การทดลองที่มีผลออกมาเลวร้ายนั้นกลับไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น
ดร.อัมฤทธิ์จ้องมอง "ลูกไก่" ที่เจาะทะลุลำตัวของแม่ไก่ออกมาด้วยดวงตาที่ยากจะเข้าใจ
ส่วนพญ.นาริน ถึงกับตัวสั่นที่ได้เห็นสิ่งนั้นกับตา
ลูกไก่ฝูงนั้น..ไม่ต่ำกว่าเจ็ดตัว
ยังมีลักษณะของไก่อยู่ก็เพียงขาที่มีมีนิ้วเพียงสามนิ้วหน้ากับหนึ่งนิ้วหลังเท่านั้น
ส่วนหัวที่ควรจะเป็นไก่กลับเป็นอะไรไม่รู้ที่มีลำคอยาวคอนลูกตาดวงใหญ่เพียงดวงเดียวอยู่
ปากที่ควรแหลมกลับไม่ปรากฎ มีเพียงรอยบาง ๆ อยู่ใต้ตาดวงนั้น
บางตัวส่งเสียงร้องจึงได้เห็นเขี้ยวขาวราวฟันปลาฉลามโผล่พ้นออกมา
ปีกกลายเป็นแผ่นเนื้อเยื่อแปะไว้กับลำตัวที่อ้วนป้อม มีขนซึ่งน่าจะเป็นขนไก่แซมอยู่อย่างแหว่งวิ่น
มันวิ่งวุ่นชนกันไปมาส่งเสียงร้องฟ่อ ๆ ราวกับงู
"นี่คือปรากฏการณ์ที่สำคัญยิ่งต่อมวลมนุษย์"
ดร.อัมฤทธิ์ครางออกมาในที่สุด
"เราควรกำจัดมันเสีย.." พญ.นารินพูดเสียงสั่น
"อย่า..เราจะต้องศึกษาพวกมันอีกมาก..คุณน่าจะรู้ว่านี่แหละคือแหล่งภูมิปัญญาอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิต.."
พญ.นารินเงียบเสียง แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็รู้จักเพื่อนร่วมงาน หรือที่จริงสามีของหล่อนเป็นอย่างดี..สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาการ..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ต้องทำตามที่ต้องการให้ได้
"เราจะเลี้ยงดูมันเอาไว้..เฝ้าสังเกตการเติบโตของมันอย่างละเอียด.."
ดร.อัมฤทธิ์คล้ายออกคำสั่งแก่หล่อน..
หล่อนซึ่งได้แต่ทำหน้าปั้นยากให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
+++
"แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ?"
จ่าต้อยถาม..รถวิ่งเร็วจนเขาต้องใช้มือจับพนักแขนที่ประตูไว้ด้วย
รตท.ทัดทานพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยคิ้วที่ขมวดย่น
"การเฝ้าสังเกตการเติบโตของลูกไก่นรกนั้นผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว..หายนะก็เกิดขึ้น.."
"ลูกไก่กัดกินกันเอง..แม้พวกเขาจะให้อาหารเป็นไก่สดและเนื้อสดแก่มัน.."
"มีเพียงตัวเดียวที่รอด..มันตัวใหญ่ขึ้น..หน้าตาเปลี่ยนไป ขาที่ดูเหมือนลูกไก่ตั้งแต่เกิดนั้นหดสั้นลง..ลำตัวขยายใหญ่จนกลมคล้ายลูกฟุตบอล ปลายปีกพัฒนาเป็นเล็บยื่นยาวออกมาและคมกริบ..มันไม่เดินงุ่นง่านเหมือนเคย..นั่งอยู่กับที่แล้วยื่นลำคอให้ยาวขึ้นลงเพื่อมองหาเหยื่อ.."
จากคุณ :
ปิ๊วปิ้วจะตั้งใจเขียนแร้วคับผม
- [
วันรัฐธรรมนูญ 19:23:29
A:61.90.13.21 X:
]