CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    =เดเมี่ยน แผนป่วนสลับร่าง= บทที่ 2 คนฝึกม้าที่มีฐานะองครักษ์

    บทที่ 2  คนฝึกม้าที่มีฐานะองครักษ์

    ดวงตาสีดำตวัดมองกราดอย่างรวดเร็วพลางพิจารณาเนื้อความบนแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่ง   มือขวาถือปากกาอย่างเตรียมพร้อมก่อนตวัดวูบอย่างว่องไวเป็นลายลงนามแสดงการรับทราบ  ในขณะที่อีกมือหนึ่งช่วยส่งกระดาษที่ทำการตรวจสอบแล้วแยกไปไว้ที่กองหนึ่งและเรียกกระดาษแผ่นใหม่เข้ามาอยู่ในการพิจารณา.....

    อาชีพเสริมอันซ้ำซากจำเจและน่าเบื่อเสียจนแม้แต่คนที่แทบจะไม่เคยบ่นก็อดจะแอบพึมพำอยู่ในใจไม่ได้...

    มีองครักษ์ประเทศไหนที่ต้องทำงานนั่งโต๊ะ....!!!

    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะใครบางคนอย่างเช่นเจ้าผู้คุมกองพนักงานประจำปราสาทเกิดว่างงานมากพอที่จะคิดว่ากองทหารองครักษ์ส่วนพระองค์จะมีเวลามากพอเช่นกันในการที่จะช่วยตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับ 'ปัญหาภายใน'  อันมีตั้งแต่รายงานเรื่องการจัดทหารป้องกันความปลอดภัยประจำปราสาทไปจนถึงเรื่องท่อน้ำแตกในห้องเครื่องเสวย....

    "เฟ....ส"  เสียงเรียกที่เคยคุ้นจนแทบจะเรียกได้ว่าชินชาดังขึ้นจากทางเบื้องหลังของชายผมสีดำที่กำลังหงุดหงิดกับงานที่ล้นมือ....

    ....อีกแล้ว....  
    ความคิดที่ขับให้คนทำงานก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่ออย่างตัดสินว่าจะไม่ใส่ใจ  หากแต่เสียงเรียกเจ้ากรรมมันก็ตกลงใจที่จะหลอกหลอนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาดังอยู่ข้างตัว....

    หรือที่เรียกได้ว่า......ระยะเผาขน

    "ชั้นรู้ว่านายได้ยิน  หัดขานตอบซะบ้าง"  

    "ชั้นนึกว่าตัวเองชื่อเฟเรียส"  เป็นคำตอบตามคำเรียกร้องพร้อมสายตาที่ตวัดขึ้นมองคู่สนทนาจากชายหนุ่มนัยน์ตาดำขลับเจ้าของนามเฟเรียสหรือเฟสตามที่ใครบางคนที่แสนจะกวนประสาทถนัดที่จะเรียก  ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดมุ่นขึ้นแล้วออกปากถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

    "แล้วคราวนี้มันมีเรื่องสลักสำคัญอะไรถึงขนาดทำให้อารักษ์อันดับหนึ่งของอาณาจักรอย่างนายทิ้งเจ้านายมาได้อีก  หือ...ไรเจล"

    "ง่า....ใจเย็นน่า"  คนถูกกล่าวหาว่าทิ้งเจ้านายยิ้มแห้งหัวเราะแหะๆ  แต่นัยน์ตาดุๆของเพื่อนที่ส่งมาแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้ใจเย็นลงไปสักกะนิด  ให้คนที่ตกเป็นจำเลยต้องรีบออกปากปกป้องตัวเองแทบไม่ทัน

    "คือ....ก็เพราะเป็นเรื่องของเจ้านายชั้นน่ะแหละ  ถึงได้มาขอให้นายช่วย....."  

    คนถูกขอให้ช่วยตอบเสียงเรียบขณะที่ก้มหน้าลงทำงานต่ออย่างไม่คิดจะสนใจ  "งานของใครก็ควรหัดทำเอง  ไม่ใช่ให้คนอื่นช่วย"

    "ถ้าทำเองได้ชั้นก็ทำเองน่า....  นายก็รู้ว่างานนี้ชั้นได้แต่บาย"  

    คนฟังฟังแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะจำใจลุกขึ้นจากเก้าอี้และหันมาถามรวดเร็ว  "ที่ไหน?"

    "ผาพระอาทิตย์"  คนถูกถามตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกว้าง

    เฟเรียสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนกล่าว  

    "ในเมื่อชั้นไปทำงานแทนนาย  ส่วนนั้นนายก็จัดการ"  เป็นคำประกาศิตพร้อมกับที่นิ้วภายใต้ถุงมือสีดำชี้ให้เห็นกระดาษรายงานปึกใหญ่นับร้อยพันแผ่นที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มขัดเป็นมันเบื้องหน้า....

    'งานนั่งโต๊ะ' ที่ทำให้คนถูกยัดเยียดให้รับหน้าที่จัดการได้แต่มองอย่างตะลึงกลืนน้ำลายเอื้อกก่อนจะทรุดตัวนั่งยังเก้าอี้อย่างหมดแรง   บ่นพึมพำ   ในขณะที่คนอีกคนที่ได้รับแลกหน้าที่หันมายิ้มเยาะก่อนเดินจากไป....

    + + + + + + + +

    แสงร้อนแรงของอาทิตย์ยามบ่ายทอลงผ่านม่านเมฆบางสีขาวสลับกับฟ้ากว้างสีคราม  สะท้อนกับใบสีเหลืองเข้มของต้นสนไซพเซทอันเป็นที่มาสมญานามที่ราบสูงสีทองกลายเป็นประกายสีเหลืองส้มแวววาว   ด้วยอากาศบนที่สูงนั้นค่อนไปทางเย็นจากลมที่แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาวแต่บางครั้งก็พัดแรงจนเสียดกระดูก...ไอแดดจากพระแม่แห่งธรรมชาตินั้นจึงเป็นความร้อนที่ทำให้อบอุ่นอย่างสบายเสียมากกว่ารำคาญ

    "เจ้าหญิงเดเมี่ยน  เสด็จกลับเถอะน่ะเพคะ  อย่าเล่นแผลงๆให้พวกหม่อมฉันเสียวไส้เล่นอีกเลย"  เสียงพูดอย่างเหนื่อยอ่อนจากหนึ่งในบรรดานางกำนัลที่เธอขอเช่าตัวมาเป็นเพื่อน 'ชมนกชมไม้'  ณ  ผาพระอาทิตย์อันเป็นทุ่งหญ้าเขียวบนที่ราบสูงริมชายป่าสน

    สถานที่ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์จากเหล่าทหารหาญว่าเหมาะที่สุดสำหรับการ  'เล่นม้า'  ของชาวซาทาเรีย....

    คำทักท้วงยังคงดังเป็นระยะและเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่เริ่มนาน  หากแต่หญิงสาวเจ้าของตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งนครอาชาก็ยังคงดำรงตนเป็นปรมาจารย์ในวิชาการทำหูทวนลมอยู่เสียอย่างนั้น.....

    "เจ้าหญิง...."  ทูลเสียงอ่อยอย่างชักจะหมดแรง  ให้คนบนหลังม้าเริ่มใจอ่อน

    "น่านะ...มารีน  ว่าแต่ตอนนี้ระยะทางเท่าไหร่"  

    "เออ.....60 เซนติเมตรได้"  คำตอบค่อนข้างอึกอักจากคนถูกถาม  

    "ยังมากไป....อย่างนี้แข่งคราวหน้าก็ต้องแพ้พี่อีก...."  เจ้าตัวฟังแล้วก็เริ่มตีหน้ายุ่ง  บ่นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนชักม้าไปทางด้านหลัง  ...

    "ต่ออีกหน่อยแล้วกันน่ะทุกคน"  ดำรัสเสียงใสพลางหันมายิ้มให้เหล่าสาวๆที่แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อเมื่อได้เห็นกีฬาโปรดของเจ้าหญิงคนสำคัญของพวกเธอ  

    หญิงสาวบนหลังม้าค่อยๆบังคับพาหนะให้ไปยืนอยู่ในระยะที่เหมาะสม  เธอสูดหายใจเข้าลึก  ใช้มือบอบบางภายใต้ถุงมือหนังลูบหัวม้าสีน้ำตาลเข้มตัวโปรดอย่างเอ็นดู  และในไม่ช้าก็ควบมันห่อตะบึงอย่างเต็มกำลังมุ่งหน้าสู่ทางเบื้องหน้า........ทางอันเป็นหน้าผาสูงชัน

    "คราวนี้เอาสถิติดีๆกันหน่อยล่ะ"  กระซิบแผ่วเบากับม้าคู่ชีพ  เธอปล่อยม้าให้ก้าวไปเกินกว่าที่เคยก้าวนึงก่อนดึงบังเยนบังคับอย่างรวดเร็ว..........

    เสียงหวีดร้องดังขึ้นด้วยความหวาดกลัวขณะที่สาวๆตำหนักในทำได้แต่ปิดตาเมื่อนายหญิงกับม้าของเธออยู่ชิดริมหน้าผาจนแทบจะถูกสายลมพัดให้ปลิวหายไปกับความสูงเวิ้งว้าง....

    และหยุดห่างจากขอบหน้าผาเพียงแค่ 5 เซนติเมตรเท่านั้น..........

    "สำเร็จ  พี่ต้องทำไม่ได้แน่!!!"  มองความสำเร็จของตนเองพร้อมๆกับตะโกนขึ้นอย่างร่าเริงก่อนที่ความรู้สึกวาบๆที่สันหลังมันจะทำให้สะดุดกึก

    ไม่น่าจะใช่.....ต้องไม่....

    เป็นเสียงคำภาวนาอย่างปฏิเสธชะตากรรมที่ดังขึ้นในใจของหญิงสาวผู้บัดนี้หัวใจที่พองโตเริ่มจะฟีบเอาฟีบเอาด้วยอัตราเร่งอย่างน่าสงสาร...

    แต่ความไม่น่ากับความไม่เป็นมันก็ยังคงเป็นคนละเรื่องกัน.....และการภาวนาที่กะทันหันเกินไปก็คงไม่มีใครที่จะได้ทันรับฟัง....

    "ทรงเล่นอะไร?"  คำถามหนักๆด้วยสำเนียงคุ้นหูถูกส่งจากผู้ช่วยจำเป็นที่อยู่ดีๆก็ถูกลากเข้ามาเอี่ยวด้วย  และนั่นก็เป็นคำตอบชัดเจนให้กับความรู้สึกร้อนๆหนาวๆ  และเป็นคำอธิบายว่าทำไมเสียงบ่นออดๆแอดๆของแม่เหล่านางกำนัลถึงได้เงียบหายไป  แทนที่ด้วยรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าอย่างรู้ดีว่าบัดนี้ใครบางคนซึ่งก็คงเป็นคนๆเดียวที่ 'ปราม' ได้ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว....

    "ขี่ม้า"  ถ้อยรับสั่งแก้ตัวขุ่นๆจากเจ้าหญิงที่ทำตัวไม่สมหญิงก่อนจะรีบเอ่ยสำทับสนับสนุนคำพูดของตัวเอง  "นายคงไม่คิดจะห้ามเจ้าหญิงแห่งซาทาเรียที่ได้ชื่อว่าเป็นนครแห่งอาชา  ขี่ม้าหรอกใช่ไหมเฟเรียส"  คำถามที่เรียกนัยน์ตาสีดำให้เบือนไปสบตาสีน้ำเงินเข้มของหญิงสาวบนหลังม้า.....

    "ข้าคงมิบังอาจไปขวางได้หรอกครับ  หากเจ้าหญิงของนครแห่งอาชาจะทรงม้า"  คำเปรยแรกที่ทำเอาเธอเผยยิ้มกว้างส่งไปให้อย่างมีชัย  แต่ไม่ช้าก็ต้องเปลี่ยนมันมาเป็นกัดฟันกรอด....เพราะคำพูดต่อมาขององครักษ์ตัวแสบ

    "แต่ไม่ว่าเจ้าหญิงเมืองไหนก็ไม่สมควรจะเป็นม้าดีดกระโหลกครับ"  

    "เฟเรียส!!!"  

    "มีอะไรให้รับใช้อีกหรือครับ"  คนถูกเรียกยังคงตีหน้าเฉยชาได้อย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด....

    ความเงียบเข้าปกคลุมให้คนที่โชคร้ายตกเป็นผู้ร่วมเหตุการณ์ได้แต่หนาวๆร้อนๆกับสงครามเย็นระหว่างหนึ่งเจ้าหญิงกับหนึ่งอารักษ์อย่างที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปเข้าข้างใครดี   ขณะที่นัยน์ตากล้าทั้งสองประสานกันอย่างสงบแน่นิ่ง....

    แล้วเธอก็แพ้คนๆนี้ทุกที.......

    "พอ....พอเถอะ  เถียงกับนายชั้นเคยชนะเสียเมื่อไหร่"  พูดพลางมือเรียวบางก็โบกอย่างยอมแพ้  กริยาอย่างเด็กๆที่คู่กรณีเห็นก็ได้แต่ลอบยิ้มก่อนจะเดินไปกุมบังเยนม้าแล้วชักจูงให้เดินตาม  แต่ก็ไม่วายจะอดพูดแขวะไม่ได้

    "ก็ทรงลองเถียงอย่างมีเหตุผลดูบ้างสิ"  

    "ออ....คราวนี้ก็หาว่าเราไม่มีเหตุผลอีก..." ทำอะไรได้นอกจากย่นจมูกใส่และบ่นหงุงหงิงไปตามเรื่องในขณะที่ปล่อยให้คนที่ตกเป็นจำเลยชักม้านำตนกลับไปที่ปราสาท....



    ( บทที่ 3 คำขอของพี่ชาย )
    + + + + + + + +

    30/11/04
    A/N :  ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนอ่านเรื่องเราซะแล้วแหะ  แต่อย่างน้อย...มีตอบสักคนเราก็อยากลงต่อให้น่ะ  คราวนี้ก็เอาตอนที่ 2 มาลงให้สักหน่อย  ขอบคุณที่ช่วยอ่านอับ

    ตอบเมนท์ :
    scottie - หมายถึงอะไรเยอะอ่า..หมางง @_@
    หนมจีน - ขอบคุณที่ชอบค่า  จะพยายามไม่เอง  ส่วนเรื่องบอร์ด..ก็ยังเจ๊งอยู่อ่า T_T ป่วยการเมืองรึป่าวน้า
    มัดหมี่ - พี่สาวสุดที่รัก  รักพี่จังเลย   และอย่างที่บอกไปแล้ว...ไรเจลน่ะมีต้นแบบจากลูคี่ตัวเป็นๆนี่เอง >o<
    โอเลี้ยงแก่ๆ - ขอบคุณที่เมนท์ค่า  จะพยายาม(สุดชีวิต) ที่จะไม่ดองค่ะ  ....แล้วว่างๆจะแอบหลบให้ทวงน่ะค่ะ หุหุ
    rene_recluse  - น้องสาวที่รัก  ขอบใจที่ตามมาเมนท์ให้ด้วยจ้า...(ซึ้งน้ำใจ)

    จากคุณ : A.A the wolf - [ 14 ธ.ค. 47 12:15:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป