.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทุก ๆ เช้า ผมจะตื่นมาด้วยความหวังว่ามิเรอร์จะฟื้นตื่นขึ้นมา และพอจบวัน ผมก็จะรู้ว่าสิ่งที่ผมหวังเป็นไปไม่ได้อีกครั้ง ถึงแม้ผมรู้ว่าไม่ควรหวังให้ทุกอย่างกลับคืนเป็นปกติ แต่ผมก็ไม่อาจตัดใจได้
คราวนี้ มิเรอร์ต่างกับเธอคนนั้นตรงที่ดูเหมือนว่าหลับไปเฉย ๆ ไม่ขยับ ไม่เคลื่อนไหว และร่างกายของเธอก็ไม่เปลี่ยนสภาพใด ๆ ไป แล้วอย่างนี้จะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่าเธอตายจากผมไปจริง ๆ
-----------
เพื่อนของผมที่เคยมาเยี่ยมเราแวะมาหาผมอีกหลายครั้ง เขารู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากที่เขากลับไปพอดี แต่ถึงอย่างไร เราก็ไม่อาจแก้ไขใด ๆ เกี่ยวกับอาการของมิเรอร์ได้เลย แล้ววันหนึ่ง เขาก็โทรมาหาผม แล้วบอกว่ามีคนแนะนำให้เขารู้จัก นักเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งอาจจะช่วยแก้ไขมิเรอร์ได้ ... ถึงแม้ผมจะไม่สนใจที่เขาพูดมา แต่เขาก็ยังเพียรคะยั้นคะยออยู่เนือง ๆ จนในที่สุด ผมจึงตัดสินใจที่จะไปพบผู้ชายที่เขาพูดถึงดู ... ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว ผมไม่เชื่อในสิ่งอื่นใดนอกจากความสามารถของตัวเองเท่าใดนัก ... แต่ก็อย่างที่เขาพูด ไม่มีอะไรเสียหายถ้าจะลอง
-----------
ผู้ชายตรงหน้าผมแตกต่างจากที่ถูกจินตนาการเอาไว้มาก ... เขามีบุคลิกที่ดูฉลาด ทันคน แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ที่เจอเขารู้สึกถูกกดดัน หรือถูกเปรียบเทียบใด ๆ เลย ท่าทางผ่อนคลาย สบาย ๆ ของเขาเหมือนจะทำให้ผมเห็นประกายเรื่อเรืองออกมาตัวเขากระนั้น ... เขาเชื้อเชิญให้ผมนั่งที่เก้าอี้ แล้วก็ขอให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
เมื่อผมเล่าจบ เขาก็ยิ้ม แล้วบอกว่า ผมอาจจะต้องกลับไปคิดทบทวนเรื่องที่เกิดทั้งหมดให้ดี ว่าผมรู้สึกกับเธอและมิเรอร์อย่างไร และจะตัดสินใจเลือกเช่นไร ... เพราะการนอนสงบนิ่งของมิเรอร์เปิดโอกาสให้ผมแล้ว ... ผมสามารถเลือกที่จะทิ้งมิเรอร์แล้วกลับไปหาเธอของผม เพื่อที่จะมีโลกส่วนตัวในฝันของผมต่อไป ... หรือผมจะเลือกที่จะลืมเธอแล้วอยู่กับมิเรอร์ที่เป็นปัจจุบันก็ได้ ...
.
.
.
.
.
.
.
ก่อนที่ผมจะกลับ ... เขาบอกผมว่า ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์เกินไป ...
----------
ผมมาหาเขาอีกครั้ง พร้อมกับพามิเรอร์มาด้วย ... วันนั้น ผมกลับไปทบทวนสิ่งที่เขาพูด แล้วก็เรื่องราวทั้งหมด แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก ... ผมไม่สามารถที่จะลืมเธอแล้วใช้ชีวิตอยู่กับมิเรอร์ได้ ... แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ทิ้งมิเรอร์ให้นอนนิ่งเช่นนี้แล้วกลับไปสู่โลกความฝันของผมไม่ได้เช่นกัน
.
.
.
.
.
... เป็นเรื่องปกติที่ผมจะต้องเลือกเธอที่รักของผมอยู่แล้ว เธอเป็นทั้งชีวิตของผมนี่นา ... แต่การกับตัดสินใจอันหลัง ผมบอกตัวเองว่า ผมสร้างมิเรอร์ให้ชีวิตเธอมาแล้ว ผมก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำลงไป
แล้วผมก็บอกเขาถึงการตัดสินใจ ... เขาหัวเราะเสียงดัง แล้วก็ย้ำที่เคยพูดกับผมไว้ ...
ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์เกินไป ? ผมทวนสิ่งที่เขาพูด
ใช่ ... เพราะเธอคิดอย่างนักวิทยาศาสตร์ เธอมองทุกเรื่องด้วยเหตุผลไปหมด และบางที มันก็ทำให้เธอลืมเรื่องของความรู้สึก ... นักวิทยาศาสตร์น่ะ แข็งกระด้างเกินไปจนมองทุกอย่างตัดแบ่งเป็นขาวดำชัดเจนแค่นั้น รู้ไหมล่ะ ...
แล้วเขาก็อธิบายต่อไป
ครั้งหนึ่ง ฉันก็เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนเธอนะ ฉันค้นคว้าสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทำการทดลองไม่จบสิ้น แล้ววันหนึ่ง ฉันก็รู้ว่า ในโลกนี้มีสิ่งอื่นอีกมากที่อธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผลของวิทยาศาสตร์
ฉันก็เลยละทิ้งชื่อนั้น แล้วเรียกตัวเองว่า นักเล่นแร่แปรธาตุ
ถึงแม้ชื่อนี้จะดูเพ้อฝันไปหน่อยก็เถอะ แต่มันก็เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของศาสตร์และศิลป์สำหรับฉันนะ
อารมณ์และความรู้สึกจะต้องมาควบคู่กับเหตุผล ... และก็ทำให้หลาย ๆ ครั้งหนึ่งบวกหนึ่งไม่ได้เท่ากับสองเสมอไป ... เธอบอกว่า เธอรักคนรักที่ตายไปแล้วของเธอ และก็รักหุ่นที่เธอสร้าง ... แล้วก็รู้สึกผิดที่รู้สึกไปเช่นนั้น
เมื่อเห็นผมพยักหน้า เขาจึงพูดต่อ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะรักใครอีกคนหรอกนะ ... การที่เธอรักใครสักคนได้ ก็แสดงว่าเธอยังไม่ตายนี่ ... การรู้จักรัก และมีความรักเป็นสิ่งดีนะ ถ้าเธอจะใช้มันอย่างถูกต้องน่ะ
วันนั้น ยังมีหลายสิ่งที่เขาอธิบายออกมา
เขาสอนผมอย่างใจเย็นไปเรื่อย ๆ แล้วพอเห็นว่าผมเข้าใจสิ่งที่ควรเข้าใจแล้ว เขาก็ช่วยให้มิเรอร์ฟื้นขึ้นมา โดยก่อนที่เธอจะฟื้น เขาอธิบายให้ผมฟังว่าทำไมเธอจึงอยู่ในสภาวะหลับใหลเช่นนั้นได้
---------
มิเรอร์กำลังรดน้ำดอกทานตะวันของเธออยู่ ขณะที่ผมเดินไปหาเธอเงียบ ๆ หลังจากที่เรากลับมาบ้าน เราก็ได้คุยกันอย่างละเอียด แล้วผมก็รู้ ถึงแม้ตอนที่สร้างเธอขึ้นมาใหม่ ๆ ผมอยากให้มิเรอร์เป็นตัวแทนของเธอคนนั้นก็จริง แต่มิเรอร์ก็ต่างออกไป เธอมีชีวิตของเธอเอง และเลือกที่จะเป็นตัวเธอเอง ... ผมอาจจะเริ่มรักมิเรอร์เพราะมาแทนเธอของผม แต่พอเวลาผ่านไป ผมก็รักมิเรอร์ที่ความเป็นเธอ...
.
.
.
.
.
.
ผมยิ้มเมื่อคิดว่าทุกอย่างในใจผมได้รับการปลดปล่อยแล้ว ... และมิเรอร์ก็หันมาพอดี
ยิ้มอะไรคะ
เมื่อเห็นผมไม่ยอมบอกเธอ ... เธอจึงเอาสายยางมาขู่จะฉีดผมให้เปียก ... มิเรอร์มีวิธีการของตัวเองเสมอ ... เทียบจากดอกไม้โปรดของเธอก็ได้แล้ว มิเรอร์ชอบทานตะวัน และมันก็แทนความ แจ่มใส เจิดจ้าของเธอได้ดี ... ไม่มีใครแทนใครได้อยู่แล้ว
ผมรักคุณ ... จริง ๆ นะ คำพูดนี้เธอเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วก็กอดผมเอาไว้
อย่างที่นักเล่นแร่แปรธาตุพูด ... การรู้จักรัก และมีความรักเป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าผมมีชีวิตอยู่ และมีหัวใจ ... จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมรักผู้หญิงอีกคนขึ้นมาได้ ... การที่ผมรักมิเรอร์ไม่ได้หมายความว่า ผมจะต้องเลิกรักเธอคนนั้นของผมเลย เธอยังอยู่กับผม อย่างน้อยก็ในใจผมนี่ ... ความรักที่ผมมีให้เธอไม่ได้หมดไป หรือผมจะลืมเธอ ...
บางที เรื่องราวในชีวิตก็ต้องใช้เวลาจึงจะเข้าใจ และถึงกระนั้น บางเรื่องถึงจะเข้าใจก็ไม่ชัดเจนจนกว่าจะมีคนมาแนะแนวทาง ... ผมยิ้มอีกครั้งเมื่อนึกถึงว่า ... ผมคิดว่าผมโชคดีที่แก้ไขทุกอย่างได้ทันก่อนที่จะสายเกินไป ...
ฉันก็รักคุณค่ะ เธอบอกผมก่อนที่ผมกอดตอบเธอ ... และกว่าผมจะรู้ตัวว่าเธอยังไม่ได้ทิ้งสายยางในมือไป เราทั้งคู่ก็เปียกโชกไปทั้งตัว
... เธอหัวเราะแทนที่จะขอโทษ และก็ทำให้ผมหัวเราะไปด้วย ... ทุกอย่างในโลกมีอารมณ์กับเหตุผลประกอบกันจริง ๆ
--------------------------
(จบ)
จากคุณ :
หมาเลี้ยงแกะ
- [
14 ธ.ค. 47 00:45:55
]