ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3164624/W3164624.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3166606/W3166606.html#7
ขอโอกาสสักครั้ง
ให้ฉันได้บอกเธอ
ตอนที่ 3
วันนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วสินะ พิมพ์รพีกล่าวอย่างร่าเริงเมื่อหมอแจ้งให้ทราบก่อนที่จะเข้ามาในห้องนี้
จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงก็ปรนนิบัติพัดวี เทียวไล้เทียวขื่ออยู่ตั้งเกือบสองอาทิตย์ ในเมื่อเขากลับบ้านได้ก็หมดภาระเสียที
ไม่อยากออกหรอก เสียงเปรยหงอย ๆ มาจากคนไข้บนเตียงจนหญิงสาวอดที่จะถามอย่างหงุดหงิดนิด ๆ ไม่ได้แต่มือก็ยังสาระวนปอกผลไม้ที่แวะซื้อมาเยี่ยม
ทำไมล่ะ
กลับไป เราก็อยู่คนเดียว ขาก็เป็นแบบนี้คงลำบาก
ก็เรียกคนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนสิ
เราไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ถ้ามาก็ต้องทิ้งไร่อีก ชายหนุ่มมีบ้านเกิดอยู่เชียงใหม่ โดยมีกิจการเป็นสวนส้ม ด้วยเหตุที่พ่อเสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก ๆ แม่เลยต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน ส่งเสียเลี้ยงดูลูกสี่คนจนเรียนจบปริญญากันหมด ทำให้เขาอดที่จะภูมิใจไม่ได้และไม่อยากจะให้แม่ต้องเป็นกังวลอีก
แต่เราก็ไม่มีเงินจะจ่ายค่าห้องแล้วนะ คราวนี้เสียงที่กล่าวจึงอ่อยอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าที่บ้านจะมีกิจการโรงงานทอผ้าเป็นของตัวเองแต่หญิงสาวก็ไม่อยากจะรบกวนเงินของทางบ้านอีก เพราะถือว่าทางบ้านได้ให้ความรู้แล้วก็ควรจะใช้วิชาความรู้เลี้ยงดูตัวเอง
เราจ่ายเองก็ได้ พิมพ์ไปบอกหมอให้หน่อยสิ
ได้ยังไงล่ะ เราเป็นคนขับรถชนนายเราก็ต้องรับผิดชอบ พิมพ์รพีเสียงแข็ง แต่เมื่อมองใบหน้าซึม ๆ ของคนบนเตียงก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
จะส่งกลับก็ไม่ได้ จะให้อยู่ต่อก็เปลืองเงินเปล่า ๆ พิมพ์รพีคิดหนักก่อนที่จะโพล่งออกมาว่า
งั้นนายไปอยู่ที่บ้านเราก่อน
หา
มันจะดีเหรอ แม้จะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ในใจก็อดที่จะยินดีไม่ได้
ไม่เป็นไรหรอก แต่นายต้องทำตัวดี ๆ นะ ไม่งั้นจะปล่อยเกาะซะเลย ยังไม่วายสำทับ
เราจะทำตัวให้น่ารักที่ซู้ดเลย พูดออกไปแล้วก็ได้ค้อนคม ๆ กลับมา ยิ่งถ้าได้เห็นคนที่นอนยิ้มอย่างดีใจด้วยละก็เธอคงได้ถอนคำพูดเป็นแน่
*****
ห้องที่พิมพ์รพีใช้รับรองคนป่วยนั้นเป็นหนึ่งในห้องชุดที่ดูก็รู้ว่าคงจะแพงอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่ใจกลางเมือง มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ชั้นที่เธออยู่นี้คือชั้น 12 จากทั้งหมดมี 16 ชั้น ๆหนึ่ง ๆมีแปดห้องเพื่อความไม่แออัดจนเกินไป พอเข้ามาในห้องชายหนุ่มก็ต้องยิ้มออกมาเพราะเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ตรงส่วนของห้องรับแขกจัดไว้อย่างดี โซฟาสีครีมเข้าชุดกับหมอนอิงสีทองดูแล้วอบอุ่นโต๊ะตรงกลางเป็นกระจกกลมใสมีกระถางดอกไม้เล็ก ๆ ตั้งอยู่ มีระเบียงยื่นออกไปมองเห็นตึกสูงระฟ้า และทางด่วนหลายสาย มีโต๊ะกลมกับเก้าอี้หนึ่งตัวตั้งอยู่ตรงมุมที่จัดคล้ายสวนเล็ก ๆ น่านั่งอ่านหนังสือยามบ่าย
ส่วนห้องที่เขาอยู่นั้นทาด้วยสีเขียวอ่อนเกือบขาว เตียงปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเขียวอ่อนสบายตา ตัดกับตู้เสื้อผ้าสีเหลืองนวล ผ้าม่านสีทองหนาหนักทิ้งตัวจากเพดานจรดพื้นกันแดดส่องนั้นดูสวยงามอ่อนช้อยเมื่อผูกด้วยเชือกสีเขียวแซมทองพันเป็นเกลียวมีพู่ห้อย แสงแดดบาง ๆ ทอส่องให้เห็นพื้นพรมเป็นสีครีมมีลายใบไม้สีเขียวกระจายห่าง ๆ ทั้งห้องเป็นโทนสีเขียวทองอย่างกลมกลืน ทำไมเขาจะจำไม่ได้ว่าเธอชอบสีเหลืองทองขนาดไหน แม่สาววันจันทร์
พอจะอยู่ได้ไหม เสียงถามมาจากด้านหลัง หลังจากที่พิมพ์รพีเข็ญรถเข็ญที่เขานั่งอยู่เข้ามาในห้อง
สวยมากจนไม่อยากนอนเลย พิมพ์ยังชอบสีเหลืองทองอยู่อีกเหรอ คำถามนั้นออกจะทำให้หญิงสาวงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ฉันทำงานอยู่แถวนี้แหละ ไปกลับประมาณครึ่งชั่วโมงได้ จะแวะมาดูนายตอนกลางวันนะ นายอยู่คนเดียวได้ไหม
ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้าสบตาที่จ้องมาอย่างขอบคุณ จนคนที่จ้องแต่แรกต้องรีบหลบตาเปลี่ยนเรื่อง
ฉันจะไปทำอาหาร แล้วรีบเดินออกไปโดยมีสายตายิ้มๆ มองตาม
******
เมื่อตามมาอยู่ให้เฝ้าไข้แล้วศรุตพยายามทำตัวให้มีประโยชน์ ด้วยการช่วยทำนู่นทำนี่ แต่ดูเหมือนจะเป็นที่เกะกะของเจ้าของบ้านซะมากกว่า
ทุก ๆ เช้าก่อนที่ศรุตจะตื่น พิมพ์รพีจะออกไปซื้อโจ๊ก หรือไม่ก็น้ำเต้าหู้ที่ทางเข้าคอนโดมาทิ้งไว้ให้ แล้วก็จะออกไปทำงาน พอตอนกลางวันก็จะแวะซื้ออาหารมาทานด้วยกันอาจจะเป็นบะหมี่หรืออาหารสำเร็จรูป โดยชายหนุ่มอาสาล้างจานให้เอง เพราะกลัวว่าเธอจะกลับไปทำงานไม่ทัน ตกเย็นพิมพ์รพีก็จะซื้ออาหารสดมาทำกินเอง โดยมีศรุตช่วยปอกนั่น หั่นนี่ที่พอจะทำได้ เมื่ออิ่มแล้วก็จะแยกย้ายกันเข้าห้องถ้าเห็นว่าหญิงสาวเหนื่อยมาจากที่ทำงาน หากไม่เหนื่อยมากก็จะพากันขึ้นไปบนดาดฟ้าซึ่งเป็นสระว่ายน้ำของคอนโด นั่งเล่นพอเพลิน ๆ
พอตกดึกก็จะเช็ดตัว จัดยาให้ทานแล้วก็พาเข้านอน
แรก ๆ ตอนที่เช็ดตัวพิมพ์รพีก็จะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ต้องใกล้ชิดผู้ชายขนาดนั้น จนอดหน้าแดงไม่ได้ ศรุตเห็นก็ยิ้มขำกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของเธอ
ดูก้มหน้าก้มตาเช็ดเข้าอย่างกับถูบ้าน อดที่จะล้อไม่ได้
หนังคนนะครับคุณไม่ใช่กระดาน ถูเอาถูเอาอย่างกับถูบ้าน ถลอกหมดแล้ว เขากล่าวยิ้ม ๆ ยิ่งทำให้หน้าของหญิงสาวแดงเข้าไปใหญ่ สายตาตวัดมองค้อน มือก็เพิ่มดีกรีความแรงขึ้นอย่างหมั่นไส้ จนคนป่วยร้อง
โอ๊ย ไหงพยาบาลมือหนักอย่างงี้ล่ะ
ใครว่า ฉันน่ะเพชรฆาตย่ะ ลองคนป่วยกลายเป็นคนป่วนละก็ ฮึ่ม
ว่าพลางแลบลิ้นใส่เพราะเช็ดตัวเสร็จพอดี พร้อมกับเดินหนีไป
ทำให้เขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แม้ว่าลำตัวจะแดงเป็นกุ้งต้มพอ ๆ กับหน้าเธอก็ตาม
บางวันที่เขาเห็นพิมพ์รพีเหนื่อยมาจากที่ทำงานก็จะเช็ดตัวเอง ประแป้งซะขาววอกออกมานั่งรอเธอที่ห้องกลาง พอทำอาหารเสร็จออกมาเห็นทีไรหญิงสาวเป็นต้องขำทุกที ช่วยให้เรื่องที่เครียดจากงานบรรเทาไปได้บ้าง
ขารุตเป็นยังไงบ้าง พิมพ์รพีถามขึ้นในวันหนึ่งหลังจากที่พาศรุตมารับลมที่ดาดฟ้า กำแพงที่สร้างขึ้นมากั้นไว้ค่อย ๆ พังทลายลงหลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมาเป็นเวลาเกือบเดือน ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น จนไม่มี นายกับ ฉันมีแต่ รุตกับ พิมพ์
ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เราเกรงใจพิมพ์จังที่ต้องมาเหนื่อยเพราะเรา ชายหนุ่มพอจะใช้ไม้ค้ำยันได้บ้างแล้ว จึงไม่ต้องนั่งรถเข็นอีก
ก็พิมพ์เป็นคนขับรถชนรุต พิมพ์ก็ต้องรับผิดชอบ
แค่นั้นเองเหรอ เสียงที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาจนหญิงสาวฟังไม่ถนัด
หือ ว่าไงนะ
ไม่มีอะไรหรอก
ศรุตสังเกตอารมณ์ของพิมพ์รพีในตอนนี้ว่าคงจะดีไม่น้อย เพราะริมฝีปากแย้มยิ้มน้อย ๆ มองผู้คนที่ว่ายน้ำไปมาในสระอย่างสบายใจลมอ่อน ๆพัดผมยาวสลวยไล้ข้างแก้มนวลเบา ๆ
บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ไปถึงไหน เหมือนมีม่านบาง ๆ ขวางกั้นเอาไว้ในยามที่หญิงสาวรู้สึกตัว เขามั่นใจว่าต้องเป็น
เหตุการณ์จากวัยเยาว์แน่นอน
วันนี้เขาเลยไม่รอช้าที่จะอธิบายเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด และหวังว่าเธอคงจะให้อภัยเขา
คิดถึงสมัยเรายังเด็ก ๆ นะ ตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันน่ะ เมื่อศรุตเกริ่นออกไปแล้วก็ลอบสังเกตเสี้ยวหน้าด้านข้างของหญิงสาวที่กลับเฉยชาขึ้นมาทันที แต่ก็ยังคงไม่เอ่ยอะไรออกมา
ต้องการจะรื้อฟื้นให้ได้อะไรนะ พิมพ์รพีบ่นอยู่ในใจ
ตอนนั้นเราเด็กกันจังเลยนะ ชายหนุ่มยังคงว่าต่อไป เมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้าง ๆ นั่งฟังเฉย
พิมพ์ จำวันนั้นได้ไหม วันที่เรารายงานหน้าห้องด้วยกันน่ะ เขากล่าวพร้อมกับส่งยิ้มขอลุแก่โทษมาให้แต่พิมพ์รพีกลับคิดว่าเขายิ้มเยาะเธอ เลือดจึงฉีดขึ้นหน้าอย่างช่วยไม่ได้
พอเถอะรุต เรากลับกันดีกว่า พิมพ์รพีตัดบทก่อนจะเดินนำกลับห้อง
*****
บรรยากาศภายในห้องไม่ค่อยสู้ดีนักเพราะหลังจากที่ลงมาจากสระว่ายน้ำ พิมพ์รพีก็ทำมึนตึงกับเขา เช็ดตัวให้อย่างเสียไม่ได้
พิมพ์เรื่องวันนั้นเราอยากจะ
เขายังคงพยายามต่อไป
พอซะทีได้ไหม เราไม่อยากฟัง
แต่เราอยากจะขอโทษพิมพ์
ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบหญิงสาวก็สวนควัน
ไม่มีอะไรต้องขอโทษ
พิมพ์ยังโกรธเราเหรอ
เปล๊า พิมพ์รพีขึ้นเสียงสูง ทำท่าเหมือนไม่สนใจกับสิ่งที่กำลังพูดถึง
เราไม่ได้โกรธ เพราะเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่ามันเรื่องอะไร พอเราย้ายโรงเรียนใหม่เราก็ลืมได้ภายในสามนาที
งั้นเหรอ เสียงที่เอ่ยออกมามีแววน้อยใจจนสังเกตได้ชัด แต่หญิงสาวก็รีบปัดมันออกไปโดยไว
ใช่ มันไม่สำคัญอะไรกับพิมพ์เลย พิมพ์รพีกล่าวย้ำเหมือนจะบอกกับตัวเองด้วย
งั้นเราก็ต้องขอโทษที่ตามมารบกวนถึงที่นี่เพราะนึกว่าเรามีความสัมพันธ์ครั้งเก่ากัน ทั้งที่พิมพ์ลืมมันไปหมดแล้ว ภายใน
สามนาที เขาไม่อยากจะพูดคำนั้นออกมา เพราะเหมือนกับยิ่งตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บปวด
เขาค่อยพยุงตัวเองด้วยไม้ค้ำยันเดินออกจากห้องชุดไป โดยไม่สนใจกับเสียงที่ตะโกนไล่หลังมา
ดีไปเลย พิมพ์ก็เบื่อดูแลคนป่วยแล้วเหมือนกัน พิมพ์รพีรู้สึกตกใจกับอารมณ์และคำพูดของตนเอง
ทำไมต้องเจ็บอย่างนี้ด้วยนะ เขาไปแล้วไม่ดีหรือไง
ก็ดีแล้วนี่ เขาทำให้เราเจ็บก่อน เขาต้องเจ็บบ้าง มันถึงจะสาสม
แต่ทำไมพอนึกถึงสายตาที่มองมาอย่างปวดร้าวระคนตัดพ้อ มันยิ่งทำให้เราเจ็บ
ไปด้วย แต่ก็ต้องพยายามปลอบใจตัวเอง
ดีแล้ว ...
เป็นอย่างนี้ดีแล้ว...
*****
จากคุณ :
กระปุกกลิ้ง
- [
14 ธ.ค. 47 17:29:54
]