วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม
อาทิตย์สุดท้ายของปีนี้ก็ถึงแล้วสินะ ยิ่งนับวันใกล้เข้ามา ฝัดยิ่งใจหาย ไม่อยากจากไป
เขาทำงานอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้าย ด๊อกเตอร์ดิลกอนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษ ให้เวลาเขาเตรียมตัวก่อนบินล่วงหน้าตั้งสิบวันเต็ม
แน่นอนด็อกฯ ก็ได้รับมาจากเบื้องบนอีกที
ใจเขานึกไปถึงคำของคุณสรรค์ ใช่ยามรักยามต้องการประโยชน์ก็ให้ได้หมดทุกอย่าง
ยามเกลียดก็เหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง
เขาต้องวางแผนอนาคตไว้ให้ดี เพราะตอนนี้ไม่ใช่มีเขา แม่ และไอ้จุดอีกต่อไปแล้ว
ในอนาคตอันไม่ไกลคุณสรรค์ก็จะเข้ามาเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้เต็มตัว
ไหนจะยังต้องคิดถึงเจ้าตัวเล็ก ๆ ที่แม่เขาอยากได้นักได้หนา
เสียงกริ่งโทรศัพท์ ดังขึ้นมาที่โต๊ะทำงานจนเขาสะดุ้งออกจากความคิดบรรเจิด
"สวัสดีครับ สัตยรักษ์ครับ" ฝัดพูดทักทายก่อน
"ฮัลโล โมทนาครับ" เสียงปลายสายพูดแนะนำตัวขึ้น
"ครับ โมทนาเรื่องอะไรครับ" ฝัดงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
"ผมโม สามีคุณแจ๋วไงครับ" ทางโน้นอธิบาย
"อ๋อ เข้าใจแล้ว มีอะไรหรือเปล่าครับ" ฝัดถาม
"ที่ผมฝากให้คุณไปบอกเธอน่ะ ได้เรื่องว่ายังไง ตอนเที่ยงผมรออยู่ที่ร้านกาแฟ....ห้าง.. ใกล้ที่ทำงานคุณน่ะ ออกมาพบผมหน่อยได้ไหมครับ " นายโมขอร้องพูดดีด้วย
"เห็นท่าจะไม่ได้หรอกครับ เอางี้ ผมบอกเธอแล้วตามที่คุณบอก ไม่เห็นได้คำขอบใจสักคำ
ได้แต่ถูกทุบหลังด้วยขวดดังแอ๊กหลังแอ่นมา อ้อเธอฝากบอกมาว่า จ้างทนายเตรียมไว้ได้เลย เธอเรียกร้องค่าเสียหายที่ตระกูลของคุณทำไว้กับเธอแน่ "ฝัดทิ้งท้าย
"เธอบอกแค่นั้นเหรอ ? แล้วเธอไม่ได้พูดอะไรอีกใช่ไหม?" นายโมถามหวาด ๆ
"พูดสิ เธอบอกว่าวันนี้จะไปซื้อปืนเตรียมไว้สำหรับเผื่อต้องฆ่าล้างตระกูล " ฝัดแหย่
"โอ๊ย เอากันขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย" นายโมถาม
"อ้าว ก็เธอบอกว่า พ่อคุณมาพูดกับเบื้องบนที่บริษัท มาว่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ จนทำให้เธอต้องออกจากงานนะสิ ใช่ไหมเล่า" ฝัดแยงต่อ
"ใช่ล่ะมันใช่ แต่ว่าเธอไม่ยอมออกมาคุยกันเรื่องหย่าเสียดี ๆ เองมันก็ต้องบีบกันแบบนี้แหละ"นายโมพูดเอาดีเข้าตัวเอง
"ธอเล่าให้ผมฟังนี่ว่าไปพบคุณแล้ว แต่คุณจะพาเธอเข้าม่านรูด" ฝัดละเลงต่อ
"เอ้อ เอ้อ มันอดใจไม่ไหวน่ะ เป็นใครก็ไม่ไหว อกหล่อนกระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจ กลิ่นตัวหล่อนยั่วยวน หุ่นดีกว่าอีแก่ที่บ้านอีก เป็นคุณก็คงทนไม่ได้หรอก เชื่อผมสิ" นายโมว่าเข้านั่น
" อืม ใช่น่าเห็นใจ จริงอย่างคุณว่านั่นแหละ แต่ยังไง ๆ ผมว่าให้คุณจัดการเองแล้วกันนะ ขอให้โชคดี" ว่าจบแล้วฝัดบรรจงกดแป้นโทรศัพท์เลิกการติดต่อ พร้อมกับยกหูโทรวางไว้บนโต๊ะนั่น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วยหล่อน เขาเต็มใจช่วยร้อยเปอร์เซนต์ แต่อย่างนายโมนี่แค่คุณสรรค์คนเดียวก็รับมือได้เหลือเฟือ หล่อน "โหด" อย่างที่นายตั้มว่าไว้จริงๆ
เลิกงานตอนเย็น ฝัดขับรถตรงดิ่งไปบ้านคุณสรรค์ เดี๋ยวนี้เขาต้องพยายามไปให้หล่อนเห็นหน้า
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านถึงสองวันเต็ม ๆ ยาทาแก้ช้ำ น้ำเย็นประคบ ทั้งใบไม้ใบยาที่แม่ซื้อมาต้มให้กิน ถึงขมขนาดไหน เขาก็ต้องดื่มมันเข้าไป
อืม แต่มันดีขึ้นทันตาเห็นจริงๆ แม่ดวงนี้รู้เรื่องรอบตัวไปหมดทุกอย่าง
คุณสรรค์ใจดำ ไม่เคยโผล่หน้ามาถามไถ่เยี่ยมอาการ มีแต่ครูปรานีเท่านั้นที่โทรมา
เห็นแม่เขารับโทรศัพท์คุยกับหล่อน ได้ยินเสียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากดังลั่นออกมาจากในห้องรับแขก คงจะคุยกันเรื่องเขานั่นแหละ
แต่พอเขาถามแม่ แม่กลับตอบปฏิเสธยิ้ม ๆ ไม่ได้คุยอะไรให้ฟังสักนิด
ในโลกนี้เขาเหลือเพียงตัวคนเดียวจริงๆ ยัยคุณสรรค์ต่างหากที่หว่านเสน่ห์มาเอาแม้กระทั่งแม่เขาไปเป็นพวกหมด
นั่นไง หล่อนยืนถือสายยางรดน้ำต้นไม้อยู่อย่างไม่รู้ไม่ชี้ นายตั้มวิ่งหน้าเริดมาที่เขาจอดรถก่อนใคร
"ไงตั้ม" เขาร้องทักนายตั้มขึ้นก่อน เอากล่องขนมคุ๊กกี้ที่แม่ทำไว้เมื่อวานนี้ และยัดใส่มือให้ตอนเช้าพร้อมบอกว่า "เย็นแวะเอาไปให้บ้านโน้นด้วยนะ" นี่แหละจึงทำให้เขาต้องดั้นด้นมา
ไม่งั้นไม่มีทางหรอก เขาก็ยังเคืองหล่อนไม่หาย
"ย่าดวงฝากมาให้นะครับ อารักไปล่ะ" ฝัดส่งกล่องคุ๊กกี้ให้นายตั้ม พร้อมกับเดินหันหลังลอดประตูรั้วจะออกไป
"บ้านนี้ไม่ใช่สวนสาธารณะนะ จะได้นึกเดินเข้าเดินออกได้ตามใจ" เสียงดังมาจากยัยแจ๋วตัวแสบ ปากหล่อนยังพะงาบ ๆ ได้ทั้งที่ตาไม่ได้มอง และมือยังถือสายยางรดน้ำอยู่
"นะ อารัก เข้ามาก่อน วันนี้อาแจ๋วทำแกงส้มผักกระเฉดที่อารักชอบด้วยนะ ลงมือทำเองเลย นี่คุณย่าทอดปลาสลิดเตรียมไว้ให้ด้วย นะ นะ " นายตั้มตรงเข้าไปฉุดไม้ฉุดมืออ้อนวอนให้อยู่
"ขอบใจนะตั้ม แล้วอาแจ๋วเขารู้ได้ไงล่ะว่าอาชอบกินแกงส้มผักกระเฉด" ฝัดถามนายตัวเล็กสายตาเหลือบมองดูกิริยาคุณสรรค์
"รู้สิ ก็อาแจ๋วนั่นแหละเป็นคนให้คุณย่าโทรไปถามคุณย่าดวง" นายตัวเล็กบอกหมด
"นายตั้ม มันชักจะมากไปแล้วนะ" คุณแจ๋วเสียงแหวกับหลานชาย
"ก็ตั้มได้ยินนี่ เมื่อวานนี้ไง
ตอนที่อาแจ๋วพาตั้มไปว่ายน้ำไง
อาแจ๋วยังใช้มือถือโทรหาคุณย่า ให้คุณย่าโทรหาย่าดวงไง
ให้ถามว่าอารักชอบกินอะไร
แล้วรถเราเกือบคนกับรถเข็นข้างทางน่ะ อาแจ๋วจำไม่ได้แล้วหรือไง" นายตั้มเถียงและทบทวนความจำให้
"เออ ไม่ต้องมาพูดมาก วิ่งไปปิดน้ำเร็ว" คุณแจ๋วตัดบทและหันไปสั่งหลาน
ฝัดเดินมาใกล้ เมื่อความจริงที่ออกมาจากปากนายตั้ม ฝัดซึ้งใจซันแจ๋วเป็นที่สุด หลังจากที่นอนทรมานใจมาตั้งสองวัน
แต่ยัยแจ๋วไม่ยอมรับ หล่อนยังคงเป็นผู้ร้ายปากแข็งเช่นเดิม
มือไม้หล่อนพันกันให้มั่วไปหมด ใจเต้นเป็นรัวกลอง จับสายยางลากไปม้วนเป็นวงกลมไว้
แต่แล้วก็พลาดจนได้ กระโปรงย้วยพลิ้วไปมา เกี่ยวกับหนามกุหลาบเอาไว้โดยที่เธอเองก็ไม่ได้หันไปดู
ฝัดเห็นก็เดินเข้าไปใกล้เธอ ทำท่าจะนั่งลงปลดกระโปรงให้
คุณสรรค์ยังระแวงอยู่ไม่รู้ถึงเจตนารมณ์อันดีของเขา ก็ฟาดเข้าให้ที่หลังด้วยปลายสายยางที่หล่อนกำอยู่ในมือ ฝัดร้องโอ๊ย
กระโปรงที่ถูกถืออยู่ในมือก็ถูกกระตุกพรวด
พลอยให้คุณสรรค์ล้มก้นกระแทกไปนั่งอยู่ระหว่างแขนที่กางของนายฝัดและต้นกุหลาบที่ถูกโน้มกิ่งมารองอยู่ใต้ก้นของหล่อน
"อาแจ๋ว อารัก" นายตั้มวิ่งหน้าตาตื่นมาหาทั้งสองคน
"อู๊ย โอ๊ย" เสียงร้องครวญครางดังมาจากทั้งสอง
นายตั้มเป็นเด็กฉลาด วิ่งตรงไปที่ตั้งของตัวบ้าน ตะโกนเสียงดังลั่นชาวบ้านรู้กันสามบ้านแปดบ้าน
คุณไมตรี คุณปรานี วิ่งหน้าตาตื่นมาโผล่ดูหน้าประตู
คุณไมตรีถึงจะอายุหกสิบต้น ๆ แต่กระฉับกระเฉง วิ่งตรงมาที่เกิดเหตุ ฉุดลูกสาวขึ้นอย่างไม่ยากเย็นนัก
ครูปรานีกับคุณไมตรีช่วยกันจับไหล่ฝัด ให้เขาหงายตัวขึ้น พร้อมกับช่วยกันดึงแขนคนละข้าง ให้อยู่ในสภาพนั่ง
"อะไรกัน ๆ เจอกันไม่ได้จะฆ่าแกงกันให้ตายไปข้างหรือไง" คุณไมตรีโวยขึ้นมาก่อน
"เปล่าค่ะ เปล่าครับ" สองเสียงตอบพร้อมกัน
"เห็นอยู่คาตา แล้วยังว่าไม่มีอะไร นี่มันรักกันภาษาอะไรว่ะ ไม่พอใจกันก็เลิก ๆ ห่าง ๆ กันไปซะ ไม่ต้องถึงกับทำร้ายกันหรอก" คุณไมตรีไม่ยอมหยุด
"ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ค่ะ" สองเสียงตอบพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง
"อ้าว แล้วทำไมมันคลุกฝุ่นกันอย่างนี้ล่ะ" ครูปรานีถาม
"เอ้อ เอ้อ" คุณสรรค์ติดอ่าง
"อะไรล่ะลูก ไหนบอกสิ" แม่ปรานีคาดคั้น
ฝัดกลั้นหายใจมั่วนิ่ม ตอบแทนสุดที่รักว่า " เขินมั้งครับ"
ได้ผล คุณสรรค์ไม่ตอบแต่เดินแกมวิ่งเข้าบ้านไป
คุณไมตรีส่ายหัว พูดพึมพำถามภรรยาว่า "เอ แม่ปรานี ผู้หญิงสมัยนี้เขาเขินกันรุนแรงดีนะ"
ท่านหันมายื่นมือให้ฝัดดึงตัวขึ้น พร้อมกับชวนว่า "ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม เลอะเทอะเปรอะดินเปียกแฉะไปหมด แล้วมานั่งกินข้าวด้วยกันนะ" ท่านสั่ง
"ตั้มวิ่งไปบอกแม่นะว่า ปู่ให้หยิบเอาเสื้อพ่อมาให้อารักเขาตัวหนึ่ง วิ่งตื๊อไปเลยลูก คนเก่ง" ท่านหันมาสั่งหลานชาย
"ครับคุณปู่" นายตั้มรับคำวิ่งไปตามคำสั่ง
ฝัดยกมือไหว้ในความกรุณาของท่าน และเดินต้อย ๆ ตามหลังผู้ใหญ่ทั้งสองเข้าบ้านไป
จากคุณ :
NATTI นัทตี้
- [
14 ธ.ค. 47 00:28:25
]