ้นอนาคตทางการเมืองไปด้วย เรื่องลูกชาย
ใครๆก็รักก็ห่วง แต่คนอย่างอัมม์ ซิดรา หากเห็นแก่ครอบครัวจนออกนอกหน้า
ก็คงไม่สามารถมายืนทัดเทียมบุรุษชั้นแนวหน้าในบ้านเมืองทุกวันนี้ได้หรอก
เขาเสียสละเพื่อชื่อเสียงมาเพียงนี้ คนในครอบครัวคนไหนหากมันไม่สนับสนุนเขา
ก็ถือว่า ไม่อาจร่วมนับเป็นครอบครัว ซิดรา ได้
ท่านนายกรัฐมนตรีก็ปลาบปลื้มกับข่าวนี้เช่นกัน แต่อาจจะน้อยกว่าข่าวการกลับ
มาของเจ้าชายซาเลม เช้าวันนี้ เจ้าชายซาเลมประกาศว่าจะเสด็จเข้าเฝ้างค์ฟารุค
เป็นลำดับแรก แต่ใครเล่าจะเป็นคนกล้าเข้าไปกราบทูลเรื่องนี้ให้แก่ผู้ป่วยโรคหัวใจเช่นนั้น
มันเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่จะให้องค์กษัตริย์ได้รับทราบข่าวที่น่ายินดี
ว่าพระอนุชาชุดดำ ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ และจะกลับมาถวายการรับใช้ใกล้ชิด เช่นที่เคยมา
ทุกคนเกรงว่า องค์ฟารุคอาจปลาบปลื้มกับข่าวนั้นจนเกินไป ทำให้อาการที่เพิ่งผ่าน
การผ่าตัดกลับทรุดหนักลงไปอีก จนถึงชั่วโมงนี้ จึงยังไม่มีผู้ใดกล้านำความ
ขึ้นกราบบังคมทูลในห้องคนป่วย
นายกรัฐมนตรีอาลี ฮัสซัน อับดุลล่าห์ มาถึงที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกับคณะรัฐบาล
อีกหลายๆคน เพื่อรอเข้าเฝ้าเจ้าชายซาเลม
เกือบสิบนาฬิกา แต่แสงตะวันที่ทอเข้ามาในห้องกว้างแลดูมืดหม่น ทันทีที่ร่างทะมึนก้าวเหยียบ
บรรยากาศสว่างไสว เปลี่ยนเป็นหวาดหวั่น ความหวาดกลัวมันคืบคลานเข้ามาเป็นการ
ต้อนรับเจ้าชายชุดดำพระองค์นั้น มายังบรรดาคณะรัฐบาลที่รายล้อมที่รอรับเสด็จ
เจ้าชายซาเลม อัสวัด โดยทั่วหน้า
นายกรัฐมนตรีถลาเข้าจุมพิตหลังพระหัตถ์ของพระองค์เป็นคนแรก
"พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครอง ฝ่าบาท"
เงาทะมึนในชุดสีเข้มกวาดสายตาจับจ้องบรรดาคณะรัฐบาลที่ยืนเข้าเฝ้าอยู่ในห้องนั้น
ก่อนทักทายอย่างเป็นกันเองกับทุกคน เพื่อผ่อนคลายความตื่นเต้นของผู้มารอรับ
เสด็จกลับคืนสู่เงื้อมเงาราชบัลลังก์อีกครั้งของเจ้าชายซาเลม
เจ้าชายซาเลม เดินไปสวมกอดอัมม์ ซิดราแสดงความเสียพระทัย ที่บุตรชายของเขา
ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง อัมม์ ซิดราถึงกับน้ำตาคลอหน่วย กับความเห็นอกเห็นใจ
ที่เจ้าชายชุดดำแสดงออกมา ทั้งที่บุตรของเขา เป็นคนนำความเดือดร้อนมาสู่พระองค์
รัฐมนตรีผู้เฒ่าถึงกับเก็บกลั้นความตื้นตันและเสียใจของตนเองไม่อยู่
"บุตรชายข้ากระทำผิดต่อพระองค์ พระองค์ยังมีเมตตาต่อครอบครัวของข้า
ข้าไม่ทราบว่าจะตอบแทนพระกรุณานี้ได้อย่างไร"
"ท่านอัมม์ ขอให้ท่านคิดถึงงานของประเทศชาติที่จะต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด
ท่านเป็นเสาหลักของงานต่างประเทศของเรา เปรียบเสมือนหน้าตาของอัคไบยาห์
จะสวยงามหรือหรูสง่า ก็อยู่ที่รอยยิ้มและความชาญฉลาดของท่าน หากมีสิ่งใดหมองมัว
ท่านก็ย่อมกระทบถึงงานของประเทศเรา แต่เรื่องของบุตรชายเทียบกับความรับผิดชอบ
ของท่านแล้ว ถือว่าเล็กน้อยนัก "
ท่านอัมม์ ซิดรา ทรุดตัวลงจุมพิตปลายพระหัตถ์ ที่เห็นผ้าพันแผลปิดไว้
พระองค์ชายตามองอย่างสงบนิ่ง รัฐมนตรีผู้เฒ่าน้ำตาคลอ ไอ้อิลิชลูกชายเขาทำพระองค์
ที่สูงส่ง บาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"เสียงอะไร" กษัตริย์ฟารุคร้องถามภายในห้องพัก ถึงเสียงพูดคุยของคนจำนวนมาก
ด้านนอก ราวกับเห็นอาการเจ็บป่วยของพระองค์อยู่ไม่ในสายตา ไม่แสดงท่าทีเคารพ
พระราชินีฟาว์ซิย่านึกสงสัยในใจ จะมีเรื่องน่ายินดีอันใด ขณะที่กษัตริย์นอนป่วยหนักอยู่อย่างนี้
จึงถลันออกมาดูนอกห้อง
พระนางแทบหัวใจหยุดเต้น เมื่อเห็นร่างทะมึนยืนอยู่กลางวงล้อมของบรรดาผู้บริหารระดับสูง
ในใจนั้นตื่นเต้นปรีดา
"เจ้าชายซาเลม"
พระนางวิ่งออกไปโผกอดร่างสูงนั้นด้วยความปิติ ความมั่นคงแห่งราชบัลลังก์ไม่ได้
คลอนแคลนอีกต่อไปแล้ว สวรรค์เมตตาพระองค์และเจ้าชายอิลยาส และเจ้าหญิงคาดรีญะห์
ที่ให้เจ้าชายชุดดำผู้นี้ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพื่อปกป้องพระองค์ และราชวงศ์ฮิลมิชาล
หากความยินดีของพระนางทำให้ร่างที่นอนป่วยอยู่ภายในห้องนั้น ถึงกับชะงักค้าง
หัวใจเต้นพะว้าพะวง ไม่ผิดแน่......เจ้าชายซาเลมน้องชายคนเดียวของพระองค์
มันยังมีชีวิตอยู่
คนที่พระองค์สั่งฆ่ามันไปจากอัคไบยาห์แล้ว กำลังจะเดินกลับเข้ามาหาพระองค์
พระผู้เป็นเจ้า เกิดอะไรกัน......มันยังไม่ตายอีกหรือนี่
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ข้าเข้าไปเฝ้ายามนี้คงไม่เหมาะ
หากฝ่าบาทดีใจเกินไป
อาจเป็นผลร้ายมากกว่า"
เจ้าชายซาเลมตรัสเบาๆกับพระนางฟาว์ซิย่า
ใจนั้นมันอยากจะถลันเข้าไปดูหน้าคนที่สั่งฆ่าน้องชายตัวเองเวลานี้เสียจริง ว่าจะทำหน้
าอย่างไรเมื่อเห็นข้ายังมีลมหายใจและยังยืนอยู่ได้ หากข้าต้องพยายามเก็บงำความคิด
ทั้งหมดไว้ภายในท่าทางสงบนิ่ง อย่าได้ให้ไอ้หรืออีคนไหนมันจับได้ ว่าข้ากับมันมีความ
ขัดแย้งเรื่องใด
อย่างน้อย ราชินีฟาว์ซิย่า และบรรดานักการเมืองที่รายล้อมอยู่เวลานี้ ไม่มีผู้ใด
ล่วงรู้เรื่องที่กษัตริย์ฟารุคสั่งฆ่าข้าเลยแม้แต่คนเดียว แค่การได้มาเหยียบที่
โรงพยาบาลเห็นห้องคนป่วยขององค์ฟารุค ก็เพียงพอที่จะทำให้องค์ฟารุคหวาดหวั่น
ตามที่คนขี้ขลาดอย่างมันควรจะเป็นอยู่แล้ว
เจ้าชายซาเลมคาดไม่ผิด สัญญาณเครื่องเต้นหัวใจในห้องขององค์ฟารุคถี่ระรัว
บอกความผิดพลาดของระบบร่างกาย บรรดาคณะแพทย์ถึงกับวิ่งพล่าน
"ข้าไม่น่ามาที่นี่เลย
" พระองค์แกล้งรำพันเบาๆหมายจะให้องค์ฟาว์ซิย่าได้ยิน
รับรู้ว่าพระองค์รู้สึกเหมือนเป็นความผิดที่มาปรากฏกายให้องค์ฟารุคที่ป่วยโรคหัวใจ
ต้องกระทบกระเทือนใจด้วยความปลาบปลื้ม จนถึงกับอาการทำท่าจะทรุดหนักลงไปอีก
"ฝ่าบาทคงเหนื่อยจากการเดินทาง
เชิญเสด็จไปที่วังหลวงก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าจะให้
คาดรีญะห์ต้อนรับ นางคงดีใจที่ได้เห็นพระองค์"
เจ้าหญิงคาดรีญะห์พระองค์น้อย ใช่สิ ราชินีฟาว์ซิย่ายังพยายามยัดเยียดพระนางน้อย
ให้กับพระองค์อีกเช่นเคย
จากคุณ :
โตมิโต กูโชว์ดะ
- [
วันรัฐธรรมนูญ 06:11:44
]